บทที่ 402 การพะเน้าพะนอเอาใจแบบเมื่อคืนมัน หมายความว่าอย่างไร
“ไม่ เธออย่ากลัวไปเลย” หลินเฉิงจี้ปลอบขวัญเธอ ฉันก็พอเดาได้ว่าจะต้องเป็นน้องชายเธอ หลังจากที่เกิด เรื่องเมื่อคืน ฉันได้ให้จงเซิงคอยจับตาดู ฉันไม่ให้น้อง เธอเป็นอะไรไปหรอก”
“ถ้านายเจอเขาแล้ว ต้องบอกฉันด้วยนะ” ถังซินข อร้องเขา และพูดตำหนิตัวเองว่า “ต้องโทษที่ฉันมันไร้ ประโยชน์ ไม่ได้ดูแลปกป้องซือซือให้ดี”
เธอกลัวว่ากวนชิงเฟิงจะเกลียดเธอ เพราะรู้สึกละลาย ใจ ทำให้นานมากแล้วที่แม้แต่โทรศัพท์ก็ยังไม่กล้าที่จะ โทรไปหาเขา
หลินเฉิงจี่เห็นเธอมีท่าทางเศร้าเสียใจ จึงนึกถึงครั้ง นั้นที่โทรศัพท์คุยกับจงเซิง ให้เขาปล่อยให้คนของจี้ เจียจื้อตามจู่ซือซือไป จึงทำให้เกิดเรื่องเช่นนี้
ถ้าจะบอกว่าผิด ก็คงเป็นที่ตอนนั้นเขารู้สึกอาลัย อาวรณ์ จึงทำให้เกิดเหตุการณ์ที่เลวร้าย
หลินเฉิงจี่ระงับความละอายใจที่อยู่ภายในจิตใจ และ เอ่ยขึ้นเบาๆว่า “ถ้าฉันเจอตัวเขา จะต้องรีบบอกเธอ แน่นอน เพื่อให้เธอสบายใจ ถ้าเธอกระวนกระวายใจ มากไป จะส่งผลกระทบกับลูกได้ “
“ใช่แล้ว ฉันไม่ควรอารมณ์แปรปรวนมากเกินไป จะไม่ดีต่อลูก” ถังซินพยายามทำให้อารมณ์ของตนเอง คงที่ “แล้วจี้เจียจื้อเป็นยังไงบ้าง?”
“ลูกกระสุนที่เจาะเข้าไปที่แขนของเขาได้อาบยาพิษ ที่เป็นอันตรายไว้” น้ำเสียงของหลินเฉิงจี่แฝงไปด้วย ความสบายใจ “หลังจากที่ไปถึงโรงพยาบาลเมื่อคืน แขนขวาของเขาก็ได้ถูกตัดทิ้ง”
ถังซินหัวเราะออกมาและทำแววตาเย็นชา “ดูแล้วเขา คงเหลือแต่แขนซ้าย ฉันจะรอดูว่า หลังจากที่เขาไม่มี อะไรเหลือแล้วสักอย่าง เขาจะใช้แขนซ้ายกินข้าวยัง ไง!”
“เธอพูดขึ้นมาแบบนี้ ทำให้ฉันนึกเรื่องของแมกซี่ออก” หลินเฉิงจี๋หยิบเอกสารฉบับหนึ่งยื่นให้เธอ “เมื่อคืนแมก ซี่มาหาฉัน และเซ็นชื่อบนเอกสารแล้ว
“จริงหรอ?” ถังซินรีบหยิบเอกสารขึ้นมาดู “ฉันกังวล เรื่องนี้ตั้งแต่เช้า กลัวว่านายจะหาคุณสมบัติของผู้ที่มี สิทธิการสืบช่วงมรดกไม่ได้ แล้วทำไมเขาถึงยอมเซ็นต์ ชื่อให้?”
