บทที่ 377 ผมกับเธอตัดความสัมพันธ์กันไปนานแล้ว
กาวเหม่ยซีตอบอย่างเชื่องช้า “ยังค่ะ ไม่รู้หลินเฉิง จี้ไปหาของแบบนั้นมาจากที่ไหนกัน ยาเสพติดที่แรง ขนาดนั้น พอลงแดงมันทรมานยิ่งกว่าตายอีกนะคะ ฉัน เลยยังเลิกไม่ได้
“แล้วคุณกลับมาทำไม” ชายหนุ่มกล่าวเสียงเย็นชา มือหยาบคว้าผมของเธออย่างแรงจนหน้าเชิด “คุณก็ รู้ ว่าผมนั้นเกลียดสิ่งที่น่าเกลียดมากที่สุด ยิ่งผู้หญิงที่มี กลิ่นที่น่ารังเกียจนี้ด้วย”
กาวเหม่ยซีรีบกอดแขนของเขาไว้ ส่ายหน้าพัลวัน “ไซเลส์ ฉันไม่มีทางกลายเป็นเช่นนั้น คุณเชื่อฉันนะคะ ฉันแค่คิดถึงคุณมากเกินไป ทนไม่ไหวจนต้องรีบกลับ มาหาคุณ ให้เวลาฉันอีกหน่อยนะคะ ฉันจะเลิกมันได้ อย่างแน่นอน คนคนนั้นอยู่ที่เมืองหนานเฉิงแล้ว ไม่ต้อง กังวลกับฉันแล้วนะคะ ฉันยังมีเวลาอีกมาก”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของจี้เจียจื้อก็ผ่อนคลายมาก ขึ้น
กาวเหม่ยซีเอนตัวลงในอ้อมกอดของเขา และ กล่าว “ฉันไม่ต้องกังวลใจกับการลงมือของเขาเลยค่ะ ระมัดระวัง ทั้งยังยอดเยี่ยม คุณไปเจอเธอที่ไหนมาหรือ
“เธอเป็นคนที่โหยเงิน ตรวจข้อมูลนิดหน่อย มอบเงิน ให้เธอก็ติดเบ็ดแล้ว” จี้เจียจื้อกำชับกับกาวเหม่ยซี “จะติดต่อกับเธอต้องปลอมตัวไปด้วย อย่าเผยตัว ให้คน อื่นไปพบเธอ ผู้หญิงคนนี้ค่อนข้างระมัดระวัง ทั้งยังโลภ มาก ระหว่างที่จัดการเรื่องแทนผม หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะ ไม่ล้มเหลว”
“ฉันรู้ค่ะ ฉันจึงส่งคนอื่นไปพบกับเธอเสมอ” ชะงักไป อีกใจ เธอกล่าวด้วยท่าทีคิ้วขมวด “ฉันอยู่ข้างกายมู่เฉิน หย่วนมาสักระยะแล้ว พอจะจำแนกได้ว่าเขาชอบแบบ ไหน ผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่ในแบบที่เขาชอบเลย”
จี้เจียจื้อยิ้มเล็กน้อย ท่าทางดูเจ้าเล่ห์ “มู่เฉินหย่วน จะชอบเธอหรือไม่ ไม่สำคัญ เธอเพียงรักเงินและโลภ เดี๋ยวเธอคงจะหาวิธีได้เอง”
กาวเหม่ยซีหึงขึ้นมาทันพลัน และกล่าวอย่างหงุดหงิด “ดูเหมือนว่าคงจะเป็นแบบที่คุณชอบเสียมากกว่า ทั้ง ฉลาดเสียด้วย หากวันไหนคุณเลือกเธอขึ้นมา ก็คงจะ ทิ้งฉันไปใช่ไหม”
จี้เจียจื้อก้มหน้ามามองเธอ “คุณเป็นที่รักของผม เธอ เทียบไม่ได้หรอก”
“ฉันไม่เชื่อ”
“ดูเหมือนคุณยังไม่แรงที่จะพูดต่อนะ ไม่เหนื่อยหรือ” จี้เจียจื้อหัวเราะ และพลิกร่างขึ้นคร่อมเธอ
ทาบทับร่างลงไปและแนบริมฝีปากกับปากแดงชาดของเธอ
***
หลังจากที่คุยกับถังซิน เย่นจิ่งเหนียนก็หยิบหยูกยา และรีบตรงไปยังที่พักของจู่ซือซือ
ช่วงเวลาที่เขาไปถึง ก็พบเจอกับลู่เหวินซูอย่างพอดิบ
พอดี
“เหวินซู” เย่นจิ่งเหนียนตรงเข้าไปทักทาย สายตา กวาดมองใบหน้าของลู่เหวินซู
ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่เหมือนกัน เขาเห็นได้ชัดว่าลู่เห วินซูเปลี่ยนไป ไม่เหมือนกับชายหนุ่มที่ขี้เล่นในสมัย ก่อน ใบหน้าไร้รอยยิ้ม มันดู… มืดมน
