บทที่ 91 ฉันแนะนำน้องชายของฉันให้แกรู้จักเอาไหม
ละ
สิบชั่วโมงผ่านไป เครื่องบินก็มาถึงสนามบินหนานเฉิง
ถังซินเดินลากกระเป๋าเดินทางตามเฉินหย่วนออกไป พอถึงประตูทางออก ก็มีคนคนหนึ่งเข้ามาต้อนรับ
ท่านประธานมู่ คุณถัง” หญิงสาวอายุราวๆยี่สิบสี่ ยี่สิบห้าปี สวมชุดสูทสีเทาเข้มทั้งตัว ผมมัดเก็บเรียบ อย่างเป็นระเบียบ มองดูแล้วให้ความรู้สึกเฉียบคม
หญิงสาวพูดกับเฉินหยวนว่า “ท่านประธานมู่ ดิฉัน คือกาวเหม่ย จากฝ่ายเลขาคะ ผู้ช่วยจางไม่สะดวก มาในเวลานี้เลยให้ดิฉันมารับผิดชอบเรื่องของกระเป๋า สัมภาระของท่านแทนค่ะ” พูดพลางรับกระเป๋าเดินทาง จากมือของ เฉินหยวน
เฉินหยวน อ้ม เป็นการตอบรับแล้วขึ้นก็ไปบนรถเบน หลีย์ที่จอดอยู่
“ท่านประธานมู งั้นดิฉันขอตัวก่อนนะคะ” หลังจากลง จากเครื่องบิน ถังนก็เห็น เฉินหยวนรับโทรศัพท์อยู่ หลายสาย ท่าทางยุ่งมาก ดูแล้วอีกประเดี๋ยวคงต้องรีบ ไปบริษัท
“จะรีบไปไหนล่ะ ฉันจะให้เลขาไปส่งเธอ” เฉินหยวน พูด ประตูรถยังเปิดอยู่ “สนามบินมันไกลจากตัวเมือง มาก ล่าพังเธอคนเดียว ฉันไม่วางใจ”
ไม่ทันไรเลขากาวเหมยซีก็เอากระเป๋าสัมภาระของถัง ซินใส่ไว้ในกระโปรงรถเรียบร้อยแล้ว จะปฏิเสธก็กะไร อยู่ถังชินจึงทําได้แค่เพียงขอบคุณ แล้วก็เข้าไปในรถ
รถขับออกจากสนามบินด้วยความเร็ว
เกาเหมย รายงานสถานการณ์ของบริษัทใหมู่เฉิน หย่วนฟังตลอดทาง น้ำเสียงนิ่งเรียบไม่เร็วไม่ช้า แม้ว่า จะพูดถึงเรื่องโดนรองประธานซุนตบและโดนไล่ออก จากฝ่ายเลขา น้ำเสียงก็ยังไม่สูงเลยสักนิด
“เมื่อก่อนตอนที่เลขาหลีไปประกบกับรองประธาน ชน เชิญคุณจ้าวจากบริษัทหนานซานทานข้าว พอได้ หนังสือเสนอราคาของบริษัทวี มา รองประธานซุนกึ เอาไปขายให้กับบริษัทหย่าเ อ กวาดเงินเข้ากระเป๋าด้ว เอง มิหนํา ารองประธานซุนถึงขนาดกับย้ายพนักงาน เด่นคนนึงของฝ่ายวิสาหกิจระหว่างประเทศไปดำรง ตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายการตลาดของบริษัทที่หวยเป่ยอีก
ถังซันฟังแล้วก็คิ้วขมวด ตาเหลือบไปมองผู้ชายข้างๆ ที่ดาเอาแต่จ้องอยู่แต่จอแท็บเล็ต ไม่มีการแสดงสีหน้า ใดๆ ไม่รู้ว่าได้ฟังบ้างหรือเปล่า
หลังจากที่หล่อนได้พูดคุยกับหัวหน้าฝ่ายที่สนาม กอล์ฟครั้งนั้นแล้วก็ทําให้รู้ว่าเลี้ยงจิ้งเป็นคนของรอง ประธานซุน แต่แค่คิดไม่ถึงว่าในบริษัทมู่ชื่อจะมีคนของ รองประธานซุนเยอะขนาดนี้
ถัง นแอบคิดอย่างเงียบๆ ขนาดเป็นแครองประธาน แถมยังไม่ได้ถือหุ้นของบริษัท ชื่อยังบ้าอำนาจได้ ขนาดนี้ แล้วพวกคนที่มีหุ้นของมูซื่อ จะไม่กลัวกฎหมาย ไม่กลัวฟ้าไม่กลัวดินกันเลยเหรอเนี่ย?
