บทที่ 409 ไม่ต้องส่งมาแล้ว ฉันได้รับแล้ว
หลังจากที่ผ่านไปสักครู่ ผู้ช่วยจางจึงพยักหน้า “เธอ พูดถูก ฉันควรอยู่ให้ห่างคุณถังซินหน่อยดีกว่า ตอนนี้ อารมณ์ของประธานมู่แย่ยิ่งกว่าแต่ก่อนมาก ไม่แน่ว่าวัน ไหนเห็นฉันคุยกับคุณถัง แล้วนึกถึงเรื่องที่พวกเขาคบ กันขึ้นมา แล้วมาแก้แค้นฉัน เรื่องแบบนี้ไม่ใช่ว่าจะไม่มี”
“นายเข้าใจก็ดีแล้ว” จ้าวอี้ซีนยิ้มหัวเราะ “ใช่แล้ว ตอน ที่ฉันกลับมาจากเมลเบิร์น ได้ถือโอกาสแวะไปซื้อผ้าพัน คอมาด้วยสองผืน เดี๋ยวนายเอากลับไปให้คุณป้าด้วย
ผู้ช่วยจางรู้สึกเกรงใจ “คุณไปทำงานต่างประเทศก็ ยุ่งพออยู่แล้ว ทำไมถึงยังไปซื้อผ้าพันคอให้ท่านอีก”
“ฉันเห็นว่าแบบมันสวยดี คุณป้าน่าจะชอบ”
“ได้ ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวฉันโอนเงินให้เธอ”
“ทำไมไม่พูดอะไรแล้วหล่ะ?” ผู้ช่วยจางเอ่ยถามขึ้น และถือโอกาสกดไฟกระพริบและหยุดรถ ขณะที่กำลัง จะหันไปมอง คาดไม่ถึงว่าเป็นจ้าวอี้ซีนที่นั่งอยู่เบาะหลัง นั้น เมื่อเขาหันหน้ามา ก็ได้รีบจูบเขาอย่างรวดเร็ว
จ้าวอี้ซีนเอานิ้วกดไปที่ริมฝีปาก และฉีกยิ้มริมฝีปาก อย่างยั่วเย้า “ไม่ต้องโอนหรอก ฉันได้รับแล้ว”
บทที่ 409 ไม่ต้องส่งมาแล้ว ฉันได้รับแล้ว
หลังจากที่ผ่านไปสักครู่ ผู้ช่วยจางจึงพยักหน้า “เธอ พูดถูก ฉันควรอยู่ให้ห่างคุณถังซินหน่อยดีกว่า ตอนนี้ อารมณ์ของประธานมู่แย่ยิ่งกว่าแต่ก่อนมาก ไม่แน่ว่าวัน ไหนเห็นฉันคุยกับคุณถัง แล้วนึกถึงเรื่องที่พวกเขาคบ กันขึ้นมา แล้วมาแก้แค้นฉัน เรื่องแบบนี้ไม่ใช่ว่าจะไม่มี”
“นายเข้าใจก็ดีแล้ว” จ้าวอี้ซีนยิ้มหัวเราะ “ใช่แล้ว ตอน ที่ฉันกลับมาจากเมลเบิร์น ได้ถือโอกาสแวะไปซื้อผ้าพัน คอมาด้วยสองผืน เดี๋ยวนายเอากลับไปให้คุณป้าด้วย
ผู้ช่วยจางรู้สึกเกรงใจ “คุณไปทำงานต่างประเทศก็ ยุ่งพออยู่แล้ว ทำไมถึงยังไปซื้อผ้าพันคอให้ท่านอีก”
“ฉันเห็นว่าแบบมันสวยดี คุณป้าน่าจะชอบ”
“ได้ ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวฉันโอนเงินให้เธอ”
“ทำไมไม่พูดอะไรแล้วหล่ะ?” ผู้ช่วยจางเอ่ยถามขึ้น และถือโอกาสกดไฟกระพริบและหยุดรถ ขณะที่กำลัง จะหันไปมอง คาดไม่ถึงว่าเป็นจ้าวอี้ซีนที่นั่งอยู่เบาะหลัง นั้น เมื่อเขาหันหน้ามา ก็ได้รีบจูบเขาอย่างรวดเร็ว
จ้าวอี้ซีนเอานิ้วกดไปที่ริมฝีปาก และฉีกยิ้มริมฝีปาก อย่างยั่วเย้า “ไม่ต้องโอนหรอก ฉันได้รับแล้ว”แต่ก็ไม่มีคนรับสาย จากนั้นเธอจึงต่อสายโทรศัพท์หา เขาอยู่หลายครั้งแต่ก็เป็นเช่นนี้ทุกครั้ง
เธอรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย ถ้าหากเขากำลังอยู่ เป็นเพื่อนช่วยดูแลหลี่ซูเจ่ขณะตั้งท้อง ก็คงจะไม่ทิ้ง โทรศัพท์โดยที่ไม่สนใจหรอกมั้ง?
