ฉันเป็นสุดที่รักของประธานมู่! ?

บทที่ 338 เลิกล้อเล่นได้แล้ว



บทที่ 338 เลิกล้อเล่นได้แล้ว

สุดท้ายโมมอยอี้ก็ทนไว้ไม่ไหว ซบไหล่ของเขาและ ร้องไห้เสียยกใหญ่ พ่อบ้านที่คอยรับต่างออกกันไป อย่างรู้ความ

คุณท่านมู่ปวดใจเป็นอย่างมาก และคอยลูบหลัง ปลอบใจเธออยู่ตลอด

รอจนกระทั่งโมมอยอี้ร้องไห้จนพอแล้ว คุณท่านก็พา เธอเข้ามาในห้องรับแขก คุณท่านพาเธอเข้ามานั่ง ทั้ง เอ่ยถามขึ้นอย่างทรมานใจ “สาวน้อย ยี่สิบกว่าปีที่ผ่าน มาเธอไปอยู่ที่ไหนกัน ทำไมถึงได้กลายเป็นแบบนี้ไป ได้”

โมมอยอี้เช็ดน้ำตา ก่อนจะกล่าวเสียงแผ่ว “ครั้งนั้นฉัน จะไปร่วมงานเลี้ยงกับซือหนานค่ะ ผู้จัดงานจัดขึ้นเพื่อ การลงทุนของโครงการหนึ่ง งานเลี้ยงครั้งนั้นฉันได้พบ กับโบแนร์-อเล็กซ์เลียร์…

คุณท่านมู่คิ้วขมวด “ตระกูลอเล็กซ์เลียร์จาก ประเทศY นรี”

โมมอยอี้พยักหน้า

เธอเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้คุณท่านมู่ฟัง รวมทั้งเรื่อง ที่เธอมายังเมืองหนานเฉิงนี่ด้วย หลังจากที่นำเลือดออก จากสมองได้หมดจนความทรงจำฟื้นคืนขึ้นมา ก็ได้แอบ มาหามู่เฉินหย่วนอยู่บ่อยครั้ง
บทที่ 338 เลิกล้อเล่นได้แล้ว

สุดท้ายโมมอยอี้ก็ทนไว้ไม่ไหว ซบไหล่ของเขาและ ร้องไห้เสียยกใหญ่ พ่อบ้านที่คอยรับต่างออกกันไป อย่างรู้ความ

คุณท่านมู่ปวดใจเป็นอย่างมาก และคอยลูบหลัง ปลอบใจเธออยู่ตลอด

รอจนกระทั่งโมมอยอี้ร้องไห้จนพอแล้ว คุณท่านก็พา เธอเข้ามาในห้องรับแขก คุณท่านพาเธอเข้ามานั่ง ทั้ง เอ่ยถามขึ้นอย่างทรมานใจ “สาวน้อย ยี่สิบกว่าปีที่ผ่าน มาเธอไปอยู่ที่ไหนกัน ทำไมถึงได้กลายเป็นแบบนี้ไป ได้”

โมมอยอี้เช็ดน้ำตา ก่อนจะกล่าวเสียงแผ่ว “ครั้งนั้นฉัน จะไปร่วมงานเลี้ยงกับซือหนานค่ะ ผู้จัดงานจัดขึ้นเพื่อ การลงทุนของโครงการหนึ่ง งานเลี้ยงครั้งนั้นฉันได้พบ กับโบแนร์-อเล็กซ์เลียร์…

คุณท่านมู่คิ้วขมวด “ตระกูลอเล็กซ์เลียร์จาก ประเทศY นรี”

โมมอยอี้พยักหน้า

เธอเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้คุณท่านมู่ฟัง รวมทั้งเรื่อง ที่เธอมายังเมืองหนานเฉิงนี่ด้วย หลังจากที่นำเลือดออก จากสมองได้หมดจนความทรงจำฟื้นคืนขึ้นมา ก็ได้แอบ มาหามู่เฉินหย่วนอยู่บ่อยครั้ง
ใจโมมอยอี้สั่นระรัว ก่อนจะไต่ถาม “โบแนร์ลงมือกับ เขาหรือคะ”