แต่ก่อนบรรยากาศของบริษัทก็แปลกๆอยู่แล้ว ได้ยิน มาว่าคนของบางฝ่ายก็ถูกย้ายไปบริษัทย่อยที่มณฑล อื่นแล้ว ยังบวกกับเรื่องของหัวหน้าหลิวอีก หล่อนเริ่ม พอจะเข้าใจเหตุผลที่มู่เฉินหยวนกลับประเทศมาแล้ว
เกรงว่ามู่ อจะต้องเกิดความโกลาหลอันใหญ่หลวง ขึ้นแน่ๆ
“คุณถึงครับ ถึงแล้ว
ถังซันยังคงเหม่อลอยอยู่นั้นจู่ๆก็มีเสียงทุ้มต่ำของ ผู้ชายเข้ามาในหู
หล่อนมองออกไปนอกหน้าต่าง รถได้มาถึงบริเวณ ที่พักของหล่อนแล้ว กาวเหม่ย ก็ลงรถไปช่วยหล่อน หยิบกระเป๋าสัมภาระแล้ว
“อุ้ย” ถัง นรีบเปิดประตูรถทันที ในขณะที่กำลังจะลง รถนั้น หล่อนหันหน้ากลับไปมองเฉินหยวนที่นั่งไขว่ ห้าง สีหน้านิ่งสงบและกำลังมองมาทางหลอนอยู่เช่น น
สองคนสบตากัน เขาเอ่ยถามด้วยแววตานิ่งๆ “คุณถัง มีเรื่องอะไรหรือเปล่า?”
“ท่านประธาน คะ ดิฉันจะไม่ปิดบังคุณละกัน ทางบ้าน ดิฉันฐานะไม่ดี แม่กับน้องสาวดิฉันก็เป็นคนเลี้ยงดู” ถัง ซินถามต่อด้วยความลังเล “ท่านเคยบอกไว้ว่าหลังจาก กลับประเทศแล้ว เราก็จะไม่มีอะไรต้องติดค้างกันอีก งั้นตอนนี้…ไม่มีอะไรติดค้างกันแล้วใช่มัยคะ” “ตอนที่อยู่ตรกี ดิฉันช่วยคุณอย่างสุดความสามารถมา โดยตลอด แต่ว่าอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นที่หมู่บ้านนั้นมันเลี้ยง ไม่ได้ ท่านก็พูดเองว่า การที่เราเก็บรักษาพันธุ์พืช ก ชนิดมาได้ ก็ถือว่าเราไม่เสียแรงไปโดยเปล่าประโยชน์ แล้ว”
ถังซินก็หยิบเอาเรื่องที่ผ่านไปแล้วมาขอความเห็น อกเห็นใจ ยิ่งไปกว่านั้นหล่อนก็ไม่ได้พูดเกินจริง เพียง แค่มีตรงไหนพอช่วยได้หล่อนก็จะช่วยอย่างสุดความ สามารถ
มู่เฉินหยวนมองหล่อนด้วยแววตานิ่งขรึม
แววตานั่นมันดูเย็นชา ไม่อบอุ่นเหมือนกับที่เจอกัน ครั้งก่อนๆ หูของถังซิ่นแดงขึ้นด้วยความรู้สึกผิดหวัง แล้วก็รู้สึกตื่นกลัวขึ้นมา จิตใจเริ่มอยู่ไม่เป็นสุข
หล่อนพูดต่ออย่างตะกุกตะกัก “ท่าน ท่านประธาน พูดอะไรหน่อยสิคะ”
ได้โปรด อย่ามองฉันด้วยสายตาแบบนี้ได้ไหม?
