ฉันเป็นสุดที่รักของประธานมู่! ?

บทที่ 146 เห็นเขาถูกเหยียดหยาว มันช่างรู้สึกดีจริง ๆ เลย



บทที่ 146 เห็นเขาถูกเหยียดหยาว มันช่างรู้สึกดีจริง ๆ เลย

ทุกคนพอได้ยินมู่เฉินหย่วนพูดขนาดนี้ ก็กลัวจนตัวสั่น

คิดไม่ถึงเลยว่าปรธานมู่ที่ดูพูดจาดี แต่นิสัยน่ากลัวกว่า ยมทูตเสียอีก

” มู่จิ้นเซียนกำหมัดแน่น โกรธจนเกือบจะตะโกน ชื่อของมู่เฉินหย่วนออกมา ผลสุดท้ายก็โดนสายตาอันเย็น ชาของมู่เฉินหยวนเข้าไปทำให้ต้องกลืนคำที่เหลือลงไปใน ท้อง

มู่เฉินหย่วนชำเลืองตามองคนเหล่านั้นแว๊บหนึ่งจึงพูด อย่างไม่ใส่ใจ “ดูท่าทางพวกคุณอยากจะอยู่ที่นี่นะ”

ทุกคนต่างมองหน้ากันไปมาเลิกลัก

มู่เฉินหย่วนพูดให้พวกเขาตบเบา ๆ แต่พวกเขาจะกล้าเสีย ที่ไหนละ มู่จิ้นเซียนเป็นคนตระกูลมู่ พวกเขาเหล่านี้เป็น เพียงแค่ผู้น้อย ถ้าตบเขาจริง ๆ ต่อไปยังจะมีขาเดินเหรอ

แต่ถ้าพวกเขาก็ไม่ยอมอยู่ที่นี่ต่อไปเหมือนกัน

หลังจากที่บรรยากาศนิ่งเงียบไปพักใหญ่ ผู้ชายใส่แว่นคน หนึ่งค่อย เดินไปอยู่ตรงหน้ามู่จิ้นเซียน ๆ

มู่จิ้นเซียนคิดไม่ถึงว่าจะมีคนออกมาอยากตบตัวเอง หรี่ ตามองอย่างอาฆาตแค้นมาก
หนุ่มแว่นคนนั้นกลัวจนตัวสั่น รวบรวมความกล้าแล้วพูดขึ้น มา “ขะ ขอโทษนะครับคุณ…ผมไม่อยากอยู่ที่นี่ แฟนของ ผมรอผมอยู่ที่บ้าน…..คุณอย่าโทษผมเลยนะ

หนุ่มแว่นหลับตาตบหน้ามู่จิ้นเซียนอย่ารวดเร็ว

เขารู้ว่าไม่ควรหาเรื่องมู่จิ่นเซียนอยู่แล้ว ตอนที่ตบก็เลยไม่ ได้ตบแรงมาก พอตบเสร็จก็อยากจะไปเลย

มู่เฉินหย่วนลืมตาแล้วมองไปที่เขา ทำหน้าจะยิ้มแต่ก็ไม่ ยิ้มแล้วพูดว่า “นายตบเบาเกินไป เขาจะหายเมาได้ยังไง กลับไปตบใหม่ไป

ขาทั้งสองข้างของหนุ่มแว่นสั่นไปหมด “ประธานมู่ครับ นี่

“กลับไป ตบซะ!”

