บทที่ 386 คุณคิดว่าถังซินช่วยคุณได้หรือ
เมื่อเห็นลู่เหวินซูไม่พูดอะไร เจียน่าก็ส่งสายตาไปให้ คนรับใช้ที่อยู่อีกทาง
คนรับใช้ก้าวมาข้างหน้า เงยหน้าขึ้น และรายงาน อย่างระมัดระวัง “คุณลู่คะ เมื่อไม่กี่วันก่อนถึงวันตก ไข่ของคุณหลี่แล้วค่ะ แต่คุณไม่สัมมนาที่ต่างประเทศ พวกเราจึงไม่ได้แจ้ง เมื่อนับเวลา ตอนนี้ประจำเดือน ของคุณหลี่ก็ควรจะมาแล้ว…
“แต่ตอนที่ฉันเข้าไปทำความสะอาดห้องน้ำ ก็ไม่เห็น ผ้าอนามัยที่ใช้แล้วในถังขยะเลยค่ะ”
คนรับใช้รู้สึกบรรยากาศเย็นยะเยือกที่แผ่ออกมา ร่างกายของเธอสั่นสะท้านด้วยความกลัว
แต่เมื่อนึกถึงผลประโยชน์ที่เจียน่าสัญญาไว้ ก็ทำใจ แข็งแล้วพูดต่อ “หลังจากนั้นฉันก็เอาอาหารขึ้นไปให้ คุณหลี่ตรงตามเวลาทุกวัน แต่คุณหลี่กลับผอมลง ไม่รู้ ว่าเป็นเพราะคุณหลี่ไม่ต้องการให้ประจำเดือนมาหรือ ไม่ จงใจทานน้อยๆ เพื่อห้าภายในมันผิดปกติ…
ยังไม่ทันที่คนรับใช้จะกล่าวจบ ก็ถูกผลักจนกระเด็น
“ไม่เป็นไรใช่ไหม” เจียน่านึกรังเกียจ แต่ก็แสร้งทำท่า เข้าไปประคอง
เมื่อเธอเห็นลู่เหวินซูเดินขึ้นตึกไปด้วยความเดือดดาลริมฝีปากก็ฉีกยิ้มด้วยใจระริกระรี้
ครั้งนี้ เขากับผู้หญิงชั้นสามต้องพังกันไปข้างแน่ๆ
หลังจากที่ขึ้นไปชั้นสาม ลู่เหวินซูเตะประตูเข้าไป แต่ เพราะหลี่ซูเจ๋อยู่ในอาการเซื่องซึม เพิ่งจะได้นอนลง เท่านั้น เมื่อเห็นเขาเข้ามา ก็รีบลงจากเตียงและวิ่งไป ทางห้องน้ำเพราะไม่อยากจะเห็นหน้าเขา
ขายาวของลู่เหวินซูก้าวไปเพียงก้าวเดียวก็จับข้อมือ ของเธอไว้ได้ ทั้งยังกระชากเธอจนล้มนอนไปบนเตียง อีกครั้ง
ปล่อยนะ
หลี่ซูเจ๋ไม่สามารถเอ่ยปากด่าได้ จึงทำได้เพียงขัดขืน เท่านั้น แต่ลู่เหวินซูกลับกดเธอไว้กับเตียง มือก็ตลบ ชายกระโปรงชุดนอนของเธอขึ้นไป
หลี่ซูเจสั่นสะท้านไปทั้งร่าง ในหัวฉายภาพฉากนั้นที่ ได้เห็นที่ห้องหนังสือ ก็ยิ่งขัดขืนหนักขึ้น
สายตาลู่เหวินซูวาววับ ง้างมือขึ้นและตบลงทันพลัน
ในใจเข้าเต็มไปด้วยความกรุ่นโกรธ ลงมือไปอย่าง แรงจนหลี่ซูเจ๋หน้าสะบัด แต่แล้วชายหนุ่มก็ได้กระชาก กางเกงในของเธอออกไป
ลู่เหวินซูบีบคางของเธอไว้แน่น เชิดหน้าเธอให้มองมาที่ตัวเอง สาวตาวาวโรจน์อย่างน่ากลัว “หลี่ซูเจ๋ หากยัง กล้าไปกินข้าวอีก กูจะให้คนรับใช้ยัดใส่ปากเข้าไปทั้ง ช้อนให้ดู”
เขาแค่นเสียงหัวเราะอีกครั้ง “คิดว่าเอาโทรศัพท์ของ คนรับใช้ส่งข้อความไปหาถังซิน แล้วถังซินจะมาช่วย ได้หรือ มันใช้ชีวิตแสนสุขดีที่ประเทศYกับแฟนเก่าของ มันแล้ว คิดจะมานั่งจำตัวประกอบอย่างมึงหรือวะ”
“ทำเพื่อเพื่อนสาวคนนี้ได้ทุกอย่าง จำมันแม่งได้ทุก เรื่อง” ลู่เหวินซูเอ่ยขู่ “แล้วได้รู้บ้างไหม ว่ามันทำซือซื อบาดเจ็บขนาดไหน คิดว่ามันกลับมาแล้ว ยังจะมีใคร ต้อนรับมันอีกหรือ”