ถังซินมองเห็นลายเซ็นของเย่นจิ่งเหนียนที่อยู่ด้าน ล่าง ดูเหมือนว่าลายเซ็นนั้นจะแตกต่างกับลายเซ็นของ คนที่เธอหามาเพื่อที่จะลอกเลียนแบบ
เธอจึงนึกถึงผู้ชายคนนั้น และก็เข้าใจภายในชั่วพริบ ตาเดียว
เขามีอำนาจมากขนาดนี้ มีเพียงเขาที่จะคอยช่วยเธอ อยู่อย่างเงียบๆเช่นนี้
เมื่อนึกถึงความรักความผูกพันของเขา ถังซินก็น้ำตา คลอเบ้า
เธอใช้มือขยี้ตา และยิ้มออกมา “ลายเซ็นไม่มีตกหล่น แม้แต่ชื่อเดียว การประเมินผลในครั้งนี้นายจะต้องผ่าน อย่างแน่นอน!
อืม เมื่อเห็นรอยยิ้มที่สวยสดงดงามของเธอ ในใจของ หลินเฉิงจี่ก็มีความกลัดกลุ้มเล็กน้อย
ในมือของเขายังถือหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่ง เป็น หนังสือพิมพ์ที่จงเซิงเอามาให้เขาเมื่อไม่นานมานี้
ในใจนั้นสั่นเครือ แต่สุดท้าย หลินเฉิงจี่ก็นำ หนังสือพิมพ์นี้ส่งให้กับถังซิน เธอควรดูหนังสือพิมพ์ ฉบับนี้
“คืออะไรหรอ….ถังซินเปิดดูไปพลาง เอ่ยถามไป พลาง “หรือว่าข่าวการถูกยิงของจี้เจียจื้อได้ถูกรายงาน แล้ว.….…..”
สายตาของเธอมองไปที่พาดหัวข่าวหนังสือพิมพ์ ริมฝี ปากค่อยๆเม้มเน้นขึ้น
หลินเฉิงจี๋เอนตัวเข้ามา นิ้วมือชี้ไปที่บนหนังสือพิมพ์ และพิงเข้าไปหาเธอ เหมือนกับสนิทชิดเชื้อกันมากกว่าเป็นเพียงชายหญิงธรรมดา “ผู้หญิงคนนี้ชื่อจ้าวอี้ซีน พึ่ง เข้ามาดำรงตำแหน่งผู้จัดการของแผนกR ในบริษัทมู่ชื่อ ได้ไม่นาน
“แผนกRไม่ใช่ยกเลิกไปแล้วหรอ?” เธอไม่รู้ตัวเลยว่า ตนเองได้บีบหนังสือพิมพ์ไว้แน่นขนาดไหน และมีอยังมี อาการสั่นเครือ
ถังซินเอ่ยขึ้นว่า “ก่อนหน้านี้ที่ฉันคุยโทรศัพท์กับ นางฟ้าน้อย เธอบอกว่าหลังจากที่ฉันเลิกกับมู่เฉินหย่วน มู่เฉินหย่วนจึงสั่งให้ยกเลิกแผนกR พนักงานที่อยู่ใน แผนกก็ถูกจัดการให้ไปทำงานที่แผนกอื่น”
“บางทีมู่เฉินหย่วนอาจจะคิดว่าผู้หญิงคนนี้เก่ง รับผิด ชอบงานใหญ่ๆได้” หลินเฉิงจี่พูดไปพลาง และสังเกต สีหน้าเธอไปพลาง” เล่ากันว่าหลังจากที่จ้าวอี้ซีนเข้ามา ในบริษัทมู่ซื่อ มู่เฉินหย่วนได้ดูแลเธออย่างดี”
“เมื่อออกไปคุยธุรกิจก็มักจะให้เธอไปด้วย และให้เธอ รับผิดชอบดูแลคู่ค้าที่สำคัญอีกหลายแห่งด้วย อำนาจ ในบริษัทของเธอเป็นรองแค่มู่เฉินหย่วน ถ้าหากมีความ สัมพันธ์แค่เป็นผู้ที่อยู่ใต้บังคับบัญชาปกติทั่วไป ก็คงจะ ไม่มีอะไร แต่ถ้าเมื่อมู่เฉินหย่วนคบกับจ้าวอี้ซีน ก็ถือว่า เลี่ยงไม่ได้แม้แต่นิดเดียว”
เขาหยุดพูดชั่วขณะหนึ่ง “เธอเคยคบมู่เฉินหย่วน รู้ ดีว่าเขาไม่ชอบเปิดเผยความลับ ก่อนหน้านี้แม้แต่เธอ เขายังปิดบัง ไม่ใช่หรอ? แต่เมื่อพาจ้าวอี้ซีนไปด้วย เขา กลับให้สื่อมวลชนถ่ายภาพได้ตามสบาย ไม่มีห้ามปรามใดๆ
ถังซินดูเหมือนจะไม่ได้ฟังว่าเขาพูดอะไร สายตายัง คงจับจ้องไปที่บนหนังสือพิมพ์
เขามีแฟนใหม่แล้วหรอ?
