บทที่ 149 เขาเป็นเด็กน่าสงสารที่ไม่มีคนรักคนหนึ่ง
วี่เหวินถึงไปแล้วสักพักใหญ่ ในห้องก็เงียบลง เย่นจิ่งเห นียนหัวเราะขึ้นมาก่อน “อยู่ด้วยกันมาตั้งหลายปี นี่คือครั้งที่ สองที่ฉันเห็นพี่ใหญ่เสียสติ คราวนี้เห็นชัดเจนมากเลย”
“ครั้งแรกคือที่ไหน” มู่เฉินหยวนถาม
“โรงพยาบาล” เย่นจิ้งเหนียนตอบยาว “ตอนนั้นซ่งจิ้งเห อมาเยี่ยมนายที่โรงพยาบาลแล้วเจอพี่ใหญ่เข้า พี่ใหญ่เก็บ อาหารดีมากแต่ซ่งจิ้งเหอเก็บอาการไม่อยู่ ผมเลยเดาออก ว่าพวกเรามีเรื่องบางอย่างกัน
“ที่แท้เรื่องที่พี่ไม่บอกที่โรงพยาบาลก็คือเรื่องนี้เองน่ะ เหรอ” ลู่เหวินซูก็เข้าใจแล้ว “โธ่เอ้ย ทำไมพี่ไม่บอกผมล่ะ ทําเอาผมไม่สบายใจไปหลายวันเลย
เย่นจิ้งเหนียน “หึ” ใส่อย่างเย็นชา “นายมันโง่เอง แต่คราว นี้ยังถือว่าฉลาด รู้จักแกล้งเล่นละครตาม
“เล่นละครอะไร” ลู่เหวินซูงงนิด ๆ
เย่นจิ้งเหนียนเอามือปิดหน้าผาก “ฉันประเมินไอคิวนายสูง ไปเอง ฉันผิดเอง
“อ๋อ พี่พูดถึงประวัติของซ่งจิ้งเหอเหรอ” ซักพักลู่เหวินซู ถึงจะตอบกลับ “ผมแม่งนึกว่าพี่สนใจซ่งจิ้งเหอ ใครจะไปรู้ ละ ว่าพี่พูดให้พี่ใหญ่ฟัง
เขาโดนแขวะแล้วจึงพูด “แม่งเอ้ย พวกพี่วิเคราะห์เรื่องให้ มันซับซ้อนขนาดนี้ไม่ปวดหัวหรือไง”
“ฉันบอกแล้วไง นายมันโง่” เย่นจิ้งเหนียนพูดอย่างไม่สบ อารมณ์ “ไม่เชื่อก็ลองถามพี่รองสิ”
ลู่เหวินซูหันไปมองทางมู่เฉินหย่วน
มู่เฉินหย่วนไม่สนใจใด ๆ ทั้งสิ้น พูดอย่างจนปัญญา “ฉัน ไม่รู้ว่าเมื่อก่อนพี่ใหญ่มีอดีตกับซ่งจิ้งเหอ ถ้าฉันรู้ก็คงไม่ร่วม งานกับซ่งจิ้งเหอหรอก”
“ไม่ พี่รอง พี่ทำแบบนี้กลับยิ่งดีนะ” เย่นจิ้งเหนียนหัวเราะ เบา ๆ “นายก็เห็น พี่ใหญ่ห่างเหินกับผู้หญิงจะตาย น่าจะมี เรื่องกับซงจิ้งเหอ
“ดูจากรอยสักนั้นที่บนนิ้วพี่ใหญ่ ฉันคิดว่าเขายังคิดถึงซ่ง จิ้งเหออยู่นะ พวกเราก็ใช้โอกาสนี้ ลองดูว่าพี่ใหญ่จะทนไป ได้ถึงเมื่อไหร่”
มู่เฉินหย่วนครุ่นคิด สุดท้ายก็ “อืม” ออกมา ถือว่าเห็นด้วย กับแผนของเล่นจิ้งเหนียน
“พวกพี่ยังว่าผมเล่นสนุกกับผู้หญิงอยู่เลย ผมว่าพวกพี่ยิ่ง กว่าผมอีกนะ” ลู่เหวินซูพูดสบประมาท “โดยเฉพาะพี่รอง ใช้ อุบัติเหตุทางรถยนต์มาหลอกคุณถังให้เป็นทาสรับใช้พี่
มู่เฉินหย่วนทำหน้าเคร่งขรึม ถ้วยชาในมือแตกภายในพริบตา น้าชาในถ้วยนั้นหกใส่ขาของเขาทำเอาเย่นจึงเหนียนกับ ลู่เหวินซูตกใจจนตัวโยน
ลู่เหวินซูพูดตะกุกตะกัก “แม่งเอ้ย กะ แก้วที่ผมสั่งทำมัน เปราะขนาดนี้เลยเหรอ”
“นายไม่ต้องติดต่อประธานสาวแล้ว ให้จึงเหนียนไปแทน” มู่เฉินหย่วนพูดเรียบ ๆ ปัด ๆ ใบชาที่อยู่บนขา “นายไปช่วย ฉันจัดการเรื่องอื่นที่เยนจิง”
“พี่รองผมผิดไปแล้ว…
มู่เฉินหย่วนมองเขาแว๊บหนึ่งแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “หุบปาก คืนนี้นั่งเครื่องบินไปซะ”
ลู่เหวินซูน้ำตาไหลนองหน้า
แม่งไม่ยุติธรรมเกินไปแล้วนะ จากเรื่องโรงพยาบาลคราว นั้น เย่นจิ้งเหนียนแหย่พี่รองยังไง พี่รองไม่ว่าสักคำ วันนี้แค่ พูดประโยคเดียวก็โดนถีบส่งให้ไปทำงานลำบากเลยเหรอ
