ฉันเป็นสุดที่รักของประธานมู่! ?

บทที่ 169 ขอร้องเธอไม่ได้ พูดออกมาว่าต้องการเธอไหม



บทที่ 169 ขอร้องเธอไม่ได้ พูดออกมาว่าต้องการเธอไหม

ถังซินรู้สึกประหลาดใจ พลั้งทำโทรศัพท์หล่นพื้น

เป็นอะไรไป?

ถังซินมองไปยังโทรศัพท์ที่กำลังสั่น ไม่กี่วินาทีหลังจาก นั้นก็กัดฟันกรอด พลันรับด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง “ประธานมู่”

“เหวินซูบอกว่าสองสามวันมานี้เธอยุ่งมากที่บริษัท ไม่ให้ ฉันไปรบกวนเธอ” หลังจากจบประโยค น้ำเสียงของฝ่าย ชายนั้นนุ่มลึกคล้ายกับกำลังจีบสาวอยู่

นี่ถือว่าเป็นการอธิบายมั้ย?

ถังซินพูดไม่ออกแถมยังกังวลเล็กน้อย เธอกล่าวแบบติดๆ ขัดๆ “อืม ยะ ยุ่งจริงๆ” “วันนี้เป็นวันไหว้พระจันทร์”

ถังซินกล่าวออกไปภายใต้จิตสํานึกของเธอ “สบสันต์วัน ไหว้พระจันทร์!”

ปลายสายดูเหมือนจะเงียบไปสักพัก คล้ายกับมีเสียงหัว เราะเล็กๆ ออกมา ถังซินที่ฟังอยู่เหมือนกับโดนตบหน้า

ถังซินเธอบ้าไปแล้วรึไง!

มู่เฉินหย่วนตอบแบบนุ่มนวล “พ่อฉันเพิ่งโทรมา ให้ฉัน กลับไปฉลองวันไหว้พระจันทร์ที่บ้าน แล้วก็…จำได้ว่าให้พาคุณที่เป็นแม่ลูกอ่อนไปด้วย”

“ประธานมู่ ฉันไม่ได้ท้องจริงๆ” ถังซินใจไม่อยู่กับเนื้อกับ ตัว อะไรๆ ก็กล่าวหาเธอ เธอไม่สามารถเก็บสีหน้าอันแดง กำนั้นไว้ได้ “แม่ฉันก็เพิ่งโทรมาเหมือนกัน ฉันก็อาจจะต้อง กลับไป”

“เข้าใจ ไหว้พระจันทร์คนในครอบครัวฉลองด้วยกันถึงจะ คึกคัก” มู่เฉินหย่วนกล่าว “งั้นผมกลับไปคนเดียวก็ได้”

“ประธานมู่…

คำพูดของเขา ทำให้ถังซินรู้สึกเหมือนทำอะไรผิดไป ไม่มี ความมั่นใจมากพอ เธออยากจะพูดอะไร มู่เฉินหย่วนก็บอก กับเธอว่าให้ทำงานเถอะ แล้วก็วางสายไป

แล้วก็วางสาย?

ถังซินชำเลืองมองโทรศัพท์ ไม่อยากที่จะเชื่อ

คุณอาม่เย็นชาขนาดนี้เลยหรอ? ขอร้องเธอไม่ได้ พูดออก มาว่าต้องการเธอไหม !

หลังจากนั้นไม่นาน คุณแม่ถึงก็โทรมาจริงๆ บอกว่าวันนี้วัน ไหว้พระจันทร์ ถามเธอว่าว่างมั้ย ให้กลับมาฉลองด้วยกัน ถัง ชินจึงตอบตกลงไปพร้อมโทรหากวนชิงเฟิง

ช่วงเวลานี้กวนชิงเฟิงได้ไปเข้าร่วมงานที่บาหลีเป็นเพื่อนกับ ซือซือ ยังไม่กลับมา กวนหลิงเอ๋อก็ไปถ่ายหนังอยู่ที่ บอสตัน

ถังขินถอนหายใจ

กวนหลิวเอ๋อไม่รู้ว่าจะติดต่อนักแสดงต่างชาติได้จาก ที่ไหน เล่นเรื่องนึงรับต่ออีกเรื่องนึง คำประกาศโฆษณา ต่างๆ ผู้คนดูเหมือนจะออกนอกประเทศกันไปแล้ว ยังไม่ เคยกลับมา ตอนนี้เธอจะเป็นคนเดียวที่กลับไป

