ฉันเป็นสุดที่รักของประธานมู่! ?

บทที่ 120 มีดีอะไรถึงได้รับมรดก



บทที่ 120 มีดีอะไรถึงได้รับมรดก

สำหรับการอ้อนวอนของมู่เจิ้งหยา คุณหมอเพียงแต่กล่าว อย่างจนปัญญาว่า “นี่ไม่ใช่ประเด็นเรื่องเงิน คือ…ส่วนขา ของคุณมู่ได้รับบาดเจ็บอย่างมาก พวกเราได้พยายามอย่าง เต็มที่แล้วจริงๆขอโทษด้วยนะครับ หมอต้องขอตัวก่อนพอดี มีเคสต่อ”

คุณหมอได้เดินจากไปอย่างรวดเร็ว เนื่องจากมีเคสผ่าตัด อีกหนึ่งเคส พยาบาลได้เข็นเตียงของเฉินหยวนไปยังห้อง ผู้ป่วย ด้านนอกของห้องผ่าตัดยังคงมีคนของตระกูลมู่อยู่ บางส่วน รวมถึง ถังซิน เย่นจิ้งเหนียนและคนอื่นๆ

เมื่อรู้เหตุที่ไม่คาดคิดเช่นนี้จากปากของหมอ สีหน้าของ เย่นจิ่งเหนียนก็เปลี่ยนภายในชั่วพริบตา ลู่เหวินซูมีอาการ สั่นเทาเล็กน้อย อยากจะไปดึงแขนของหมอเอาไว้ เย่นจึง เหนียนได้ไปคว้า แขนของเขาดึงกลับมา

“พอได้แล้ว ยังยุ่งไม่พอใช่มั้ย? ” เย่นจิ้งเหนียนถลึงตา ใส่เขาครู่หนึ่ง จากนั้นจึงละสายตาไปยัง ถังซิน สีหน้า เคร่งขรึม พี่ถัง พี่บอกว่าอาการของพี่เฉินโอเคดีไม่ใช่หรอ ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้ล่ะ? ”

“ฉัน ฉันไม่รู้…” ที่แน่ๆ บนรถพยาบาล พยาบาลคนนั้นบอก กับฉันว่าไม่มีอะไร แต่ทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้ล่ะ ” หากประธาน ไม่ไปส่งฉัน เรื่องมันก็คงไม่เป็นแบบนี้… ” ถ้า เป็นแบบนั้นก็คงไม่เจอกับรถที่ย้อนศรมาแล้วเปิดไฟสูง แล้วเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงเช่นนี้

“ให้พวกเธอไปตั้งนานแล้ว ทำไมยังอยู่ที่นี่กันอีก! ” มู่จิ่น หลิงดึงร่างของถังซินเอาไว้ เธอโมโหอย่างมาก “ผลออกมา เป็นแบบเนี้ย พอใจแล้วใช่มั้ย? แกจะให้เอาสภาพที่เวทนา แบบนี้ไปให้ใครเค้ามอง! ”

มู่หยางซิ่วจับถังซินมาไว้ในอ้อมกอด เพื่อหยุดการปะทะ ของมู่จิ่นหลิง “ใครก็ไม่อยากให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นหรอก มัน เป็นเหตุสุดวิสัย อย่าทําร้ายเธอเลย”

มู่จิ่นหลิงหัวเราะเยาะ “เป็นเหตุสุดวิสัยรึเปล่า มันยังเร็วไป ที่จะสรุป ตราบใดที่ฉันยังอยู่ในตระกูลมู่ ผู้หญิงคนนี้จะไม่ได้ รับอนุญาตให้กลับไปทำงานที่ตระกูลมู่อีก! ”

“ทะเลาะกันพอรึยัง? ” บรรยากาศทะเลาะโหวกเวก โวยวาย ทำให้มู่เจิ้งหย่าปวดหัวเป็นอย่างมาก สีหน้าดูเข้ม งวด “น้องเขยของพวกคุณยังไม่ได้สติ ยังมีเวลาว่างมา ทะเลาะกันอีกหรอ? ”

