ฉันเป็นสุดที่รักของประธานมู่! ?

บทที่ 378 ความอัปยศที่เขามอบให้มา



บทที่ 378 ความอัปยศที่เขามอบให้มา

“ไอ้สาม นายมาพูดตอนนี้จะตัดสินกันเร็วไปนะ” ลู่เห วินซูได้ฟังมาเล็กน้อย ก็ถึงกับเอ่ยขึ้นมา “นายลืมหรือ ว่าข้างกายเขามีถังซินอยู่ ก่อนหน้านี้เธอจัดการเรื่องใน บริษัทมู่ซื่อได้เฉียบขนาดไหน คิดอยากจะทวงสิทธิ์ผู้ สืบทอดมาให้กับหลินเฉิงจี่ จะต้องใช้แรงทั้งหมดในการ โน้มน้าวนักการเมืองเหล่านั้นเป็นแน่”

เขาโยนสตรอเบอร์รี่เข้าปาก และพูดทั้งๆ ที่ยังเคี้ยว อยู่ “แต่ก็นะ เป็นพี่รองที่สอนเธอจนได้ถึงขนาดนี้ทั้งนั้น ความสามารถที่ยอดเยี่ยมแบบนี้ เป็นใครก็กลัวกันทั้ง นั้น”

เย่นจิ่งเหนียนถลึงตาใส่เขา “หุบปากไป ไม่มีใครว่า นายเป็นใบ้หรอก”

ลู่เหวินซูหยักไหล่

สีหน้ามู่เฉินหย่วนยังคงเหมือนเดิม เพียงเอ่ยถามเย่น จิ่งเหนียน “partyนั้นมีเมื่อไหร่”

“อีกสองเดือน”

“จี้เจียจื้อต้องการดึงเครือข่ายมนุษย์ของตัวเองเอา ไว้ ย่อมไปเป็นแน่” มู่เฉินหย่วนสายตามืดครึ้ม และเอ่ย สำทับเขา “บอกสถานที่และเวลาให้กับกวนชิงเฟิง”

เย่นจิ่งเหนียนราวกับรู้ถึงวิธีการของเขา“ประเทศYนั้นถือเป็นถิ่นพันธมิตรของจี้เจียจื้อ สายของ เขาเยอะมาก ทั้งยังมีเงิน ทหารผ่านศึกที่เกษียณไปแล้ว เขาก็พาตัวมาได้ พี่ให้กวนชิงเฟิงไป หากเขาถูกจับขึ้น มา มันไม่มีอะไรมารับประกันได้เลยนะว่าเขาจะหลบ ออกมาได้”

“เขาจบทหารโรงเรียนเดียวกับพี่ใหญ่นะ นายยังกลัว เขาเกิดเรื่องอีกหรือ” ลู่เหวินซูกล่าว “สบายใจเถอะ ฉัน จะจัดการเรื่องการเดินทางไปต่างประเทศของเขาให้ดี เอง”

เย่นจิ่งเหนียนกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ “ฉันแค่ไม่ อยากลากคนเข้าไปเพิ่ม และทำให้เรื่องมันแย่ยิ่งกว่า เดิม หากเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับกวนชิงเฟิง คนไม่มีสมอง อย่างนายเอาไปพูดต่อหน้าซือซือ จนส่งผลกระทบกับ เธอ นายรับผิดชอบไหมล่ะ”

ลู่เหวินซูตอบกลับทันที “ทำไม ฉันไม่มีสมองตรงไหน

“นายทำเรื่องที่ไม่มีสมองน้อยรึไง”

“พอแล้ว” ใบหน้าของมู่เฉินหย่วนมืดครึ้มทันพลัน และ เอ่ยแทรกการต่อล้อต่อเถียงของทั้งสองคน “ไม่มีธุระ แล้วก็กลับซะ”

เย่นจิ่งเหนียนมองค้อนลู่เหวินซู และหันไปแนะนำมู่ เฉินหย่วน “พี่รอง พี่คอยอยู่ข้างๆ ซือซือมาตลอด ไม่ ได้พักไม่ได้ผ่อน ช่วงนี้ให้ฉันดูแลเธอก่อนก็ได้ อย่างไรเรื่องของบริษัทที่จะไม่ใส่ใจก็ไม่ได้นะ”

