ฉันเป็นสุดที่รักของประธานมู่! ?

บทที่ 556 ฉันเลี้ยงหมาไม่เป็น



บทที่ 556 ฉันเลี้ยงหมาไม่เป็น

เห็นน้ำเสียงถังซินหนักแน่น เด็ดขาดขนาดนี้ ใจของมู่ เฉินหย่วนก็เหมือนถูกรัดแน่นๆ ยากที่จะรับได้

เขาไม่ปล่อยไป ถังซินก็ข้ามที่โต๊ะน้ำชาแล้วออกไป ทางโซฟา

ตอนที่ถังซินเปลี่ยนรองเท้าที่ทางเข้า อัลเซเซียนก็ เข้ามาเอาหัวถูไถที่ขาหล่อนแล้วก็ส่ายหาง

“ว่างผู่ ไม่เจอกันนานเลยนะ”ถังซินลูบหัวสุนัขอัลเซ เขียน เซียน

เห็นว่าไม่เจอกันนาน อัลเซเซียนตัวนี้ก็ดูแข็งแรงมาก ขึ้น

ถ้าไม่ใช่เพราะหมานี่ ครั้งที่แล้วหล่อนก็ตกลงมาจา

กลิฟท์

ถังซินจูบหัวอัลเซเซียนและยิ้มบางๆ“เด็กดี ครั้งหน้า ฉันจะมาใหม่”

มู่เฉินหย่วนหันไปมองถังซินที่คุยเล่นกับอัลเซเซียน ที่ทางเข้า

กับเขาน่ะทำอึนใส่แต่กับหมาน่ะยิ้มร่าให้ ทำให้เขาไม่ พอใจอย่างมาก
จู่ๆมู่เฉินหย่วนก็คิดอะไรได้สายตาก็หม่นลง เขาเดิน ไปตรงทางเข้าแล้วพูดกับถังซินว่า: “คุณเอามันไปด้วย

ถังซินปฏิเสธ”ไม่ต้องหรอก ฉันเลี้ยงหมาไม่เป็น”

“แม้แต่แมวที่ขนร่วงคุณก็ไม่รังเกียจ เลี้ยงหมาสักตัว จะยากอะไร”มู่เฉินหย่วนลูบสุนัขอัลเซเซียน“ฉางผิง ชอบมันมาก คุณพามันไปอยู่เป็นเพื่อนฉางผิงสิ ยังไง คุณก็ไม่ให้ฉางผิงมาที่นี่”

มู่เฉินหย่วนพูดอีก”ถ้าช่วงนี้คุณยุ่ง ผมก็ยุ่งมาก ซือซื

อก็ต้องอยู่โรงพยาบาล ฉางผิงอยู่บ้านคนเดียวไม่มีใคร อยู่ด้วย มีสัตว์เลี้ยงอยู่เล่นกับเขาเขาจะได้ไม่คิดมาก” ตอนที่ถังซินลังเล มู่เฉินหย่วนก็ใช้โอกาสเอาเชือกที่

ตัวหมาส่งให้หล่อน

“พรุ่งนี้ผมให้ผู้ช่วยจางเอาอาหารหมาไปให้”

นึกถึงฉางผิงถังซินก็ใจอ่อน รับเชือกมาจากเขา“ขอบ คุณประธานมู่”

มู่เฉินหย่วนยิ้มบางๆ“เกรงใจไปแล้ว ผมยังต้องลำบาก คุณถังให้ช่วยเลี้ยงหมาอีก”
พอถังซินจูงหมาออกมาก็เห็นรถขับเข้ามาจอดที่หน้า

ทางออก

หล่อนลงบันไดรีบก้าวไป

“เฉิงจี๋”

หลินเฉิงจี่เปิดประตูรถข้ามมาดูถังซิน พอเห็นหล่อน ไม่เป็นไรก็เอาหล่อนเข้ามากอด ก้มลงจูบผมหล่อน ผม ห่วงคุณตลอดเลย ดีที่คุณไม่เป็นไร”

“ฉันไม่เป็นไรจริงๆ”ถังซินยิ้ม

ด้านหลังเย็นหน่อยๆเหมือนมีคนมองตัวเองอยู่ ก็ยื่นมือไปดันหลินเฉิงจี้“ขึ้นรถก่อน เดี๋ยวฉันบอก”

“โอเค”หลินเฉิงจี้ไปเปิดประตูรถด้านหลัง

ตอนที่หันมาเห็นถังซินจูงหมามาสายตาก็เป็น ประกาย“นี่ไม่ใช่หมาของบ้านประธานมู่เหรอ?