คำตำหนิเพียงประโยคเดียวทำให้ไม่มีเสียงเล็ดลอดต่างๆ ออกมา

หลังจากได้รู้ว่าเฉินหยวนได้เสียขาไปแล้ว ถังซินก็ได้แต่ ใจลอย ไม่ได้ยินเสียงทะเลาะเบาะแว้งเหล่านั้น ทั้งสมอง มีแต่ตอนที่มู่เฉินหยวนฉลองวันเกิด เธอได้พาเฉินหยวนไป ฉลองที่สวนสนุก พาเขากลับไปกินบะหมี่ราดน้ำเกรวี่ฝีมือ แม่ของเธอ ได้ยินเขาเรียกแม่ของเธออย่างเป็นธรรมชาติ หน้าตาสดใส
ดูเหมือนว่าเรื่องเพิ่งจะเกิดขึ้น แต่ทำไมแค่พริบตาเดียว โลกก็พังทลายลงซะแล้ว?

เนื่องจากมู่เฉินหยวนมีสถานะที่พิเศษ คุณหมอเลยจัดการ ห้องคนไข้เดี่ยวชั้นดีไว้ให้ เหมือนกับอยู่บ้านเลยทีเดียว วี่เห วินถึงพิจารณาอย่างรอบคอบ แล้วย้ายผู้ป่วยจากชั้นนี้ไปยัง ชั้นอื่น

ไม่เกิน 5 นาที บอดี้การ์ดที่น่าเกรงขามสิบกว่าคนก็ล้อม บริเวณบนชั้นไว้อย่างแน่นขนัด คนในตระกูลมู่อยากที่จะไป ดูอาการของมู่เฉินหยวน ก็ถูกกันไว้ด้านนอก มู่เจิ้งหย่าสีห น้าย่ำแย่มาก

มู่จิ่นหลิงพูดขึ้นมา ณ ที่นั้น “พวกเธอหมายความว่ายังไง เฉินหยวนเป็นคนในตระกูลมู่ ทำไมถึงไม่อนุญาตให้พวกเรา ดูแล เอาคนของพวกแกออกไป เดี๋ยวพวกเราจะจัดคนมา ดูแลเอง!”

ตั้งแต่เริ่มจนถึงตอนนี้ เธอก็หยิ่งยโสมาโดยตลอด ไม่เคย ไว้หน้าคนในตระกูลมู่เลย วี่เหวินถึงชำเลืองมองเธอด้วย สายตาที่เย็นชา กล่าวคำพูกคำที่สองออกมาหลังจากมา ถึงที่นี่

“ไสหัวไป!”

คำที่เปล่งออกมาช่างเยือกเย็นไร้ความรู้สึก ทำให้มู่จิ้น หลิงพูดไม่ออกแม้แต่คำเดียว แต่ชายคนนี้ทำให้คนรู้สึกถึง ความไร้ชีวิตชีวา ไม่สบอารมณ์ แม้แต่พ่นลมหายใจออกมาก็ยังไม่กล้า

คนของวี่เหวินถึงเฝ้ารักษาอย่างแน่นหนา ทำให้คนในตระ กูล ไม่สามารถเข้าไปได้ หลังจากต่างฝ่ายต่างไม่ยอมกัน สถานการณ์ก็เริ่มคลี่คลายลง คนในตระกูลมู่ต่างคนก็เริ่ม ทยอยกลับ คนรับใช้ก็ประคองมู่เจิ้งหย่าแล้วเดินจากไป

มู่หยางซิ่วอยากจะพาถังซินไปรักษาบาดแผล แต่เธอก็ได้ ปฏิเสธไป ต่อมาเขาก็ได้รับโทรศัพท์ สีหน้าเปลี่ยนไปอย่าง มาก ไม่พูดไม่จาพร้อมเดินจากไปอย่างรวดเร็ว