“ฉันเอาคอมพิวเตอร์มาแล้ว หากเกิดเรื่องก็จัดการ ทางออนไลน์ได้” มู่เฉินหย่วนกล่าว “พวกนายกลับไป ซะ”

เมื่อเห็นมู่เฉินหย่วนดึงดันเช่นนั้น เย่นจิ่งเหนียนก็ไม่ ขอแนะนำต่อ ได้แต่บอกเขาว่าหากมีเรื่องก็ขอให้โทรหา ออกจากที่นี่ไปพร้อมกับลู่เหวินซูอย่างรวดเร็ว

ลู่เหวินซูขับรถเพื่อไปส่งเย่นจิ่งเหนียน

หลังจากที่เย่นจิ่งเหนียนขึ้นรถ ก็สังเกตเห็นอะไรได้ ขึ้นมา ของเล็กๆ น้อยๆ ที่ประดับอยู่บนรถได้หายไป แล้ว สติกเกอร์ที่แปะว่า ที่นั่งของนางฟ้าตัวน้อย ก็ได้ หายไปเช่นกัน

นึกย้อนไปถึงตอนที่ได้พบหน้ากับลู่เหวินซูเมื่อครู่ ท่าทางเช่นนั้นของเขา ในใจเริ่มเดาอะไรได้ขึ้นมา

จนรถมาจอดเทียบที่พัก เย่นจิ่งเหนียนไม่ได้รีบลงรถ ไปแต่อย่างใด และหันกลับมาพูดกับลู่เหวินซู “เหวินซู นายกับหลี่ซูเจ๋แค่หมั้นกันเท่านั้น ไม่รักแล้วเลิกกันมัน เป็นเรื่องที่ง่ายๆ ฉันรู้ว่านายนั้นควบคุมทุกอย่างได้ดั่ง ใจมาโดยตลอด หากเกิดเรื่องขึ้นกับพวกนายจริงๆ ก็ขอ ให้จากกันแต่โดยดีเถอะ อย่าทำร้ายเธอเลย”
ลู่เหวินซูยกยิ้มที่มุมปากและกล่าวอย่างขบขัน “เฮ้ยๆ ฉันใจดีกับผู้หญิงมาโดยตลอดนะ เคยทำร้ายใครด้วย หรือไง อย่าคิดว่าพอฉันเลิกกับเธอแล้ว จะไม่ปล่อยเธอ ไปอย่างนั้นสิ”

เย่นจิ่งเหนียนมองเขา ก่อนจะถอนหายใจ “ฉันก็หวัง ไว้เช่นนั้นนะ”

และเขาก็ลงรถไปโดยเร็ว

ภายในรถ รอยยิ้มของลู่เหวินซูค่อยๆ หายไป เขาขับ รถออกไป ประมาณยี่สิบนาที ก็มาถึงคฤหาสน์สี่ที่ มีชื่อเสียงของเมืองหนานเฉิง

ลู่เหวินซูขับรถเข้าไปอย่างคุ้นเคย เลี้ยวไปตามทาง ไม่กี่ครั้ง ก็จอดลงที่หน้าวิลล่าหลังโดดนี้

หลังจากที่จอดรถแล้ว ก็ตรงเข้าไปเคาะประตู

“คุณลู่” ทันทีที่คนรับใช้เปิดประตูออกและเห็นเป็นเขา ก็รีบก้มหัวอย่างรวดเร็ว น้ำเสียงสั่นไหวเล็กน้อย

ลู่เหวินซูรู้สึกได้ถึงสิ่งที่แปลกไป จึงเอ่ยถามเขาเสียง เย็นชา “เกิดเรื่องอะไรขึ้น”

คนรับใช้กล่าวอย่างตะกุกตะกัก “คุณหลี่ เธอใช้ผ้า ปูเตียงมาเป็นเชือก ราวกับมาต้องการหนี ไม่คิดว่าผ้า ปูเตียงนั้นจะผูกติดกันไม่แน่น จึงตกลงไปจนขาซ้น ครับ…”
ใบหน้าลู่เหวินซูแข็งกร้าว ผลักคนรับใช้ออกให้พ้น ทาง และก้าวเท้าขึ้นไปชั้นสองทันที