ในเวลาสองเดือนนั้น ถังซินไม่รู้เรื่องราวทั้งหมดที่เกิด ขึ้นระหว่างลู่เหวินซูและหลี่ซูเจ๋เลย เธอยังคิดว่าหลี่ซู เจ๋อยู่ที่บ้านตระกูลลู่ มีคุณแม่ลู่และลู่เหวินซูคอยอยู่เป็น เพื่อนเธอ
เมื่อโทรศัพท์ของทั้งสองคนนั้นโทรไม่ติด เธอจึงไม่ได้ ต่อสายไปอีก ตั้งใจว่าพรุ่งนี้จะไปพบลู่เหวินซูโดยตรง
ถังซินกำลังจัดเก็บของอยู่ และหลังจากที่ได้รับสาย โทรศัพท์จากคุณป้าแม่บ้าน ถังซินจึงรีบไปเปิดประตู และเชิญเธอเข้ามา และบอกกับคุณป้าแม่บ้านว่าอยาก ที่จะทำความสะอาดทุกซอกทุกมุม
จากนั้นเธอจึงเปลี่ยนรองเท้าและออกไป
จู่ซือซือพักอยู่คอนโดเดียวกันกับเธอ เธอจำได้ดีว่า อยู่ที่ชั้นใด และหมายเลขห้องอะไร
เพียงแต่ไม่รู้ว่า ซือซือยังพักอยู่ที่นี่หรือไม่
หลังจากที่หาหมายเลขห้องพบแล้ว คิดไม่ถึงว่าถังซิน จะถอยออกมาด้วยความกลัวเล็กน้อย เธอยืนลังเลไปมาอยู่ที่ประตูอยู่นาน
ในขณะนั้น ก็มีคนเปิดประตูออกมา จึงทำให้เธอตกใจ
“คุณ คุณเป็นใคร?” ผู้หญิงที่ถือถุงขยะอยู่เมื่อเห็นถัง ซินจึงตกใจเช่นกัน
“คุณคือคนที่มาอยู่ใหม่หรอคะ?”
เมื่อเห็นผู้หญิงที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความระมัดระวัง ตัว และไม่ตอบอะไรออกมา ถังซินเอ่ยถามขึ้นอีกว่า “ฉันมาหาจู่ซือซือ เธอยังพักอยู่ที่นี่มั้ย?”
“คุณเป็นอะไรกับคุณจู่? ผู้หญิงคนนั้นถามอย่าง ไม่เกรงใจ ถังซินพูดไม่ออกอยู่ครู่หนึ่ง ไม่รู้ว่าจะพูด อย่างไร
ผู้หญิงคนนั้นจึงมีสีหน้าและปฏิกริยาเคร่งขรึม และ พูดด้วยความรังเกียจ “นักข่าวอย่างพวกคุณนี่น่ารัง เกียจจริงๆ มาก่อความวุ่นวายให้กับคุณจู่ทุกวัน ดูแล้ว ฉันจะต้องบอกไปบอกกับคุณมู่ ให้เขาจัดการพวกเธอ! ไป รีบออกไปเลย”
ผู้หญิงคนนั้นผลักถังซินออกไปอย่างหยาบคาย ถัง ซินถูกผลักถอยหลังออกมา โชคดีที่ใช้มือยันกำแพงไว้ ทัน ไม่เช่นนั้นอาจจะล้มลงไปแล้ว
ถังซินถอนหายใจเบาๆ
“ เธอไม่ควรที่จะมาหาอู่ซือซือ บางทีจู่ซือซืออาจจะไม่ อยากพบเธออีก”
“ป้าหลิน ทําไมป้าถึงยังไม่ไปอีก?”