หลังจากที่มู่เจิ้งหย่าออกมาจากโรงพยาบาล ก็ขึ้นไปยัง รถที่จอดอยู่ข้างทาง เวลานี้สีหน้าของเธอได้แสดงออกมา ท่าทีไม่อ่อนโยนเหมือนที่อยู่ต่อหน้าผู้คน รอคนรับใช้ขึ้น มาบนรถด้วยบรรยากาศที่อึมครึม หลังจากประตูรถได้ปิดลง มู่เจิ้งหยาเอ่ยถาม “มันเป็นความจริงหรอ?” “เรื่องจริงครับ คุณนาย” คนรับใช้กล่าวด้วยเสียงต่ำ “หมอคนนั้นคือคน ของพวกเรา เขาไม่โกหกหรอกครับ เขายังส่งข่าวมาบอก ผมด้วยว่า ขาของคุณชายเฉินหยวนใช้การไม่ได้แล้ว จะไม่ สามารถยืนได้อีกตลอดชีวิต”

“โอเค นี่แหละที่เรียกว่าผลกรรม! ” มู่เจิ้งหยายิ้มเล็กน้อย รู้สึกสบายใจขึ้นมาบ้าง “ถูกคุณพ่อพาเข้ามาในบ้าน ก็คิดว่า เป็นคนในตระกูลมู่ เลยคิดอยากจะชุบตัวหรอ?”

“มู่เฉินหยวนกล้ามาขัดขวางการเลื่อนตำแหน่งของ ลูกชายฉัน และยังมาวุ่นวายกิจการของฉันอีก ฉันจะไม่ให้ มันผ่านไปง่ายๆ แน่! นังเด็กเมื่อวานซืน แกมีดีอะไรถึงจะได้รับมรดกของตระกูลมู่!

คนรับใช้พยักหน้าคล้อยตาม “ใช่ครับ คุณชายเฉินหยวน ฉลาดนิดหน่อย คุณชายใหญ่ก็เข้าข้างแล้ว คนในตระกูลมู่ เยอะแยะขนาดนั้น เมื่อก่อนคุณนายใหญ่โปรดปรานคุณ ที่สุด คุณชายใหญ่กลับหยิบยื่นตระกูลมู่ให้กับคุณชายเฉิน หยวน อย่าว่าแต่พวกคุณเลยที่ไม่พอใจ ผมเป็นคนนอกยัง รู้สึกว่าคุณชายใหญ่ยังไม่ยุติธรรมเลยครับ”

มู่เจิ้งหย่าลูบคลำมือขวาที่ไร้ซึ่งนิ้วนาง ช่างขัดหูขัดตาเธอ ยิ่งนัก

จนถึงทุกวันนี้เธอยังไม่รู้เลยว่าใครจับเธอมา นิ้วขาดนิ้วไป นิ้วนึงแล้ว แต่เธอเดาว่า…..

“สภาพของมู่เฉินหยวนตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับคนพิการ ใคร จะเชื่อว่าหลังจากฟื้นขึ้นมา ยังจะเป็นผู้นำของตระกูลมู่ได้” แววตาของมู่เจิ้งหย่าเคลื่อนไหวไปมา “คุณชายใหญ่ก็เข้า โรงพยาบาลถึงคราวที่พวกเราจะได้ดูแลตระกูลมู่แล้ว”

เธอสบตากับคนรับใช้

คนรับใช้คนนี้ทำงานกับเธอมานาน รู้ว่าภายในตาของเธอ นั้นสื่อถึงอะไร “คุณนายวางใจเถอะครับ ผมจัดการทั้งหมด เรียบร้อยแล้ว ทางตำรวจจะสืบหายังไง ก็เป็นอุบัติเหตุที่ เกิดจากรถเปิดไฟสูงสวนทางมา คนขับคนนั้นอยู่ในกำมือ ของพวกเราแล้ว ไม่กล้าพูดอะไรกับทางตำรวจหรอกครับ คงนอนในคุกแบบเงียบๆ ”
“อืม ดีมาก”