ลู่เหวินซูเพียงเหลือบมองเขา และเดินขึ้นไปบันไดไป อย่างรวดเร็ว
เย่นจิ่งเหนียนชะงักนิ่ง ก่อนจะรีบตามขึ้นไป
เมื่อทั้งสองเข้ามาในลิฟต์แล้ว เย่นจิ่งเหนียนกล่าว เยาะเย้ยเขา “ทุกทีเวลาไปไหนนายก็พาหลี่ซูเจ๋ไปด้วย นี่ ทำไมตอนนี้ถึงไม่เห็นเธอกัน”
“เธอบอกจะไปช่วยถังซิน ไปต่างประเทศแล้ว” ลู่เหวิน ซูตอบอย่างไม่ใส่ใจ
“เหวินซู นายไม่เป็นไรใช่ไหม” เย่นจิ่งเหนียนเมื่อเห็น ว่าน้ำเสียงของเขาราบเรียบ ก็มองเขาด้วยสีหน้าคิ้วขมวด “หลังจากผ่านวันเกิดของนายไป นายดูเปลี่ยนไป เป็นคนละคน พวกเราเป็นพี่น้องกันนะ เกิดเรื่องขึ้นนาย ไม่คิดจะบอกกับฉันเลยหรืออย่างไร
ลู่เหวินซูโอบไหล่ของเขา ใบหน้าเผยรอยยิ้มขึ้นมา “พอแล้ว ฉันไม่เป็นอะไร นายเองก็รู้ นายเองก็รู้นี่ ตั้งแต่ พ่อตายฉันก็รับช่วงต่อ ตระกูลลู่มา มันยากที่จะเลี่ยง เรื่องมากมาย มันเลยน่ารําคาญนิดหน่อย
เย่นจิ่งเหนียนใส่ใจมาโดยตลอด รู้ว่าที่เขาพูดเช่นนี้ก็ เพื่อหลีกเลี่ยงเท่านั้น จึงไม่ได้ถามอีก
โดยเร็วทั้งสองก็มาถึงชั้นที่หมาย เย่นจิ่งเหนียนหยิบ กุญแจขึ้นมาเปิดประตู เมื่อเข้าไปก็พบมู่เฉินหย่วนกำลัง ดูแลจู่ซือซืออยู่ที่ห้องรับแขก ป้อนอาหารให้เธอ ในมือ ของจู่ซือซือนั้นถือแท็บเล็ตไว้ ทิ้งร่างเอนไปกับโซฟา ก้มหน้าดูแท็บเล็ต ไม่ว่ามู่เฉินหย่วนจะส่งอะไรมาให้ ก็ รับมาทานทั้งหมด ไม่ส่งเสียงและไม่ขยับ
“พี่รอง ยาสำหรับหนึ่งสัปดาห์เสร็จแล้ว” เย่นจิ่งเหนีย นวางกระเป๋ายาลงกับโต๊ะ เหลือบมองเด็กน้อยจู่ซือซือ ใบหน้าเผยร่องรอยอดทนอดกลั้น
หลังจากที่จู่ซือซือตื่นขึ้นมา ไม่ร้องไม่โวยวาย ไม่สน ว่าใครจะพูดอะไร แม้แต่มู่เฉินหย่วน เธอก็ไม่สนใจ หาก ไม่อยู่ในห้องนอน ก็นั่งดูแท็บเล็ตที่ห้องนั่งเล่น
เขามาที่นี่เป็นสิบๆ ครั้ง จู่ซือซือก็ยังคงเป็นเช่นนี้
“ซือซือ ดูสิ ฉันซื้อแผ่นเสียงของนักร้องคนโปรด ของเธอมาให้ด้วยนะ” ลู่เหวินซูส่งแผ่นเสียงนั้นให้กับ จู่ซือซือ และคุกเข่าลงที่ข้างกายของเธอ “เธออยากดู ไหม”
จู่ซือซือมองมาทางเขา ใบหน้าแดงระเรื่อ นัยน์ตาทอ ประกาย ดูแล้วไม่มาท่าทีแปลกไปอะไร เพียงแต่วินาที ถัดมา เธอก็ส่ายหน้า และก้มดูละครต่อ
โดยไม่พูดแม้แต่คำ
“เธอไม่อยากพูดก็พอเถอะ” มู่เฉินหย่วนกล่าวเสียง เรียบ ทั้งยังส่งสตอเบอร์รี่ให้กับจู๋ซือซือ
สีหน้าของชายหนุ่มนั้นเต็มไปด้วยอาการอ่อนล้า เห็น ได้ชัดว่ารำคาญจู่ซือซือแม้แต่นิด
ลู่เหวินซูปวดใจ แต่ไม่สามารถช่วยอะไรได้
กลับมายืนข้างเย่นจิ่งเหนียน ลู่เหวินซูเอยถามเสียง แผ่ว “ไอ้สาม นายยอดเยี่ยมไม่ใช่หรือ หาวิธีทางที จะ มองดูซือซือเป็นแบบนี้ไปตลอดหรือ ไม่ร้อง ไม่โวยวาย และไม่พูดอะไรสักคำ