แม้แต่จะเปิดประตูยังเกียจคร้าน เขาใช้เท้าถีบประตู เมื่อเข้าไปก็เห็นหลี่ซูเจ่ที่กำลังลงจากเตียง รอยฟกช้ำ สีม่วงที่ข้อเท้าขวากว้างเป็นแผ่นใหญ่ ที่แขนเองก็มีรอย บาดแผลไม่น้อย

การเตะประตูนั้นทำให้หลี่ซูเจ๋ตื่นตกใจ

เธอเพิ่งจะเงยหน้าขึ้นเท่านั้น ยังไม่ทันได้มองว่าเป็น ใคร ข้อมือก็ถูกกระชากอย่างแรง

เธอได้รับบาดเจ็บที่ข้อเท้าขวา ท่าทางราวกับจะโดน ลากออกไปข้างนอก แขนที่ถูกยึดไว้มั่นเหมือนกำลังจะ หักก็ไม่ปาน

“ลู่เหวินซู คุณเป็นบ้าอะไร” หลี่ซูเจ๋เจ็บจนเริ่มทรมาน ทำได้เพียงด่า ไม่กล้าที่จะขัดขืน

จนมาถึงห้องนอนที่ชั้นสาม เธอก็ถูกโยนไปที่พื้นพรม

ลู่เหวินซูบีบคางของเธอไว้แน่น ใบหน้าแข็งกร้าวจับ จ้องมาที่เธอ “ต่อจากนี้ผมจะให้คนรับใช้จับตามองคุณ ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง ดูสิว่าคุณจะหนีไปได้อีกหรือไม่”

หลี่ซูเจ๋ปัดมือของเขาออก และจับเขาเอาไว้แน่น “พวกเราเลิกกันแล้ว คุณไม่มีสิทธิ์มากักขังฉัน”
ลู่เหวินซูแค่นเสียงหัวเราะเย็นชา “ผมก็ขังแล้วนี่ คุณ ทำอะไรได้บ้าง”

“สารเลว”

หลี่ซูเจ๋โกรธจนอยากจะข่วนหน้าเขา ลู่เหวินซูคว้ามือ ของเธอไว้ และบีบอย่างไม่ออมแรง เสียงกระดูกลั่นทำ ให้หลี่ซูเจ๋ตื่นกลัว

ใบหน้าของเธอซีดเผือดเพราะความเจ็บปวด ลู่เหวินซู หาได้สนใจไม่ ตบลงที่ใบหน้าของเธออย่างจัง “หลี่ซูเจ๋ ญาติบนโลกใบนี้ของคุณมีเพียงลุงและป้า ลองคำนวณ เอาเองสิ”

หลี่ซูเจ๋ขบฟัน และจ้องเขาตาเขม็ง “คุณจะแก้แค้นก็ มาลงที่ฉัน อย่าไปลงที่พวกเขา”

“พวกเขานี่มีค่ามากเลยสินะ ถึงยกเอามาขู่คุณได้” ลู่ เหวินซูกล่าว และกดคร่อมเธอลงบนพรม ร่างกายทาบ แนบลงไป “ผมไม่มีทางปล่อยไปอยู่แล้ว”

ชายหนุ่มที่อยู่เบื้องหน้า ร่างกายสั่นเทิ้มด้วยความ โกรธ ไม่เหมือนกับคนที่หลี่ซูเจ๋รู้จักสักนิด

เธอหลับตาลง และเอ่ยเสียงแผ่ว “ลู่เหวินซู ฉัน ขอโทษ ฉันพูดอะไรไปก็คงไม่มีประโยชน์ และไม่ขอให้ คุณปล่อยฉันไป แต่ให้ฉันได้โทรศัพท์เถอะนะ”

“คุณจะติดต่อใคร ถังซินรี”
เธอเบิกตาโพลง จนลู่เหวินซูรู้ทันทีว่าตัวเองนั้นเดาถูก

เพราะเธอเอาแต่ห่วงใยคนอื่น โดยไม่เสียใจกับสิ่งที่ ทำลงไปแม้แต่น้อย นั่งยิ่งทำให้เขาเดือดดาล