“แน่นอน ฉันเป็นคนรักษาคำพูด” ริมฝีบางๆของ เฉินหย่วนขยับเล็กน้อย “คุณถัง พวกเราไม่มีอะไรติด ค้างกันแล้ว สามเรื่องที่ฉันสัญญาไว้กับคุณ ก็ยังคงไม่ เปลี่ยนแปลง
“งั้นดิฉันก็โล่งใจแล้วค่ะ” ไม่มีติดหนี้ชีวิตใครแล้ว ถัง นเหมือนยกภูเขาออกจากอก
หลังจากบอกลาแล้วหล่อนก็ลากกระเป๋าเข้าไปใน อพาร์ทเมนท์ ไม่รู้เลยสักนิดว่าในรถ สองตาของเขา กำลังยังคงจ้องมองหล่อนอยู่ พอหลังจากการเหมยซี ขึ้นรถ เฉินหยวนจึงค่อยเบี่ยงสายตากลับมา
บนจอแท็บเล็ตขนาดสิบนิ้ว มีจดหมายหนึ่งฉบับ ที่ผู้ป่วยจางลงมาเมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้ว และก็มีข่าว เศรษฐกิจของประเทศY เรื่องทั้งหมดล้วนแต่บ่งชี้ไปถึง ชื่อชื่อเดียว หลินเฉิงจื้
ตอนที่หาข้อมูลประวัติของหลินเฉิงไม่พบ ก็ทําให้ เขาทราบแล้วว่าคนคนนี้มีที่มาไม่ธรรมดา แต่แปลกตรง ทีว่าหลินเฉิง ทําไมถึงยังไล่ตามแฟนเก่าอย่างถัง น ไม่ยอมปล่อย ที่จริงก็มีผู้หญิงสวยๆตั้งมากมาย
หลังจากที่อยู่ด้วยกันกับถัง นมา เขาก็พบว่าผู้หญิง คนนี้ฉลาดขนาดไหน ตอนนี้เขารู้เหตุผลที่หลินเฉิงจี้ไม่ ยอมปล่อยมือจากหล่อนแล้ว ผู้หญิงสวยๆในวงการบันเทิง ในแวดวงคนดังมีเต็ม ไปหมด แต่ว่าคนที่ฉลาดมีน้อยคนนัก ถังนก็ไม่ใช่คน ประเภทที่ชอบทะเยอทะยาน ถ้าหล่อนจะทะเยอะทาน ล่ะก็ ป่านนี้ได้ขึ้นไปอยู่แถวหน้าตั้งนานแล้ว
ช่างเป็นผู้หญิงที่ไร้เดียงสาเสียจริง” เฉินหยวนนั่ง มองจอแท็บเล็ต ใบหน้าก็ยิ้มอย่างมีเลศนัย
จะไม่มีอะไรติดค้างแล้วได้ยังไงกันล่ะ?
มันยากมากกว่าที่จะเจอคนที่ฉลาดหลักแหลมแถม สมองไวขนาดนี้ แน่นอนว่าเขาคิดอยาก เอาหล่อนมา เป็นคนของตัวเอง และยิ่งไปกว่านั้น จุดไคลแมกซ์ใน ฉากสุดท้ายของหนังจะขาดหล่อนคนนี้ไปไม่ได้
ถังชนที่กำลังขึ้นลิฟต์ก็สั่นด้วยความรู้สึกหนาว หลัง จากออกจากลิฟต์ ไอลมร้อนก็พัดเข้ามา หล่อนคิดว่าใน ลิฟต์อากาศน่าจะเย็นเกินไป ก็ไม่ได้เอะใจอะไร
ในห้องดูสะอาดมาก คาดว่าหลี่ซูเจ๋คงจะทำความ สะอาดทุกวัน ตู้เย็นก็ว่างเปล่า เมื่อเห็นถังขยะที่เต็มไปด้วยถ้วยของบะหมี่กึ่ง สำเร็จรูป ถังซีนก็ได้แต่สายหัว หลังจากที่อาบน้ำเก็บ สัมภาระแล้ว ก็ไปซื้อของที่ร้านสะดวกซื้อ จนกระทั่งถึง ประมาณบ่ายสี่โมง ก็หิ้วถุงใส่ข้าวของที่ซื้อกลับบ้าน
“อ้าว ซินซินแกกลับมาแล้ว!”