หลังจากที่จัดการงานต่างๆ เสร็จแล้ว ถังซินก็นำโน้ตบุ๊ค ติดตัวไปด้วย กะว่าจะสะสางงานที่ค้างอยู่ให้เสร็จ ขณะที่ กำลังลงจากอาคาร ได้พบเจอกับลู่เหวินซูและหลี่ซูเจ๋ที่เพิ่ง แยกจากกัน

ถังซินมองทั้งคู่พลันเอ่ยถาม “พวกเธอมาฉลองด้วยกัน หรอ?”

“ใช่แล้ว เหวินซูบอกว่าพ่อแม่เขาอยู่ต่างประเทศกัน หมด ที่บ้านไม่มีใครอยู่” หลี่ซูเจ๋ตอบกลับ “ถ้าฉันไม่ใช่คนใน บ้านก็ไม่อยู่ที่นี่หรอ, ถังซินเธอจะกลับแล้วหรอ? หรือว่าไม่ กลับแต่……

“เธอไม่ได้กลับ เธอยังต้องไปบ้านพี่ลู่น่ะ ลู่เหวินซูตัดบท พูดหลี่ซูเจ๋ “ผมว่าพวกเราไม่อยู่กวนดีกว่า ซื้อขนมไหว้ พระจันทร์คนละชิ้นก็ฉลองได้แล้ว”

“แล้วทำไมฉันต้องไปหาประธานมู่ที่นั่นด้วย!” ถังซินนึกถึงตอนที่ถูกวางสายใส่ ก็หงุดหงิดขึ้นมาพลันแสยะยิ้ม “เค้า กลับบ้านเค้า ฉันก็กลับไปฉลองกับแม่ฉัน!”

“เธอให้เขากลับไปคนเดียวหรอ?”

“เค้าก็ไม่ใช่เด็กแล้ว ยังจะหลงทางอีกหรอ?”

ลู่เหวินซูลูบไปที่คาง พร้อมพึมพัมในปาก “ช่วงเวลาแบ บนี้ปกติคนในตระกูลมู่ล้วนกลับไปกันหมด แล้วพี่ลู่อยู่ใน สภาพแบบนี้ เธอไม่กลัวเค้ากลับไปแล้วจะโดนรังควาน หรอ?”

“ฉันเป็นอะไรกับเค้าล่ะ ทำไมถึงต้องห่วงด้วย?” ถังซิน ย้อนตอบพร้อมแสยะยิ้ม “พอได้แล้ว เธอกับมู่เฉินหย่วน สนิทกันเหมือนพี่น้อง ถ้าจะไป งั้นเธอก็ไปเองละกัน!”

ลู่เหวินซูสวนตอบมาอย่างรวดเร็ว “ไม่ได้หรอก ผมต้องอยู่ เป็นเพื่อนนางฟ้าตัวน้อย!”

“ไม่ต้องก็ได้นะ” หลี่ซูเจ๋กล่าว “เดี๋ยวฉันกลับไปนอนดูทีวี คนเดียวที่บ้านก็ได้

“วันนี้วันไหว้พระจันทร์ นอนดูทีวีเสียเวลาจะตาย!” ลู่เหวิน ซูหัวเราะเยาะ “พวกเราไปชมจันทร์ที่สถานีกันเถอะ!”

ถังซินเดินจากไปด้วยสีหน้าที่ไร้อารมณ์

วันนี้วันไหว้พระจันทร์ บนถนนทุกพื้นที่ล้วนคึกคักเป็นอย่างมาก ถังซินเดินเบียดเสียดเข้าไป อขนมไหว้ พระจันทร์ภายในซุปเปอร์มาเก็ต ในขณะที่ขับรถกลับ รถบน ถนนก็ติดกันอย่างแน่นขนัด

เธอรออย่างสงบเสงี่ยม

ในขณะที่เอาหัวชโงกออกไปนอกกระจกรถนั้น พบว่าบน ทางเดินปรากฏร่างของหญิงคนหนึ่งกำลังเข็นรถวิลแชร์ ผู้ชายที่อยู่บนวิลแชร์นั้นยังห้องสายน้ำเกลือ ท่าทางลำบาก แต่สีหน้าของทั้งสองคนกลับยิ้มอย่างมีความสุข