คุณท่านมู่กล่าวด้วยความทรมาน “เขาโทรมาหาฉัน บอกให้ฉันไปหาเขา แต่ตอนที่ฉันไปกลับพบว่า… เขา ฆ่าตัวตายด้วยปืน ทั้งยังต่อหน้าต่อตาเฉินหยวน”

ดวงตาของโมมอยอี้เบิกโพลง คิดไปว่าเขากำลังล้อ เธอเล่น

“เขาน่าจะรู้เรื่องที่เธอถูกโบแนร์พาตัวไป ทั้งยังได้ กำลังที่จะพาเธอกลับมา ดังนั้นถึงได้สิ้นหวัง” คุณท่านมู่ กล่าวเรื่องเหล่านี้ออกมาด้วยความรู้สึกที่ปวดร้าวไปทั้ง ใจจนเกินจะทน

“ไม่ได้ เป็นไปไม่ได้… โมมอยอี้พึมพำ เธอไม่มีทาง เชื่อเรื่องแบบนี้ “โบแนร์สัญญากับฉันแล้วว่าจะไม่ลงมือ กับเขา เขาจะตายได้อย่างไรกัน เขาไม่มีทางตายได้…”

คุณท่านดู่ไม่ได้อยากเห็นเธอเป็นแบบนี้ แต่ก็เลี่ยงที่ จะไม่พูดไม่ได้ “สาวน้อย นี่คือเรื่องจริง ฉันไม่มีเหตุผล ให้ต้องโกหกเธอเลย เฉินหย่วนเห็นพ่อของเขาฆ่าตัว ตาย ก็ได้รับการกระทบกระเทือนทางจิตใจจนแทบเสีย สติ ฉันกลัวว่าเขาจะเป็นอะไรไป จึงให้คนมาสะกดจิต เขา โชคยังดีที่เขาไม่เป็นอะไร เติบโตขึ้นมาได้ดีเหมือน กับพ่อของเขา”

โมมอยอี้กุมใบหน้าและร้องไห้อย่างหนักหน่วง น้ำตา ไหลมาตามร่องนิ้ว ทั้งโศกเศร้าทั้งสิ้นหวัง
เธอคิดว่า ทุกข์ทรมานอยู่นานหลายปี สามีและ ลูกชายจะมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี แต่หลังจากที่ความ ทรงจำกลับมา ทั้งยังได้มารับรู้ความจริงที่น่าหดหู่นี้อีก

“ทำไมเขาถึงได้ทิ้งฉันได้ลงคอ… โมมอยอี้ร่ำร้อง ด้วยความสิ้นหวัง “ราวที่ฉันทำลงไปทั้งหมดมันจะมี ความหมายอะไรกัน ให้ตายเสียยังจะดีกว่า”

“อย่าพูดอะไรโง่ๆ แบบนี้นะสาวน้อย” คุณท่านผู่เอ่ย ปลอบใจเธอ “ในคราแรกฉันคิดว่าพวกเธอตายกันไป หมดแล้ว อยู่มาจนผมเปลี่ยนเป็นสีขาว ตอนนี้ก็ได้เห็น ว่าเธอยังมีชีวิตอยู่ ดีแล้ว ฉันไม่รู้ว่ามีความสุขเท่าไหร่ แต่เฉินหย่วนจะต้องมีความสุขมากเป็นแน่

“คุณพ่อ ไม่เอานะคะ” โมมอย รีบจับมือของคุณท่า นม่ไว้แน่น และเอ่ยขอร้องเขา “ให้ทำเป็นว่าฉันตายแล้ว อย่าได้บอกเขา แค่นี้เขาก็ทรมานมามากพอแล้ว”