ขณะที่ถัง นกำลังจะหยิบกุญแจมาเปิดประตู หลี่ซู เจ๊ที่กําลังหอบกล่องใส่ขนมเดินออกมาจากลิฟต์พอดี คาดว่ากล่องน่าจะหนัก เดินเอียงซ้ายทีขวาที
ถังขินถามขึ้น “นี่ยังไม่ถึงห้าโมงเลย แกเลิกงานแล้ว เหรอ?”
วันนี้กลับมาก่อนก็ไม่เป็นไรหรอกน่า” พอเห็นถังซิน ออาหารมาขนาดนี้ หลี่ซูเจ๋ก็รู้สึกซึ้งใจสุดๆ “เธอไม่รู้ หรอกว่าครึ่งเดือนที่ผ่านมาฉันใช้ชีวิตยังไง วันวันตั้งแต่ บะหมี่ เรียกหลายม่าย เบื่อจะตายอยู่ละ ถ้าขืนเธอยัง ไม่กลับมาอีกละก็ เพื่อนแกได้กลายเป็นศพแห้งตายใน ห้องแน่ๆ”
“ดูแล้วไม่หรอกมั้ง” ถังซินพูดพลางมองไปที่กล่อง ใส่ขนมในมือของหลีซูเจ๋ แล้วแซวต่อ “กล่องขนมใหญ่ ขนาดนี้ พอให้แกอยู่ได้อาทิตย์นึงเลยนะ แหม ขนมมันกินไม่อิ่มท้องหรอกน่า
สองคนเถียงไปเถียงมาพร้อมกับเดินเข้าไปในห้อง
ขณะ ที่ถัง นกำลังทำกับข้าวอยู่ หลี่ซูเจ๋ก็ไม่ได้วาง ช่วยล้างผัก ช่วย ช่วย ปากก็พูดขึ้น “ฉันเพิ่งจะกลับ มาก็เจอกับพ่อรูปหล่อคนนั้นอีกแล้ว เขา ขึ้นนะ แต่ก็ ยังหล่อมาก
“ครั้งนี้ฉันคุยกับเขาไปสองประโยค แต่ว่าเขาเย็นชา มาก ไม่สนใจฉันเลย
“ถ้าเย็นชาแกก็ไปหาหนุ่มหล่อคนอื่นซะ” ถังขินพล กปีกไก่ที่อยู่ในกระทะ นั่นน่ะคือคนของคุณจู๋ แกอย่า ไปก่อเรื่องจะดีกว่า
หล่อนไม่อยากไปเกี่ยวข้องกับผู้หญิงท่าทาง อ้อนแอ้นประเภท ม
“แต่ว่าเขาหล่อจริงๆนะ” หลี่ซูเจ๋ทําเสียงออดอ้อน แล้วก็ถามถึงซิน “นี่เธอว่า จู่ซือซือจะทิ้งเขาเมื่อไร
ถังนถามกลับอย่างตลกๆ เธอดูโหงวเฮ้งเป็นไม่ใช่ เหรอ? ดูไม่ออก?” “โหงวเฮ้งมันดูได้แค่พวกเรื่องโชคลาภของคนโว้ย! หลี่ซูเจเบ้ปาก “เรื่องพวกนี้ฉันดูไม่ออกหรอก ไม่งั้นฉันก็ รวยไปนานแล้ว
พอเห็นใบหน้าเศร้าหงอยราวกับว่าถูกโลกทอดทิ้ง ของหลี่ซูเจ๋ ถังขินไม่รู้ว่าจะขหรือจะร้องไห้ดี “ขนาด นั่นเขียว ถ้าแกอยากจะคบกับใครสักคนจริงๆ งั้นฉัน แนะนําน้องชายของฉันให้แกรู้จักเอาไหมล่ะ
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