ชั่วขณะนั้น เธอก็นึกถึงมู่เฉินหย่วนขึ้นมา รวมถึงโทรศัพท์ สายนั้น

เนื่องจากมู่เฉินหย่วนมีปัญหาทางด้านฐานะ จึงไม่ค่อยได้ รับการต้อนรับจากคนในตระกูลมู่เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ภายใน ครอบครัวก็ทะเลาะกันไม่หยุดหย่อน ถ้าหากมู่เฉินหย่วนนั่ง วิลแชร์ คนพวกนั้นคงเยาะเย้ยเค้าน่าดู

“ปิ๊บๆ ”

ด้านหลังของรถปรากฏเสียงของแตรที่น่าแสบหู ทำให้ถัง ซินรู้สึกตกใจ

เธอเห็นว่าบริเวณโค้งเปลี่ยนเป็นไฟเขียวแล้ว จึงรีบออก รถ เมื่อรถสงบขึ้นเธอจึงโทรศัพท์ไปหาคุณแม่ถัง “แม่ กิน ข้าวไปเลยไม่ต้องรอหนู หนูอาจจะถึงเย็นๆ นะ”
“มากับแฟนเรามั้ย?”

ถังซินแทบสําลักพลันตอบกลับอย่างเก้ๆ กังๆ “บ่าว หนูไป ช่วยเค้าจัดการงานนิดหน่อยน่ะ เดี๋ยวเสร็จแล้วหนูค่อยกลับ ไป”

“งั้นถ้าถึงเวลาแล้วหนูอย่าลืมพาเค้ามาด้วยล่ะ”

ขับรถมาเกือบยี่สิบนาที ในที่สุดเธอก็มาถึงบ้านพักมู่พลัน จอดรถไว้หน้าประตูเหล็ก

ในขณะที่เธอกำลังลงจากรถเพื่อเรียกให้คนมาเปิดประตู แต่ประตูเหล็กกลับเปิดออกอย่างอัตโนมัติทั้งสองบาน

คนในตระกูลมู่รู้จักรถของเธอกันแล้วหรอ?

หลังจากเข้าไปภายในบ้าน ถังซินก็ได้นำรถไปจอดไว้ที่ โรงจอดรถกลางแจ้ง เมื่อลงจากรถคนรับใช้คนหนึ่งได้เดิน เข้ามาพลันถาม “สวัสดีครับคุณถัง” หลังจากนั้นก็นำขนม ไหว้พระจันทร์มอบให้เธอ และพาเธอนั่งรถกอล์ฟเข้าไปยัง ตัวบ้าน

ถังซิ่นไม่รู้หรอกว่าบ้านพักคู่มีเนื้อที่เท่าไหร่ กลับกันเธอ รู้สึกว่ามันใหญ่มาก พอๆ กับความรู้สึกแรกที่เธอได้เข้ามา เรียนในวิทยาลัยนิวคาสเซิล มากี่ครั้ง ก็ยังรู้สึกน่าทึ่ง
หลังจากนั่งในรถได้ประมาณหกนาที ก็มาถึงบริเวณหน้า บ้านหลัก

ถังขินตามคนรับใช้เข้ามาภายในบ้าน สายตาของเธอได้ เห็นกับห้องรับแขกที่หรูหราโอ่อ่า ราวกับฟลอร์เต้นรำไม่มี ผิด เธอได้ยินเสียงคนหัวเราะแว่วๆ คาดว่ามีคนอยู่ไม่น้อย เป็นแน่

“คุณผู้ชายครับ คุณถังมาแล้วครับ”

จากการประกาศของคนรับใช้ ถังซินรู้สึกว่าเสียงหัวเราะ เหล่านั้นได้เบาลง เธอเดินเข้ามาภายในห้องรับแขกอย่าง ช้าๆ มองเห็นโซฟาอีกด้านหนึ่งของโซนรับแขกเต็มไปด้วย ผู้คนที่นั่งอยู่

ชุดสูทของผู้ชายทุกคนล้วนเรียบกริ๊บ ส่วนชุดของผู้หญิง ดูแพงหรูหรา สไตล์ของแต่ละคนนั้นดูแพงราวกับชนชั้นสูง