ถ้าเขาไม่รักเธอ ทำไมถึงถ่อมาช่วยเธอไกลถึงที่ นี่? และการพะเน้าพะนอเอาอกเอาใจเมื่อคืนนี้มัน หมายความว่ายังไง?
หรือว่าเขาคิดว่าเธอเป็นผู้หญิงประเภทที่นอนด้วย แล้ว ให้เงินแค่นิดหน่อยก็สามารถไล่ออกไปได้?
ถังซินไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร ในใจถึงได้สับสน อลหม่านมากขนาดนี้ เมื่อเห็นรูปชายหญิงที่อยู่บนหน้า หนังสือพิมพ์ก็อดไม่ได้ที่จะคิดไปมั่วซั่ว คิดว่าผู้หญิงคน นั้นจะย้ายไปอยู่ที่บ้านของมู่เฉินหย่วนมั้ย
ในตอนเช้าเธอไม่ได้กินอาหารเช้า บวกกับอากาศใน รถไม่ถ่ายเท กระเพาะอาหารของถังซินจึงปั่นป่วนขึ้น มา เหมือนมีรสเปรี้ยวตีขึ้นมาในลำคอ เธอจึงรีบปิดปาก ไว้
“เป็นอะไร อยากอ้วกอีกแล้วหรอ?” เมื่อหลินเฉิงจี่เห็น เธอทุกข์ทรมาน จึงรีบหยิบถังขยะขึ้นมา
ถังซินก้มหน้าเข้าไปใกล้ถังขยะ อ้วกน้ำย่อยที่มีรส เปรี้ยวออกมาทั้งหมด
ในรสอบอวลไปด้วยกลิ่นของรสเปรี้ยว หลินเฉิงไม่ ได้ถือสาแม้แต่นิดเดียว กลัวว่าลมหนาวจะพัดใส่เธอ จึง ลดกระจกหน้าต่างลงเพียงแค่เล็กน้อย และเปิดขวด น้ำแร่ลงให้เธอ
“ขอบคุณ” ถังซินดื่มน้ำเล็กน้อย ทำให้กระเพาะ อาหารเธอดีขึ้นมาก เธอก็ได้กลิ่นของรสชาตินั้นเช่นกัน จึงทำสีหน้าที่รู้สึก
ลำบากใจ “นายเปิดกระจกลงให้หมดก็ได้นะ”
“ตอนเช้าอากาศค่อนข้างเย็น เธอสวมเสื้อผ้าน้อย และบาง ถ้าหนาวมากจะไม่ดี” หลินเฉิงจี๋เอ่ยขึ้น และ ส่งกระดาษทิชชู่ให้เธอสองแผ่น “ตอนนี้ดีขึ้นมาหน่อย ยัง?”
* อืม ดีขึ้นมากแล้ว
หลินเฉิงจี๋มองไปที่เธอ และพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน “เมื่อคืนฉันเห็นมู่เฉินหย่วนอยู่ที่งานเลี้ยง เขา ได้ติดต่อ มาหาเธอมั้ย?”