หลี่ซูเจ๋หันหน้าไปมองเขา และยังไม่สามารถปะติดปะ ต่อในสิ่งที่เขาพูดมาได้
เธอไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับจู่ซือซือ
หลี่ซูเจ๋สงบนิ่งลง และจะหยิบสมุดบนหัวเตียงเพื่อมา สื่อสารกับเขา
แต่ลู่เหวินซูคิดว่าเธอกำลังพยายามหนี จึงจับสองมือ ของเธอไว้มั่น “นอกจากลุงกับป้าแล้ว ยังมีใครที่เชื่อใจ ได้อีกหรือ ไม่มีใครช่วยมึงได้หรอก หลี่ซูเจ๋ หากกูได้ โมโหแล้ว ไม่ว่าอะไรก็ทำได้ทั้งนั้น ทำให้ไม่มีใครหามึง เจอได้ไปทั้งชาตินี้ก็ยังได้ จะลองดูก็ได้”
เมื่อเห็นความหวาดกลัวในแววตาของเธอ ลู่เหวินซูก็หัวเราะเย้ยหยัน “หรือให้กูเอาลุงกับป้าของมึงไปขังไว้ ที่หมู่บ้านเล็กๆ ดู มึงคิดว่ามึงจะหาเจอหรือไม่”
หลี่ซูเจ๋ตั้งใจมองชายหนุ่มที่อยู่เบื้องหน้า ไม่อยากเชื่อ ว่านี่คือชายหนุ่มที่เธอเคยรักมาก่อน
ภาพลวงตาหรือ
หรือว่าเธอยังอยู่ในฝันร้ายกัน
ยามที่หลี่ซูเจ๋อยู่ในภวังค์ เขากดเธอไว้ในท่าที่อับอาย ทั้งยังรุกล้ำอย่างอุกอาจ
ชั่วพริบตานั้นเธอรู้สึกปวดร้าวไปทั่วภายใน
คำพูดของชายหนุ่มดังก้องอยู่ในหูราวกับคำสาป เมื่อ มองเขาอีกครั้ง หลี่ซูเจ๋พบว่ารูปร่างหน้าตาของเขาใน สายตานั้นกำลังเลือนหายไป ร่างกายและหัวใจค่อยๆ เย็นลงราวกับถูกแช่แข็ง
ในใจของลู่เหวินซูเต็มไปด้วยความโมโห กองไฟใน อกนั้นทำให้เขาสูญเสียความรู้สึกผิดชอบชั่วดี นึกเพียง อยากจะทำให้เธอเชื่อฟังเท่านั้น
จนกระทั่งเขาผละมาจากร่างของหลี่ซูเจ๋ และเรียก สติกลับคืนมาได้ ถึงได้เห็นว่าร่างที่ผ่ายผอมของเธอนั้น เต็มไปด้วยบาดแผล ร่างที่สั่นเทาอย่างอ่อนแอและน่า สงสาร
ความรู้สึกผิดแว่นขึ้นในใจของลู่เหวินซู อยากจะยื่น มือไปสัมผัสเธอ
ในตอนที่ปลายนิ้วมือใกล้จะสัมผัสกับบาดแผลแล้ว แต่สุดท้ายก็หดมือกลับ รีบใส่เสื้อเพื่อหนีไปจากที่นี่โดย เร็ว
“คุณลู่คะ” คนรับใช้นั้นได้มารอที่หน้าประตูนานแล้ว เมื่อเห็นเขาออกมาก็รีบก้มหน้าทันที “มีอะไรจะสั่งไว้ ไหมคะ”
“เข้าไปช่วยเธอจัดการตัวเองซะ” ลู่เหวินซูตวาดลั่น ด้วยความหงุดหงิด
“ค่ะ”
“รอก่อน” ลู่เหวินซูเรียกคนรับใช้ไว้อีกครั้ง สายตา เย็นชาจดจ้องไปที่เธอ “เบามือด้วย และเอาอาหารดีๆ ให้เธอทาน หุบปากให้สนิท
คนรับใช้กล่าวเสียงสั่น “รับทราบแล้วค่ะ”
ลู่เหวินซูเดินลงมาด้วยใบหน้าทะมึน ความกรุ่นโกรธ ในใจยังคงไม่จางหายไป เมื่อนึกถึงภาพที่โรงพยาบาล ทั้งยังบาดแผลทั่วร่างที่ผ่ายผอมของผู้หญิงคนนั้น ก็ยิ่ง เดือดดาลเข้าไปใหญ่
ด้านล่าง เจียน่าที่เห็นเขา ก็รีบปรี่เข้าไปหาอย่างไม่ สนอะไร “คุณลู่ คุณหลี่ยั่วโมโหคุณอีกแล้วหรือคะ เฮ้อคุณดีกับเธอถึงขนาดนี้ เธอนี่ไม่รู้อะไรเอาซะเลย…
“จะบอกว่ากูเป็นคนกลับกลอกหรือวะ” สายตาคม ประดุจมีดของลู่เหวินซูมองไปที่เธอ