เย่นจิ่งเหนียนมองเขาอย่างจนใจ “นายช่วยไป แยกนักวิทยาศาสตร์กับศัลยแพทย์ให้ออกทีเถอะ และปัญหาของซือซือนั้นแม้แต่หมอก็แก้ไขไม่ได้ จิตใต้สำนึกของเธอนั้นมันปิดด้วยตัวเอง ไม่อยากติดต่อ กับใคร ที่ฉันจัดยาแบบนี้ให้ มันเพียงช่วยเรื่องอารมณ์ของเธอเท่านั้น เพียงบรรเทาเท่านั้น ไม่สามารถจัดการ ที่รากฐานของมันได้”
กล่าวจบก็หันไปมองมู่เฉินหย่วน “พี่รอง ให้กวนชิงเฟิ งมาเถอะ ก่อนหน้านี้ผมให้ซือซือดูรูปของกวนชิงเฟิง พี่ เองก็เห็นว่าเธออยากเจอกวนชิงเฟิงขนาดไหน…”
“ไม่ต้อง” มู่เฉินหย่วนเอ่ยแทรกขึ้นทั้งทั้งที่ยังพูดไม่ จบ ใบหน้ามืดครึ้ม น้ำเสียงฟังดูเย็นชา “น้องสาวของ ฉัน ไม่จำเป็นต้องให้คนนอกมาเป็นกังวล”
เย่นจิ่งเหนียนไม่ได้กล่าวถึงอีก เขาเข้าใจสภาพจิตใจ ของมู่เฉินหย่วนเป็นอย่างดี
กวนชิงเฟิงอยู่ข้างกายซือซือมาตลอด ตอนที่เกิดเรื่อง ขึ้น เขาไม่ได้ปกป้องจู่ซือซือให้ดี ล้มเหลวในหน้าที่ มู่ เฉินหย่วนย่อมไม่ต้องการเห็นหน้าของเขาอีก
เย่นจิ่งเหนียนยืนเงียบๆ อยู่กับลู่เหวินซูที่ตรงนั้น มอ งมู่เฉินหย่วนป้อนโยเกิร์ตสตอเบอร์รี่ให้จู่ซือซือจนหมด
จู่ซือซือขยี้ตาเล็กน้อย ราวกับเริ่มง่วงนอนแล้ว
มู่เฉินหย่วนพูดกับเธออยู่สองสามคำ จู่ซือซือจึงยอม ลุกขึ้นจามโซฟา และปล่อยให้มู่เฉินหย่วนพาเข้าไปใน ห้องนอน เย่นจิ่งเหนียนรีบเปิดกระเป๋ายา นำขวดยา และเข็มฉีดยาออกมา
เย่นจิ่งเหนียนฉีดยาให้กับจู่ซือซือ เธอผล็อยหลับไปในทันที มู่เฉินหย่วนหยิบแท็บเล็ตในมือของเธอออกมา อย่างแผ่วเบา และสอดมือของเธอเข้าไปในผ้าห่ม
เย่นจิ่งเหนียนที่ยืนดูอยู่ข้างๆ เองก็ทรมานใจ
แต่เรื่องของตัวเองมู่เฉินหย่วนก็เหนื่อยมากพอแล้ว ใครจะไปคิดกัน ว่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้กับซือซือขึ้นมาได้
หลังจากที่ทั้งสองออกจากห้องนอน เย่นจิ่งเหนียน ถึงได้พูดขึ้นมา “พี่รอง ผมได้รับการ์ดเชิญไปpartyที่ มีชื่อเสียงของประเทศY และก่อนหน้านั้นไม่นาน คุณ ถังก็โทรมาหาผม เธออยากจะช่วยหลินเฉิงจี่ให้ได้ คุณสมบัติของผู้สืบทอดอเล็กซ์เลียร์กลับคืนมา แต่ จำเป็นจะต้องมีรายชื่อของแขกทางการเมืองที่มีรายชื่อ อยู่ในpartyนั้น”
ชะงักไปอึดใจ และเขาก็กล่าวเสริมขึ้นมา “และผมก็ อยู่บนรายชื่อนั้น”
ในตอนที่เขาเอ่ยชื่อ คุณถัง ขึ้นมา ใบหน้าของมู่เฉิน หย่วนก็ไม่ได้เหนื่อยล้าแต่อย่างใด เพียงตรงไปนั่งที่ ห้องรับแขก และกล่าวอย่างไม่ใส่ใจ “ฉันกับเธอตัด ความสัมพันธ์กันนานแล้ว ไม่ต้องสนใจความรู้สึกของ ฉัน”
เย่นจิ่งเหนียนกล่าวเสริม “ผมตรวจแล้วว่าแขก ทางการเมืองบนรายชื่อนั้นมีความสัมพันธ์อันดีกับจี้ เจียจื้อ และก็มีพันธมิตรที่ดีของหลินเฉิงจี๋ แต่ถ้าตัดสิน ตามสถานการณ์ปัจจุบันแล้ว พวกเขาไม่มีทางเซ็นชื่อ
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