ท่าทางของมู่เฉินหย่วนทำเอาหนุ่มแว่นตกใจกลัว เหมือน กับว่าไม่อาจต้านทานเลยหันกลับไปอีกครั้ง ทำเป็นไม่เห็น สายตาอาฆาตของมู่จิ้นเซียนที่ส่งมาแล้วใช้ฝ่ามือตบไป อย่างแรง

มู่จิ้นเซียนหน้าด้านขวาแดงไปหมด มุมปากชา

“มู่จิ้นเซียน” เห็นฟูจิ๋นเซียนจะใช้กำลังกับหนุ่มแว่น มู่เฉิน หย่วนเลยพูดเบา ๆ “ถ้าทนฝ่ามือไม่ได้ ฉันให้คนกรอกไวน์ ขาวทั้งหมดให้นายก็ได้นะ
ไวน์ขาวห้าสิบสองดีกรี แค่ดื่มไปขวดเดียวก็ตายได้แล้ว ไม่ต้องพูดถึงสิบกว่าขวดเลย

มู่จิ้นเซียนมองขวดไวน์ขาวที่อยู่บนโต๊ะ เลีย ๆ ฟันกราม มองไปที่หนุ่มแว่นด้วยความโกรธแค้น หนุ่มแว่นรีบวิ่งหนี ออกไป พนักงานเสิร์ฟก็ไม่ได้ขัดขวางเขาอีก

พอมีหนุ่มแว่นเป็นผู้นำ แถมยังมีคำพูดของมู่เฉินหย่วนอีก คนอื่น ๆ ก็มีความกล้าขึ้นมา ก้าวออกมาทีละคน ๆ ขอโทษมู่ จิ่นเซียนก่อนจากนั้นก็ตบหน้าเขาไป

ตอนนี้ในห้องมีแต่เสียงดัง “เพี้ยะ ๆ” ติด ๆ กัน

พอตบมาจนถึงคนสุดท้าย แก้มของมู่จิ้นเซียนทั้งสองข้าง ก็แดงไปหมด เขายืนกำหมัดแน่นอยู่ตรงนั้น

คนไปเกือบหมดแล้ว เหลือคุณหานน้อยที่ยังไม่ได้ตบมู่จิ่น เซียน

ระหว่างคุณหานน้อยกับมู่จิ้นเซียนก็ถือว่าเป็นเพื่อนกัน คราวนี้เขาตบไม่ลงแน่นอนเลยหัวเราะแห้ง ๆ ใสบู่เฉินหย่วน “คะ คือว่า ประธานมู่ มือผมเจ็บ…ให้ผมดื่มไวน์ขาวสักแก้วก็ ได้มั้ง”

“ไวน์ขาวแก้วหนึ่งเหรอ” มู่เฉินหย่วนหัวเราะเบาๆ “นาย ดูถูกฉันหรือว่าดูถูกเขากันแน่”

“ประธานมู่ผมไม่ได้หมายความอย่างนั้น…
“ได้ยินไหม คุณหานน้อยบอกว่ามือเขาเจ็บ” มู่เฉินหย่วน หันไปพูดกับพนักงานเสิร์ฟด้านหลัง “คุณช่วยดูคุณหาน น้อยหน่อยนะ”

“ครับ ประธานมู่” พนักงานเสิร์ฟเดินก้าวยาว ๆ ไปอยู่ตรง หน้าคุณหานน้อย

คุณหานน้อยยังไม่ทันได้ตั้งตัวก็โดนพนักงานเสิร์ฟที่สูง กว่าเขาครึ่งหัวจับมือขวาเอาไว้แล้วตบเข้าไปที่หน้าของมู่ จิ่นเซียน ยืมใช้มือของเขาตมู่จิ้นเซียนไปอย่างแรง

จากนั้นก็ตบด้วยหลังมืออีกหนึ่งที

พอตบเสร็จพนักงานเสิร์ฟก็รีบพูด “ขอโทษนะครับ คุณ หานน้อย มือของคุณไม่เชื่อฟัง”

คุณหานน้อยร้องไห้สะอึกสะอื้น

ต่อไปนี้ มู่จิ้นเซียนไม่ยอมปล่อยเขาไปแน่

“ดูท่าทางคุณหานน้อยจะแข็งที่อไปแล้วจริง ๆ พวกคุณ พาเขาออกไป หาหมอมาดูเขาหน่อย” หมู่เฉินหย่วนพูด สายตาไปหยุดอยู่ที่ จิ่นเซียน “มานี่”