ทั้งร่างสั่นสะท้านไปด้วยความกลัว
เจียน่ายิ้มแข็ง ก่อนจะพูดอย่างตะกุกตะกัก “ฉัน ฉัน ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นนะคะ… นี่ก็ดึกมากแล้ว คุณลู่พักที่นี่ดีกว่าไหมคะ คนรับใช้เองก็ต้มซุปเม็ดบัว แล้วด้วย หากคุณ…
“หุบปากสักที รำคาญโว้ย” ลู่เหวินซูรู้สึกรำคาญที่เห็น เธอ จึงจับโยนไปอีกทาง
เจียน่าถูกโยนทิ้งราวกับสิ่งของ
กว่าที่เธอจะเรียกสติได้ ลู่เหวินซูก็ออกไปแล้ว คาดว่า น่าจะโกรธจัด ออกไปโดยที่ไม่ได้หยิบเสียคลุมไปด้วย
เจียน่าขยี้ผม รู้สึกไม่สบอารมณ์เท่าใดนัก แต่เมื่อคิด ได้ว่าผู้หญิงบนชั้นสามนั้นคงเจ็บยิ่งกว่าเธอ และมีความ เป็นไปได้ว่าจะโดนลู่เหวินซูโยนทิ้งในเร็ววัน ก็อารมณ์ดี ขึ้นมาอีกครั้ง
“เอาซุปเม็ดบัวมานี่ ฉันดื่มเอง” เจียน่าตะโกนสั่ง พร้อมเดินบิดเอวเข้าห้องอาหารไป
ลู่เหวินซูขับรถออกจากคฤหาสน์ปี้สี่ ความกรุ่นโกรธ ในใจนั้นอย่างไรก็ไม่สามารถขจัดออกไปได้
เขาหยิบโทรศัพท์แล้วกดโทรออกด้วยสีหน้าทะมึน
หลังจากที่อีกฝ่ายรับสาย ลู่เหวินซูก็กล่าวอย่างไม่ แยแส “ถังซินมีรายชื่อ ลองหาคนที่หิวเงินที่สุดบนนั้น ดู ให้เขาตอบรับว่าจะไม่ช่วยหลินเฉิงจี่ก็พอ จะมีข้อแม้ อะไรก็ว่ามา”
หลังจากที่คุยจบ เขาก็หักหัวรถทันที
เวลานี้เย่นจิ่งเหนียนยังอยู่ที่ห้องปฏิบัติการ และยุ่งอยู่ กับการวิจัยช่วงสุดท้ายของIxora
การที่ได้รับสายไม่คาดคิดจากลู่เหวินซู ทำให้เขารู้ว่า ใกล้จะมาถึงบ้านของเขาแล้ว กลอกตาอย่างเบื่อหน่าย แต่ก็ยอมเดินขึ้นไปเปิดประตูให้กับลู่เหวินซูอย่างไม่ ยินยอมเท่าไหร่นัก
ทันทีที่เปิดประตูมาเจอลู่เหวินซู เย่นจิ่งเหนียนก็ด่า ทันที “นายบ้าหรือ ดึกขนาดนี้แล้ว หากไม่มีอะไรก็ไป ดูแลคลับของนายนุ่น มาห้าฉันที่นี่ทำเพื่อ
หลังจากที่ด่าเสร็จ เขาก็พบว่าลู่เหวินซูนั้นไม่ได้ส่ง เสียงอะไร แววตามืดครึ้ม ราวกับพกความโกรธมา เต็มอก
เย่นจิ่งเหนียนเอ่ยถาม “เป็นเดือดจากที่ไหนมา
“มีเหล้าไหม” ลู่เหวินซูถาม แทรกตัวเข้าไปในห้อง หลังจากนั้นก็เปิดตู้เย็น เมื่อพบว่าในนั้นมีเบียร์อยู่ ก็ หยิบออกมาอย่างไม่เกรงใจ แกะฝาและยกดื่มทันที
ยกดื่มกระป๋องแล้วกระป๋องเล่า ราวกับน้ำเปล่า ที่ไม่ ต้องหยุดดื่ม
เย่นจิ่งเหนียนกอดอกยืนพิงขอบประตู สายตาเย็น ชามองลู่เหวินซูที่เจ็บเพราะทำตัวเอง “เป็นพี่น้องกันมา หลายปี ไม่เคยเห็นนายเป็นแบบนี้มาก่อน ตอนพ่อนาย เสีย ฉันก็ไม่เห็นนายจะเศร้าแบบนี้”
ลู่เหวินซูไม่ได้พูดอะไร
เบียร์สองกระป๋องที่อยู่ในตู้เย็น หลังจากที่ลู่เหวินซูดื่ม หมดก็ไม่เหลือแล้ว เขาเดินไปรอบๆ หลังจากนั้นก็หยิบ ไวน์ออกมาจากตู้เก็บของสองขวด จัดการเปิดและดื่ม ต่อ
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