“อือ ฉันพากลับไปให้ฉางผิงเลี้ยงซักหน่อย”ถังซิน ปล่อยเชือกแล้วให้หมาขึ้นไปเอง“เรื่องพ่อแม่เขา ฉันก็ บอกคุณไปแล้ว”

หลินเฉิงจี๋เข้าใจ เอามือลูบไหล่หล่อนและพูดอย่าง อ่อนโยน“ขึ้นรถเถอะ”
ระหว่างทางที่กลับไป ถังซินก็เอาเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อ ตอนเที่ยงคืนบอกหลินเฉิงจี่”พอฉันถึงท่าเรือที่จริงก็ อยากโทรหาคุณแต่โทรศัพท์ก็ตกและดับไป

ถังซินพูดขอโทษ ขอโทษนะที่ให้คุณเป็นห่วง”

“คุณไม่เป็นไรก็ดีแล้ว”หลินเฉิงจี่ขับรถต่อไป พูดด้วย สีหน้าจริงจัง”ผมคิดไม่ถึงจริงๆว่าจะมีคนแอบจ้องสาว สวยตลอด ทำเรื่องพวกนี้……….โหดเหี้ยมจริงๆ”

“แต่ว่ายินยินคุณไม่ต้องกังวล ยังหาร่างไม่เจอน่าจะ ไม่เป็นไร ผมจะให้จงเชิงช่วยหาแล้วดูว่าผู้หญิงที่ชื่อ เจียน่าหลบอยู่ไหน”

“ขอบคุณ……”

“บอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าระหว่างเราไม่ต้องเกรงใจ อะไร”หลินเฉิงจี๋ตัดบทหล่อน“ผมเป็นผู้ชายของคุณหรือ คนนอกกันแน่?

ถังซินยิ้มพูดอย่างอ้อนวอน“โอเคโอเค ฉันผิดเอง ต่อ ไปไม่ทำอีกแล้ว”

“ตอนดึกทำอาหารให้ผมทานสิ

“ได้”ถังซินตอบรับ“อยากอะไรได้หมด”

พอคุยกันไปมา จู่ๆมือของหลินเฉิงจี๋ที่วางบนพวง มาลัยก็จับไว้แน่นแล้วถามถังซินโดยบังเอิญ“ยินยินตอนคุณไป ประธานมู่มีพูดอะไรกับคุณไหม? ”

“มี เขายังอยากคุยกับฉันแต่ฉันปฏิเสธไป”ถังซินไม่ ได้ปิดบังและก็รู้ว่าเขากำลังหึง ตัวเอนไปทางคนขับ ยกมือขึ้นมาส่ายไปทางเขา

“คุณอย่าคิดมากขนาดนั้น ฉันรับชุดแต่งงานกับแหวน ของคุณแล้วและยังมีความสัมพันธ์กับคุณ ฉันไม่มีทาง ไปเกี่ยวข้องอะไรกับเขาอีก”

หลินเฉิงจี๋ยิ้มพูดอย่างอ่อนโยน : “อือ ผมรู้”

แต่สายตาที่มองทางข้างหน้ากลับนึกถึงครั้งนั้นที่ เปิดดูใบเสร็จบัตรเครดิตอย่างไม่ตั้งใจ เงินที่ซื้อเพชร สีชมพูคืนกลับไปที่บัญชีเขาครบถ้วนและยังมีเรื่องที่ซื้อ ชุดแต่งงานแต่ไม่รูดบัตร สายตาก็ค่อยๆหม่นลง

เรื่องที่ต้องจัดการเยอะมาก ถังซินบอกกับหลินเฉิงจื่ ว่าไม่ไปบริษัทสักพักนึง

หลินเฉิงจื่อยากช่วยแต่ถูกถังซินห้ามไว้ ให้เขาดูแล บริษัทให้ดีก็พอ

ถังซินติดต่อนักสืบเอกชนที่ก่อนหน้านี้เคยช่วยหล่อน สืบ จ่ายราคาสูงซื้อข่าวดังของดารามาได้และจัดการ ให้คนปล่อยลงเน็ต
หล่อนรู้ว่าบริษัทพวกนี้มีเส้นสายกว้าง เอารูปของ เจียน่าให้เขา ให้เขาช่วยตัวเองหา