ถังซินเข้ามาบริเวณห้องผู้ป่วยกับเย่นจิ่งเหนียนและคน อื่นๆ เพียงแต่ยืนอยู่ด้านนอกไม่ได้เข้าไปภายในห้อง เธอ เขย่งเท้ามองไปยังด้านใน มองเห็นเฉินหยวนที่นอนอยู่บน เตียง

สวมชุดคนไข้บนใบหน้าไม่มีสีของเลือดเลยแม้แต่น้อย ยังคงนอนไม่ได้สติเช่นเดิม ใจเธอบีบแน่น

“ถัง ทําใจให้สบายหน่อยสิ” เย่นจิ้งเหนียนตบบนไหล่ ของถังซิน พร้อมกล่าวด้วยน้ำเสียงที่อ่อนนุ่ม “นี่ไม่ได้เป็น เพราะพี่ อย่ามัวแต่โทษตัวเองเลย ตอนนี้การรักษาพัฒนา ไปไกลแล้ว รอให้พี่เฉินฟื้นขึ้นมา แล้วเราค่อยพาไปรักษาที่ ต่างประเทศกัน

“เธอพูดถูก พี่จมกับความรู้สึกนี้มากเกินไป” ถังซินเช็ดที่ หางตา ที่เย่นจิ่งเหนียนพูดก็ไม่ผิด หมอภายในประเทศไม่มี วิธีรักษา ไม่แน่ว่าไปต่างประเทศอาจจะพอมีวิธีรักษาก็ได้

ถังซินเม้มปากพร้อมกล่าว “แต่ว่าอุบัติเหตุที่เกิดกับ ประธานมู่ ฉันก็มีส่วนที่ต้องรับผิดชอบอยู่ครึ่งหนึ่ง ฉันจะ อยู่ดูแลที่นี่จนกว่าประธานมู่จะฟื้น ต่อไปค่ารักษาพยาบาล ทั้งหมด ฉันจะเป็นคนจ่ายเอง”

ลู่เหวิน กล่าวด้วยถ้อยคำเย้าแหย่ “พี่รับผิดชอบขนาดนี้ ทำให้ผมรู้สึกเหมือนพี่อยากจะเป็นเมียพี่ผมอย่างนั้นแหละ”
ถังซิน “..….”

11

“แกไม่พูดมันจะตายมั้ย?” เย่นจิ้งเหนียนมองบน เริ่มรู้สึก รำคาญเขาขึ้นมาบ้าง

เย่นจิ้งเหนียนเห็นวี่เหวินถึงมองไปยังห้องคนไข้ตลอด หายใจอย่างอึมครีม เขากล่าว “ครับ แทนที…..

ขณะที่เขากำลังเอ่ยปากพูด ทางระเบียงอีกด้านหนึ่งก็เกิด เสียงบางอย่างขึ้น

บอดี้การ์ดคนหนึ่งวิ่งมาพร้อมกล่าว “มีผู้หญิงคนหนึ่งบอก ว่าตัวเองเป็นว่าที่เจ้าสาวของคุณมู่ อยากที่จะเข้ามาครับ”

“ทำไมปีนี้พี่เฉินดวงดีขนาดนี้นะ ไปที่ไหนก็มีแต่ผู้หญิง ตามติด?” ลู่เหวินซูยิ้มกรุ้มกริ่ม มองข้ามสายตาที่ดูถูกของ เย่นจิ้งเหนียน ทำให้บอดี้การ์ดรีบนำตัวผู้หญิงคนนั้นเข้ามา

วี่เหวินถึงกระดิกนิ้วมือภายในกางเกงของเขา สายตาที่ เงียบสงัดยังคงทอดมองไปยังห้องคนไข้

ไม่นาน บอดี้การ์ดก็นำตัวหญิงสาววัยรุ่นคนหนึ่งเข้ามา เธอสวมกระโปรงผ้าฝ้ายสีเทา ภายนอกคลุมด้วยผ้าคลุม ไหล่ผืนบาง สัดส่วนรูปร่างสวยสดงดงาม เป็นผู้หญิงที่สวย เพรียบพร้อมมากคนหนึ่ง


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