“ไม่ได้ติต่อ” เมื่อนึกถึงเงินสดที่ผู้ชายคนนั้นทิ้งไว้ให้ และเนื้อหาที่อยู่บนหน้าหนังสือพิมพ์ ถังซินจึงรู้สึกหึง หวงเล็กน้อย ไม่อยากที่จะหวนคิดถึงเขา
เมื่อเห็นว่าเธอพูดโกหก หลินเฉิงจี๋ก็ไม่ได้พูดอะไร เพียงแต่เขยิบเข้าใกล้เธอ และพูดโน้มน้าว “ยินยิน เธอ ก็เห็นข่าวของเขาแล้ว หลังจากที่พวกเธอเลิกกัน เห็นได้ชัดว่าในใจเขาไม่มีเธออยู่แล้ว”
” เขาอาจจะเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ แต่ กลับไม่ใช่พ่อที่ดี เพียงแค่เขาต้องการ ผู้หญิงคนไหน ก็ตาม รวมไปถึงจ้าวอี้ซีนที่เป็นข่าวในหนังสือพิมพ์ ต่าง ก็สามารถมีลูกให้เขาได้ทั้งนั้น เขาไม่สามารถที่จะดูแล ลูกให้ดีได้”
“ … เรื่องลูก ฉันไม่ได้บอกเขา” ถังซินก้มหน้า
เมื่อคืนเธออยากที่จะบอกมู่เฉินหย่วน แต่เป็นเพราะ เหนื่อยมากจึงไม่ทันที่จะได้ถามหรือบอกอะไรสักอย่าง
เธอนึกมาโดยตลอดว่า ผู้ชายคนนั้นให้คำแนะนำที่ ดีมากกับเธอ คิดเข้าข้างตนเองว่าในใจของเขามีเธอ เพียงคนเดียว คิดไม่ถึงว่าจะเป็นการคิดเอาเองฝ่าย เดียว
เขาสามารถชุบเลี้ยงเธอขึ้นมาได้ ก็สามารถชุบเลี้ยง ผู้หญิงอีกคนเพื่อที่จะมาคอยช่วยเขาได้
ถังซินรู้สึกเจ็บปวดในใจ และรู้สึกทุกข์ใจจนไม่ สามารถพูดออกมาได้ แทบอยากจะไปถามเขาให้รู้ เรื่องว่า ผู้หญิงที่อยู่บนหนังสือพิมพ์นั้นเป็นใคร
แต่ทว่าพวกเขาเลิกกันไปนานแล้ว เธอมีสิทธิ์อะไรไป ถามและไปถามเขาในฐานะอะไร?
“อย่าร้องไห้เลย” หลินเฉิงจี้ปาดน้ำตาของเธอที่ไหลลงมา เจ็บปวดและโกรธที่ผู้หญิงที่ตนเองรักมากที่สุด ร้องไห้ออกมา และที่โกรธมากก็คือเธอได้เอาผู้ชายคน นั้นวางไว้เป็นที่หนึ่งในใจของเธอตลอดมา
“ยินยิน ฉันหวังว่าเธอจะรักตัวเองให้มาก ควรคิด ใคร่ครวญเพื่อตนเองให้ดี อย่าไปโหยหาเขาอีกเลย ถ้า หากเธอมีความจำเป็น ฉันสามารถเป็นที่พึ่งให้กับเธอได้ ขอเพียงแค่ฉันมี ฉันก็จะให้พวกเธอหมดทุกอย่าง”
หากไม่ใช่เพราะเขาเดินทางผิดไป ถังซินก็คงจะเป็น ของเขานานแล้ว คงไม่มีเรื่องของมู่เฉินหย่วนอะไรพวก นี้
“ฉันไม่ได้โหยหาเขา ก็แค่น้ำตาไหลออกมาเอง ควบคุมตัวเองไม่ได้” ถังซินยังคงปากแข็ง เส้นเสียง แหบแห้ง “ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร หลังจากที่ท้องแล้ว รู้สึกเศร้าจ่าย”
จากนั้นเธอจึงเปลี่ยนเรื่องขึ้นมาเอง เธอมองไปที่นอก หน้าต่างและเอ่ยขึ้นว่า “อีกนานมั้ยกว่าจะถึงวิลล่า ฉัน รู้สึกหิวแล้วนิดหน่อย เอ๊ะ นี่เหมือนไม่ใช่ทางกลับไป วิลล่า”
“นี่ก็เกือบสี่เดือนแล้ว เธอยังไม่เคยตรวจสภาวะของ ลูกในท้องเลย เธอไม่กังวลใจหรอ?” หลินเฉิงจื่มองเธอ อย่างจนปัญญา “จี้เจียจื้อยังอยู่โรงพยาบาล คนของ เขาเป็นห่วงเขามาก ไม่มีเวลามาสนใจพวกเราหรอก รีบฉวยโอกาสตอนนี้เถอะ ฉันจะพาเธอไปโรงพยาบาล เอกชนของน้องเขยจงเชิง”
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