“เธอคือแม่ของเขา

โมมอยอี้ส่ายหน้า และกล่าวทั้งน้ำตา “แค่ได้เห็นเขา โตเป็นผู้ใหญ่แค่นั้นก็ดี และฉันก็มีความสุขมากพอแล้ว ค่ะ ฉันไม่อยากให้เขามารับรู้เรื่องพวกนี้ ขอร้องล่ะค่ะ อย่าบอกเขาเลย”

คุณท่านมู่รู้สึกปวดใจกับเธอ “เขาจะต้องเข้าใจเธอ ได้เพียงมองอยู่ไกลๆ เธอพอใจแล้วอย่างนั้น”

โมมอยอี้ทำได้เพียงส่ายหน้าไม่หยุด
มันไม่ง่ายเลย คุณท่านมู่จะแทรกความคิดของเธอ ได้ ในตอนที่กำลังจะพูด ประตูก็ถูกเปิดออก เป็นมู่เฉิน หย่วนที่เดินเข้ามา เขาเห็นในทันทีว่าห้องรับแขกนั้นมี คนอยู่

ทันทีที่โมมอยอี้เห็นเขา ก็ร้อนรนแต่ไม่มีที่ให้ซ่อนตัว แม้แต่นิด

สายตาของมู่เฉินหย่วนมืดครึ้ม แต่ก็ส่งเสื้อคลุมให้กับ คนรับใช้ไป เปลี่ยนรองเท้า แล้วจึงเดินเข้าไปในห้อง รับแขก ตาคมจับจ้องไปที่โมมอยอื้

“เฉินหย่วน หลานกลับมาได้อย่างไร” คุณท่านมู่ ทักทายเขา นึกอยากจะพาเขาออกไป “คงหิวแล้วใช่ ไหม พ่อเองก็หิวแล้ว พวกเราไปทานข้าวกันเถอะ”

“จะทานข้าวต้องรอก่อน” มู่เฉินหย่วนยืนหลังตรง จดจ้องไปที่โมมอยอี้ และเอ่ยเสียงเย็น “เธอเป็นแขก ของพ่อหรือ”

คุณท่านมู่พยักหน้า “ใช่ๆ แขก พวกเราคุยกันจบแล้ว และเธอกำลังจะไปพอดี”

มู่เฉินหย่วนคิ้วขมวด “แล้วเธอร้องทำไม”

“อ่า นั่น นั่น… คุณท่านผู่ถึงชะงักไปอึดใจ ก่อนจะรีบ เอ่ยขึ้น “ความจริงเธอเป็นบริษัทซัพพลายเออร์ แจ้ง ราคามามากเกินไป เลยโดนพ่อด่าจนร้องไห้”
โมมอยอี้เช็ดน้ำตา และรีบลุกขึ้นจากโซฟา “คุณท่า นมู่ รบกวนคุณแล้วค่ะ…

เธอรีบร้อนที่จะเดินออกไป แต่ก็ถูกมู่เฉินหย่วนจับ แขนของเธอเอาไว้

“ผมได้ยินเสียงของคุณแล้ว” สายตามืดครึ้มของมู่ เฉินหย่วนจดจ้องไปที่เธอ “คุณเคยโทรมาหาถังซินก่อน หน้านี้ ชื่อโมมอยอี้ คุณเป็นแม่ของหลินเฉิง”

“คุณได้ยินผิดแล้ว ฉันไม่ใช่” โมมอยอี้ฝืนยิ้มออกมา ทั้งจงใจกดเสียงให้ต่ำลง

มู่เฉินหย่วนแสยะยิ้ม และกล่าวอย่างเย็นชา “การฟัง ของผมไม่มีปัญหา คุณมาที่ตระกูลมู่ทำไม หลินเฉิงจี่ให้ คุณมาหรืออย่างไรกัน