“เธอไปประเทศYกับหลินเฉิงจื่นานแล้ว อยู่ดีฉิบหาย ไม่จำเป็นต้องติดต่อกับคุณแม้แต่น้อย” ลู่เหวินซูจับมือ ของเธอไว้แน่น ราวกับปีศาจที่ไร้สติ “คุณคิดมาว่าจะ ชดใช้ให้กับลูกทั้งสองของผม”

หลี่ซูเจ๋จ้องดวงตาที่แดงก่ำของเขา พลันเจ็บปวดใน ใจอย่างทรมาน

“ฉัน…” เธอเพิ่งจะเอ่ยปากเท่านั้น ทันใดนั้นเขาก็เพิ่ม แรงที่มือที่กดคอขอเธอเอาไว้ จนหายใจได้ลำบาก สอง มือก็ไม่สามารถนำมาช่วยได้ ทำได้เพียงหลับตาลงด้วย ความทรมานเท่านั้น

เมื่อสาแก่ใจ วินาทีถัดมาลู่เหวินซูจึงยอมปล่อยมือ ยัง ไม่ทันที่เธอจะได้หายใจให้เต็มปอด เขาก็จูบเธอด้วย ความกรุ่นโกรธที่เต็มอก

หลี่ซูเจ๋รู้สึกจะสำลักอากาศ

ผ่านไปอึดใจเธอถึงจะหายใจได้ปกติ ใบหน้าเต็มไป ด้วยความทรมาน “ลู่เหวินซู ขอร้อง… คุณอย่าเป็นแบบ

เขาที่เป็นแบบนี้ ที่ดูถูกกันแบบนี้ มันทำให้เธอทรมานยิ่งกว่าตายเสียอีก

ความทรมานและคำพูดของเธอ มีแต่ทำให้ลู่เหวินซูยิ่ง เกลียด ไม่อยากจะมองหน้าเธอแม้แต่วินาทีเดียว ถอด เสื้อเชิ้ตปิดใบหน้าของเธอ สถานการณ์แย่ยิ่งกว่าเดิม

พื้นที่ที่ถูกปิดกั้นขนาดเล็ก ทำให้หลี่ซูเจ๋หายใจอย่าง ยากลำบาก แต่เทียบไม่ได้เลยกับความอัปยศที่เขา มอบมาให้

เธอหลับตาลง น้ำตาไหลอาบกรอบหน้าจนตกกระทบ ไปที่พรม

ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปเท่าไหร่ สนามที่น่าอัปยศนี้ก็ได้จบ ลง

หลี่ซูเจ๋เหนื่อยล้ากับบาดแผล นอนอยู่บนพรมโดยไม่ ขยับไปไหน เสื้อเชิ้ตของเขานั้นยังปกคลุมปิดใบหน้า เอาไว้

เธอได้ยินเสียงของคนรับใช้ ทั้งยังได้ยินลู่เหวินซู กำชับเสียงเย็นชา “ทำอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการ ให้เธอกินเพียงห้าเปอร์เซ็นต์เท่านั้น อย่าให้เธอได้มีแรง หนี หากเธอขัดขืน ใจกล้าคิดที่จะหนีอีก ก็หักขาทั้งสอง ข้างของเธอซะ”

“ครับ คุณลู่”

“หาคนมาจับตามองเธอ แม้แต่ตอนเข้าห้องน้ำก็จับตาดู” เสียงฝีเท้าของเขาห่างออกไป “ตรวจร่างกายของ เธอเป็นประจำ ถึงเวลาตกไข่เมื่อไหร่เรียกฉันด้วย”

คำพูดของเขานั้นสะท้อนอยู่ในหูของหลี่ซูเจ๋อย่างไม่ จางหายไป

ท่าทางเย็นชาที่แข็งกร้าว ดวงตาแห่งความอัปยศ นั่น ทำให้ใจของเธอสลายไปทีละน้อย ความเจ็บปวดที่ ร่างกายต่างด้านชาไปเสียแล้ว


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