พนักงานเสิร์ฟพาคณหานน้องออกไปข้างนอก ในห้องมี แค่มู่เฉินหย่วน ถังชินและอีกไม่กี่คน

มู่จิ้นเซียนโดนตบอย่างน่าอับอายไปสิบกว่ารอบ คิดอาฆาตแค้นอยากจะฆ่ามู่เฉินหย่วนอยู่ในใจ แต่ต่อหน้าก็ไม่ กล้าแสดงออกอะไร ทำให้ยิ่งรู้สึกอัปยศอดสูมากขึ้นไปอีก

ขณะที่เดินเขาเดินมาข้างหน้า มู่เฉินหย่วนก็หยิบไวน์แดง ที่อยู่บนโต๊ะทุบไปที่เข่าของเขาอย่างแรงมาก

มู่จิ้นเซียนเข่าอ่อนคุกเข่าลงต่อหน้ามู่เฉินหยวน

มู่เฉินหย่วนดึงผมของเขามาตรงหน้าตัวเอง แววตา หม่นหมอง “มู่จิ้นเซียน พ่อนายก็ถือว่าเป็นผู้นำในวงการ ธุรกิจ ทำไมนายตามเขามาหลายปี แต่ไม่ได้เรียนรู้อะไรเลย ล่ะ บ๊ะ”

“พ่อนายไม่ชอบฉัน แต่ก็ยังรู้จักหัวเราะกลบเกลื่อน ไม่ หาเรื่องฉัน แล้วนายล่ะ ว่ายังไง หรือว่าอยากให้ทั้งโลกรู้ ว่า ตระกูลมู่จะล้มละลายแล้ว ฉันเป็นแค่คนไร้ประโยชน์แล้ว หรือไง”

“ประธานมู่ ผมผิดไปแล้ว ผมไม่น่าพูดคำเหล่านั้นเลย มู่ จิ๋นเซียนแก้มกระตุก ๆ แล้วพูดว่า “ผมมันไม่รู้จักกาลเทศเอง ตอนนี้ผมหายเมาแล้ว หวังว่าประธานมู่จะให้อภัยผมสักครั้ง นะ”

มู่เฉินหย่วนหัวเราะอย่างเย็นชา นายไม่น่าพูดคำพูดเหล่า นี้หรือเปล่าล่ะ นายไม่ควรลงมือกับคนของฉันนะ มู่จิ้นเซียน ถ้านายลืมว่าแม่นายตายยังไง ฉันเตือนสตินายได้นะ

“ตระกูลมู่ล้มละลายก็ไม่เป็นไร ฉันยังพอมีเงิน ซื้อพาดหัวข่าวหนังสือพิมพ์หลายหมื่นไปก็ยังเหลือเฟือ

มู่จิ่นเซียนเบิกตาโตขึ้น

ถ้างั้นแล้วเรื่องที่ปกปิดไว้มู่เฉินหย่วนรู้ได้อย่างไร เขาไปรู้ มาจากที่ไหน

“ผมผิดเอง หวังว่าประธานมู่ ประธานถังจะให้อภัยผมด้วย มู่จิ่นเซียนอดกลั้นความอัปยศเอาไว้ ไม่รีบร้อน รอให้ตระกู ลมู่เปลี่ยนคน เขาค่อยกอบกู้ความอัปยศในวันนี้จากมู่เฉิน หย่วนกลับคืนมา

มู่เฉินหย่วนจ้องเขาตาเขม็งแล้วปล่อยมือเหมือนกับโยน ขยะทิ้ง “บอกแล้วว่าวันนี้ผมเลี้ยงเหล้าพวกคุณ ไวน์ขาวสิบ กว่าขวดบนโต๊ะนี้ก็อย่าทำให้มันเสียของไปเปล่า ๆ เอากลับ ไปให้คุณลุงชิม ๆ ดูนะ