เสียงอันอ่อนโยนของซือซือได้ดังออกมาจากข้างใน ประตู และยังมีเสียงรองเท้าที่ก้าวเหยียบลงบนพื้น ต่อ จากนั้นก็มีหัวของผู้หญิงยื่นออกมาสำรวจมองจากด้าน ข้าง
“ อีกสักครู่ฉันก็จะไปแล้ว คุณจู่เข้าไปเถอะ ไม่มีอะไร ที่น่าดูหรอก” ผู้หญิงคนนั้นพูดไปพลาง ปิดประตูไป พลาง แต่ว่าจู่ซือซือได้มองเห็นถังซินที่ยืนอยู่ด้านนอก เรียบร้อยแล้ว
ทันใดนั้นแววตาของถังซินก็เป็นประกายขึ้นมาทันที และพูดขึ้นอย่างดีใจ “พี่ถังซิน!”
ซือซือ ห่างกันไปหลายเดือน ถังซินเห็นเธอยังคงมี ความคึกคักร่างเริง จึงทำให้ถังซินเกือบจะร้องไห้ออก มา จึงพยายามฝืนยิ้มออกมา “ไม่ได้เจอกันนานเลย”
จู่ซือซือ เธอฝ่าฝืนการห้ามปราบของป้าหลินพุ่งตัว ออกมา และโผเข้าหาที่ตัวถังซิน
เกือบที่จะทำให้ถังซินล้มลงไป
“ พี่ถังซิน พี่หายไปไหนตั้งหลายเดือน?” จู่ซือซือเอ่ย ถาม และทําท่าทางไม่มีความสุข โทรศัพท์สักสายก็ไม่ โทรมาหาฉัน
เมื่อนึกถึงสายโทรศัพท์ที่เธอไม่ได้รับหลายสาย ถัง ซินจึงน้ำตาคลอ และลูบที่หัวเธอ “ฉันไปทำงานนอก สถานที่”
“ทําไมถึงไปทํางานนอกสถานที่นานขนาดนี้ ไม่ติดต่อ ฉันมาเลย” เธอทำเสียงบ่นอุบอิบ และจึงรีบจูงมือถังซิน เข้าไปในห้องคอนโด “พี่ถังซินพวกเราเข้าไปคุยกันข้าง ในเถอะ!”
เธอหันไปบอกป้าหลินว่า “ป้าหลินอีกสักครู่ค่อยไปทิ้ง ขยะก็ได้ ช่วยปอกผลไม้ให้พวกเรากินหน่อย!”
จู่ซือซือลากเธอไปนั่งที่บนโซฟา และถามคำถามเธอ
ต่อเนื่องอย่างสนใจใครรู้
ถังซินตอบคําถามด้วยความอดทน ไม่นานเธอก็พบว่า มีบางอย่างผิดปกติไป
เธอหยิบชิ้นสาลี่ให้กับจู่ซือซือ และเอ่ยพูดอย่าง ระมัดระวัง “ซือซือ เธอคิดถึงชิงเฟินมั้ย?”
“ชิงเฟิงคือใครหรอ?” จู่ซือซือหันหน้ามาถามเธอด้วย แววตาที่แปลกประหลาดใจ
“พี่ถังซิน ทําไมถึงไม่พูดหล่ะ” จู่ซือซือเขย่าแขนเธอ และซักไซ้ถาม “ตกลงแล้วชิงเฟิงเป็นใครหรอ? ทำไมพี่ ถึงถามว่าฉันคิดถึงหรือไม่คิดถึง?”
ถังซินทอดถอนหายใจอย่างช้าๆ มองไปที่แววตาอัน มึนงงและแปลกประหลาดใจของจู่ซือซือ ในหัวสมองก็ มีแต่เสียงหึ่งๆที่ว่างเปล่า
“เธอถามตนเองว่าชิงเฟิงเป็นใคร?”