โมมอยอี้ไม่กล้าพูด อยากจะผลักเขาให้หลบและรีบ หนีไป แต่แขนกลับถูกจับไว้แน่น

“พอแล้ว เฉินหย่วนปล่อยมือ” คุณท่านมู่ส่งเสียงขึ้น เขาทำราวกับไม่เห็นสายตาอ้อนวอนของโมมอยอี้ เขา ถอนหายใจ “เธอคือแม่ของแก”

มู่เฉินหย่วนชะงัก

เขาจ้องโมมอยอี้ ถามคุณท่านอย่างไม่อยากจะเชื่อ “พ่อจะแต่งกับเธอหรือ
คุณท่านมู่ถลึงตาใส่เขา และกล่าวอย่างโมโห “พูดบา อะไร เธอคือแม่แท้ๆ ของแก ฉันก็เป็นพ่อแท้ๆ ของพ่อ แก เปลี่ยนคำพูดเดี๋ยวนี้เลยนะ”

มู่เฉินหย่วนปล่อยโมมอยอี้ คิ้วของเขาขมวดนิ่ว “พ่อ เลิกล้อเล่นได้แล้ว

คู่หมั้นเขาหนีไปกับคนอื่นแล้ว อารมณ์ของเขาในตอน นี้ไม่ดีจริงๆ

“ฉันไม่ได้ล้อเล่น” คุณท่านมู่สีหน้าเคร่งขรึม เขาไม่สน คําเอ่ยห้ามจากโมมอยอี้ เขาเล่าเรื่องทั้งหมดให้มู่เฉิน หย่วนฟัง ไม่ตกหล่นแม้แต่ตัวอักษรเดียว

โมมอยอี้ปิดปากเอาไว้ และร้องไห้อยู่เงียบๆ

มู่เฉินหย่วนยืนฟังอยู่ตรงนั้น ใบหน้าค่อยๆ แปร เปลี่ยนเป็นเย็นชา สุดท้ายก็แปรเปลี่ยนเป็นมืดครึ้มใน ที่สุด จนห้องรับแขกนี้ถูกปกคลุมไปด้วยบรรยากาศมา คุ

เมื่ออธิบายจนจบ สีหน้าของคุณท่านมู่เต็มไปด้วย ความรู้สึกผิด และถอนหายใจ “ฉันต้องขอโทษพ่อของ แกด้วย ตอนนั้นฉันน่าจะพาพวกแกทุกคนกลับมา จะได้ ไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น

มู่เฉินหย่วนกลับมีท่าทีสงบนิ่ง และกล่าวเพียง “ผมเห็นผลตรวจDNAแล้ว ผมไม่มีความเกี่ยวข้องกับพ่อ

“ฉันรู้ว่าน้องสี่แกกำลังตรวจสอบเรื่องนี้อยู่ จึงให้คน ไปเปลี่ยนผลตรวจ” คุณท่านมู่กล่าว “ฉันกลับว่าแกได้ เห็นผลตรวจDNAนั้นแล้ว ฉันไม่รู้ว่าจะอธิบายกับแก อย่างไร”

มู่เฉินหย่วนกำกางเกงแน่น

เขาหันไปมองโมมอยอี้ที่น้ำตายังคงไหลไม่หยุด “นี่ คือเรื่องจริง หรือเป็นแค่การเล่นละครของคุณกับหลิน เฉิงจี๋”

โมมอยอี้ไม่รู้ว่าควรพูดอะไร สุดท้ายก็เอ่ยได้เพียงว่า

“ขอโทษ”

คุณท่านมู่เอ่ยขึ้นอย่างอดไม่ไหว “นี่ไม่ใช่ความผิด ของแม่แก อย่าได้โทษเธอ เฉินหย่วน…

มู่เฉินหย่วนไม่ได้โกรธ แต่ก็ไม่มีท่าทีอะไร ใบหน้ายัง คงมืดครึ้ม เขาไม่ได้ยินว่าคุณท่านมู่พูดว่าอะไร เพียง หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อบอกให้เย่นจิ่งเหนียนมา


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