ถังซินกวาดสายตาไปครู่หนึ่ง พอรู้ได้ว่าด้านบนไม่น่ามีพิษ มีภัยอะไร

เมื่อก่อนตอนที่ถังซินยังไปมาหาสู่กันอยู่กับหลินเฉิงจื้ อยู่ เธอเคยเห็นแม้กระทั่งสมาชิกเชื้อพระวงศ์ของประเทศ อังกฤษ และยังมีโต๊ะที่ทานอาหารอีก แต่คนพวกนี้กลับไม่ ได้สร้างความกดดันให้เธอแต่อย่างใด

ถังซินเดินเข้าไป ทักทายท่านมู่อย่างสุภาพ “ท่านมู่ ต้อง ขอโทษด้วยค่ะ จริงๆ แล้วฉันควรจะมากับประธานมู่ แต่งานที่บริษัทย่ง เลยเลทมาถึงตอนนี้”

“คนบ้านเดียวกันทั้งนั้น จะมาเกรงใจอะไร!” สีหน้าของท่า นมู่เดิมทีนั้นไม่ค่อยดีอยู่แล้ว แต่พอเห็นว่าถังซินมาหา ก็ ยิ้มแย้มเบิกบาน กวักมือเรียกให้ถังซินเข้าไปหานั่งใกล้กับมู่ เฉินหย่วน

หลังจากที่เธอนั่งลงแล้ว มู่เฉินหย่วนพลันถามด้วยน้ำ เสียงที่เบา “ไม่ได้กลับไปฉลองวันไหว้พระจันทร์หรอก หรอ?”

“รับปากกับท่านปูไว้แล้วว่าจะมา พูดแล้วคืนคำมันไม่ดี” ถังซินตอบกลับด้วยเสียงเบาเช่นกัน พลันนั่งตัวตรงพร้อม หันไปตอบบทสนทนาของท่านมู่ มู่เฉินหย่วนมองไปที่เธอ ในดวงตาเต็มไปด้วยความอ่อนโยน

วันนี้ตระกูลมู่มาพร้อมหน้ากันเยอะแยะขนาดนี้ เพื่อฉลอง เทศกาลไหว้พระจันทร์ เธออยากที่จะแสดงความรู้สึกต่อ หน้าท่านมู่ แต่แม่ของมู่หยางซิ่วก็มาเสียก่อน ประจวบ เหมาะกับถังซินมาที่นี่พอดี ท่านมู่จึงดึงตัวเธอขึ้นมาพูดคุย ด้วย

ทำให้คนจำนวนมากไม่พอใจ

“พูดมาสิ ถังซินยังมีความสนิทสนมกับครอบครัวพวกเรา อีกหรอ!” คนที่อายุอ่อนกว่าทั้งหลายไม่มีใครกล้าเอ่ยปาก มู่จิ่นหลิงจึงเอ่ยขึ้น “แต่ก่อนแต่งงานกับหยางซิ่ว ตอนนี้ก็ กลายมาเป็นผู้จัดการแทนผู้อำนวยการบริษัทมู่ซือแล้วไง”
อารมณ์ของผู้คนต่างก็เริ่มอ่อนลง มู่จิ้นหลังส่งสายตาหา หลิวฟาง กล่าวแบบยิ้มแหล่มยิ้มแหล่ “เธออยู่กับถังซินมา ปีกว่าแล้ว น่าจะบอกพวกเราเร็วกว่านี้ว่าเธอร้ายกาจขนาดนี้ ไม่งั้นหยางซิ่วก็คงไม่ต้องหย่าหรอก”

หัวข้อสนทนาดูเหมือนจะเอนเอียงมาทางตัวเธอ หลิวฟาง ทำได้เพียงยิ้มแบบเหยเก

เมื่อเทียบกับตระกูลมู่แล้ว หลิวฟางก็เป็นแค่ครอบครัว ของภรรยา เป็นเรื่องที่ยากมากที่จะมาฉลองเทศกาลไหว้ พระจันทร์ที่นี่ เกรงว่าจะทำให้คนอื่นเสื่อมเสีย แต่ไหนแต่ไร มาเธอก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะออกปากออกเสียงอยู่แล้ว


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