ป้าหลินยกน้ำผลไม้เข้ามา และแสร้งทำเป็นไม่ระวัง เอาน้ำผลไม้สาดลงไปที่บนตัวของถังซิน
“คุณจู่ ฉันจะพาคุณถังไปล้างทำความสะอาดที่ ห้องน้ำสักครู่” ป้าหลินพูดเอ่ย พลางขยิบตาไปทางถัง ซิน
ถังซินจึงให้ความร่วมมือ และเดินไปกับเธอที่ห้องน้ำ
หลังจากที่เข้าไปในห้องน้ำ ป้าหลินจึงเอ่ยขอโทษขึ้น ก่อน “ขอโทษนะคะคุณถัง ฉันแค่จะพูดอะไรกับคุณสัก หน่อย”
ถังซินพยายามฝืนยิ้มออกมา “พูดมาเถอะค่ะ”
ป้าหลินเอ่ยขึ้นว่า “ฉันคือคนที่คุณมู่ส่งตัวมาดูแลคุณ จู่ตั้งแต่เมื่อสองเดือนก่อน คุณอย่าเห็นว่าคุณจู่คึกคัก ร่าเริงขนาดนี้แล้วจะไม่มีอะไรนะคะ นอกจากคุณมู่แล้ว เธอก็ไม่พูดกับใครเลย”
“หลังจากที่ฉันดูแลคุณจู่ได้เดือนกว่าๆ คุณจู่ถึงเริ่ม ที่จะสนใจฉัน และพูดคุยกับฉัน” ในขณะที่พูด ป้าหลิน ก็มองมาที่ถังซิน คุณเป็นคนที่สามที่คุณจู่เป็นฝ่ายพูด ด้วยก่อน”
…ถังซินระงับความไม่สบายใจ และเอ่ยถาม “ป้าบอก ฉันได้มั้ยคะว่าซือซือเป็นอะไร?”
ป้าหลินส่ายหน้า และพูดอย่างจนปัญญา “ฉันก็ไม่รู้ เหมือนกัน รู้เพียงว่าคุณจู่ไม่ชอบคุยกับคนอื่น และก็ รบกวนคุณอย่าเอ่ยคำว่า ชิงเฟิง สองคำนี้ออกมาเลยนะ คะ”
“คุณมู่เคยกำชับฉันไว้ว่า ไม่ว่าใครก็ตาม แม้แต่คุณ จิ่งที่มาส่งยาให้ก็ดี ที่เพียงเอ่ยชื่อนี้ออกมาต่อหน้าคุณจู่ ก็ให้ขับไล่ออกไป และไม่ให้เข้ามาอีก”
ถังซินหลับตาลง ในใจรู้สึกเป็นทุกข์เป็นอย่างมาก
เมื่อสักครู่เธอเห็นจู่ซือซือมีท่าทางที่คึกคักร่าเริง คิด ว่าเธอคงจะไม่เป็นไรแล้ว คิดไม่………
ในขณะที่ถังซินกำลังจะพูดอะไรออกมานั้น บานประตู ที่กั้นห้องน้ำไว้ ก็ได้ยินเสียงของจู่ซือซือพูดขึ้นมาอย่าง เลือนราง “พี่เฉิน ทำไมพี่ถึงมาหาฉันเวลานี้หล่ะ?”
“มู่เฉินหย่วน…..มาหรอ?”
“คุณมู่มาค่ะ?” ป้าหลินดึงเปิดประตูออก พลางเอ่ยถามถังซินขึ้นว่า “คุณรู้จักคุณมู่มั้ยคะ? ออกไปพบเขา หน่อยมั้ยคะ?”
ถังซินเอามือจับที่ประตูไว้ และยิ้มให้เธอเล็กน้อย “เดี๋ยวอีกสักครู่ฉันออกไป”
“ได้ค่ะ ถ้าอย่างนั้นฉันออกไปก่อน”
หลังจากที่ป้าหลินออกไปแล้ว แขนของถังซินจึงอ่อน แรงลง และล้มนั่งลงบนฝาชักโครก เธอทั้งรู้สึกเศร้าใน ใจและโทษตัวเอง แม้แต่ความกล้าที่จะออกไปเจอกับจู่ ซือซืออีกครั้งก็ยังไม่มี
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