ถังซินรู้ว่ามู่เฉินหย่วนก็จัดการให้คนไปหา แต่ว่าคน พวกนั้นช่างเทพเหลือเกิน พวกเขาอยากหาก็ไม่ง่าย ขนาดนั้น ต้องใช้แรงละคนอย่างมาก

ถังซินนิ่งลง ค่อยๆจัดการทีละเรื่อง

มีเงินมากไปกองให้ เรื่องที่หลี่ซูเจ๋ฆ่าคนในเวยป๋อกับ สื่อต่างๆก็ถูกข่าวบันเทิงมาปิดหมด

ตำรวจในที่ต่างๆก็ไม่พูดถึงอีก เหมือนว่าต่างไม่รู้เรื่อง

นี้

หนึ่งอาทิตย์ถัดมาจู่ซือซือก็โทรหาถังซินบอกว่าลู่เห วินซูดีขึ้นมากแต่แค่ยังไม่ฟื้น แล้วยังถามหล่อนว่าเจอ หลี่ซูเจ๋หรือยัง แปปนึงถังซินก็กังวลอีกครั้ง

เรื่องข่าวจัดการไปแล้ว แต่ไม่ว่าหล่อนกับมู่เฉินหย่วน เกณฑ์คนไปแค่ไหน ใช้เวลาไปหาเท่าไหร่ก็ยังหาหลี่ซู เจ๋ไม่เจอ

แม้แต่รอบๆท่าเรือหรือที่ๆทะเลแห่งนี้ไหลผ่านไป ที่ไหนได้บ้าง ก็หาหมดแล้วแต่ยังไม่เจอ

ส่วนเจียน่า พวกเขาก็ไม่ได้เบาะแสอะไร

ถังซินรู้ว่าช่วงนี้จู่ซือซือก็เหนื่อยมากที่โรงพยาบาลไม่อยากให้หล่อนกังวลเรื่องอื่นอีกจึงให้กำลังใจและ ปลอบหล่อนและให้หล่อนดูแลตัวเองดีๆด้วย

พอวางสาย หล่อนก็ส่งข้อความหามู่เฉินหย่วน ถามว่า เขาหาเจอหรือยังอย่างนับครั้งไม่ถ้วน

มู่เฉินหย่วนตอบไวมาก ปลอบหล่อนว่าอย่าใจร้อน

ถ้าตอนต้นๆถังซินก็พอเชื่อได้ ค่อยๆรอไป แต่นี่ อาทิตย์กว่าแล้วแม้แต่เสื้อผ้าของหลี่ซูเจ๋ก็หาไม่เจอ ทำให้ถังซินไม่สบายใจ

หล่อนยังเกิดความคิดแย่ๆอีกด้วย หรือว่าจะมีปลา ฉลามผ่านมา จนสาวสวยถูกฉลามกินไป?

มือถังซินจับหน้าผาก กังวลอย่างมาก

ตอนเช้าฉางผิงพาหมาออกไปวิ่งและยังอาบน้ำให้มัน ด้วย กลับมาเห็นถังซินขดตัวที่โซฟาอย่างเซ็งๆ

แม้ว่าเรื่องพวกนั้นที่เกิดขึ้น ถังซินกับมู่เฉินหย่วนไม่ ได้บอกฉางผิง

แต่ว่าช่วงนี้ฉางผิงอยู่บ้านก็เห็นถึงซินโทรศัพท์อยู่ เรื่อยๆ จากการคุยของหล่อนก็เดาออกว่าเกิดเรื่อง

เห็นถังซินอารมณ์ไม่ค่อยดี ฉางผิงก็ลูบคาง จู่ๆก็คิดวิธีดีๆออก
“ป้าครับ วันนี้ตื่นเช้าจัง! “นางยิ่งกระโดดขึ้นโซฟา นั่งถัดจากถังน” นวันนี้เราออกไปทานข้าวเช้าแล้วซื้อ เสื้อผ้าให้ผมสองสามชุดด้วยได้ไหม?

เขาชี้ไปที่ชุดออกกำลังกายบนตัว”ชุดนี้ผมใสมาเดือนกว่าแล้ว”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