“ขอบคุณครับ ประธานมู่” มู่จิ้นเซียนรีบเก็บไวน์ขาวเหล่า นั้นแล้วเอาออกไปจากห้อง

มู่เฉินหย่วนหยิบกระดาษทิชชูบนโต๊ะเช็ด ๆ มือ หันวีลแชร์ มาก็เจอถังซินยืนอยู่ตรงนั้น ทำหน้าซึม จึงแกล้งถามเล่น ๆ “คุณถัง คิดอะไรถึงใจลอยขนาดนี้ล่ะ”

“ไม่มีอะไรค่ะ” ถังซินได้สติกลับมา ในใจยังรู้สึกช็อคไม่

หาย

นี่คือครั้งแรกที่เธอเห็นมู่เฉินหย่วนสั่งสอนคน โหดมากไม่มีความปราณีเลยสักนิด ดูจากท่าทางที่จู่จิ้นเซียนถูก หยามหน้า

ตอนที่มู่เฉินหยวนไม่อยู่ มู่จิ้นเซียนวิพากษ์วิจารณ์อย่าง เต็มที่ พอเขามาแล้ว แม้แต่ผายลมก็ยังไม่กล้า อ่อนน้อม ถ่อมตนมาก

มองเธอแล้วสบายใจจัง

ถังซินปากแห้งนิดหน่อย อยากจะเลีย ๆ แต่นึกถึงเรื่องที่ เกิดขึ้นในห้องน้ำเมื่อกี้ขึ้นมาทันทีเลยไม่กล้าเลีย พูดติด ๆ ขัด ๆ “ประ ประธานมู่คะ ถ้าไม่มีอะไรแล้วฉันขอตัวก่อนนะ คะ”

เปิดประตูห้องได้ก็อยากหนีไปเลย

มู่เฉินหย่วนเรียกเธอเอาไว้ “ตอนนี้ผมเป็นแบบนี้ คุณจะทิ้ง ผมไว้คนเดียวตรงนี้เหรอ”

“ประธานมู่ วีลแชร์ของคุณเป็นแบบอัตโนมัติไม่ใช่เหรอ คะ”

“แบตหมดแล้ว”

ถังซินเห็นมู่เฉินหย่วนกดปุ่มแล้วล้อไม่หมุนจริง ๆ แสดง ว่าแบตหมดแล้ว ก็เลยกันกลับไป ทำเสียงอู้อี้ “วีลแชร์อะไร แบตหมดได้ด้วย คราวหน้าจะซื้อดี ๆ ให้นะคะ…”
“อุ๊ยอุ๊ย ประธานมู่ ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นนะคะ” เธอรีบพูดเสริม “ฉันหมายความว่า ในช่วงที่ขาของประธานมู่ ยังไม่หายดี ฉันจะซื้อวีลแชร์ดี ๆ ให้ประธานมู่ค่ะ”

เมื่อกี้เธอปัญญาอ่อนหรือเปล่านะ พูดไปแบบนั้นไม่ได้ก็ เท่ากับมั่นใจว่าเขาจะต้องนั่งวีลแชร์ไปตลอดชีวิตไม่ใช่เหรอ

แต่อารมณ์ของมู่เฉินหย่วนกลับสงบนิ่ง เพียงแค่หัวเราะ เบา ๆ “โอเค”

เมื่อทั้งสองคนลงลิฟต์มาถึงชั้นหนึ่งก็เจอลู่เหวินซูเข้า

พอดี

“คุณถัง”

ลู่เหวินซูใส่ชุดลำลองสีเทาทั้งตัว ยกคิ้วโบกมือให้ถังซิน แล้วก็มองลงมาที่วีลแชร์ที่เธอเข็น คนที่นั่งอยู่ก็คือมู่เฉิน หย่วน “อ่าว พี่รอง พี่มาได้ยังไงเนี่ย…


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