ถึงเขาจะดูเข้าใจ แต่เขาก็เป็นเด็กน่าสงสารที่ไม่มีคนรัก คนหนึ่งนะ
แม้ว่าวันนั้นจะเกิดเรื่องที่ไม่สบายใจขึ้นที่คลับ แต่ทว่าพอ มีมู่เฉินหย่วนมาช่วยเหลือตำหนิมู่จิ้นเซียนและคนอื่นๆ ถังซินก็เลยไม่ได้เอาเรื่องราวมาใส่ใจ
คุณหานน้อยก็ส่งเมลมาขอโทษและนัดพ่อตัวเองให้เธอ
ถังซิ่นให้กาวเหม่ยซีไปร่างสัญญา พอจะไปตามที่นัด หมาย เย่นจิ้งเหนียนก็โทรศัพท์มาบอกว่าอยากเจอเธอสัก ครั้ง หลังจากที่ได้เจอแล้วถังซินถึงพบว่าไม่ได้มีเพียงเช่น จิ่งเหนียน ยังมีประธานสาวจากบริษัทหลงเถิงด้วย
หลังจากที่นังลงคุยกันแล้ว ถังซินถึงพบว่าคราวนี้ที่ ประธานส้าวมาคุยเรื่องร่วมงานนั้นหมายถึงมู่เฉินหย่วน ให้ ขายหุ้นเดิมที่เธอจะขายให้ประธานหานเปลี่ยนมาขายให้ ประธานส้าวแทน
ประธานสาวคนนี้ก็ถือว่าอายุน้อยแต่มากความสามารถ ถ้าพูดถึงฝีมือการทำธุรกิจก็ถือว่าสูสีกับมู่เฉินหย่วนได้เลย เพียงแต่ไม่ค่อยถูกกันกับมู่เฉินหย่วน ทำงานแทนคนอื่น กําไรต้องสูงมาก
เห็นได้ชัดเลยว่าประธานสาวปฏิบัติกับผู้อื่นอย่างไร ขณะ ที่เซ็นสัญญาระหว่างที่ถังซินไปห้องน้ำก็โทรศัพท์หามู่เฉิน หย่วน
“ประธานมู่ ทำไมคุณถึงเปลี่ยนใจอีกแล้วล่ะคะ” ถังซินถาม “คุณหานน้อยนัดประธานหานให้ฉันแล้ว ถ้าดูจากความร่วม มือแล้ว ฉันว่าประธานหานดีกว่านะคะ”
“เขาไม่เห็นใครในสายตา บ้าระห่ำเกินไป” มู่เฉินหย่วนพูดเรียบ ๆ “ตอนนี้โลกภายนอกรู้กันหมดแล้วว่าคุณคือประธาน ของตระกูลมู่ ถ้าเขาเลิกสัญญาก็เท่ากับไม่เคารพผม พาร์ท เนอร์ประเภทนี้ถ้าไม่ทำก็ไม่เป็นไร
เขาพูดถึงขนาดนี้ แต่ถังซินกลับรู้ว่าเป็นเพราะว่าตัวเอง โดนรังแกเขาเลยไม่ร่วมงานกับประธานหาน แก้มร้อนผ่าว นิด ๆ ใจเต้นเร็วขึ้นมา
ถังซินพูด “แต่ประธานสาวสนใจแต่ผลกำไรอย่างเดียว ถ้า ให้เขาเป็นผู้ถือหุ้นตระกูลมู่ มีแต่จะส่งผลเสียต่อตระกูลมู่นะ คะ”
“เขาก็แค่อยากได้เงินเยอะหน่อยเท่านั้นเองให้เขาไปก็ จบแล้ว” มู่เฉินหย่วนชะงักไป จากนั้นก็หัวเราะเบาๆ “ทำไม ประธานถังคิดว่าผมจะเสียเปรียบเขาเหรอ”
ราวกับมีเสียงลมหายใจเป่ามาที่ข้างหูถังซินทำให้ใบหูเธอ แดงก่ำ
“เปล่านะคะ ฉันก็แค่ถาม ๆ ดู ประธานมู่คะ ฉันวางสายก่อน นะคะ” ถังซินพูดจบก็วางสายเลย พอเห็นตัวเองแก้มชมพูระ เรื่อขึ้นมาในกระจกก็ตบแก้มเบา ๆ ไปหนึ่งที
ถังซินเธอนี่มันพูดมากจริง ๆ เลยนะ
หลังจากที่เซ็นสัญญาเสร็จ ส่งประธานสาวแล้วก็รู้สึกโล่ง อกไปที
เธอรู้ว่ามู่เจิ้งหย่ากับมู่เจิ้งเฉิงซื้อหุ้นเดิมจากผู้ถือหุ้นราย อื่นมาได้ไม่น้อยแล้ว เพียงแต่ว่าช่วงนี้เธอก็ไม่นิ่งเฉย หัน เดิมจากผู้ถือหุ้นรายอื่น ๆ ก็อยู่ในมือของเธอทั้งหมดเช่นกัน
อีกทั้งตามที่มู่เฉินหย่วนกำชับมา แอบหาคนขายทิ้งออก ไปเงียบ ๆ แล้วเอาเงินส่วนหนึ่งโอนเงินทุนเข้าบัญชีของ ตระกูลมู่ ส่วนอีกส่วนหนึ่งแบ่งเอาไปไว้ในบัญชีลับ
ก็แค่รอดูว่ามู่เฉินหย่วนจะเดินหมากต่อไปอย่างไรแล้ว
“คุณถัง” เย่นจิ่งเหนียนเดินมาหาถังซิน แขนห้อยสูทมา ด้วย “วันนี้ขอบคุณมากนะครับ ถ้าคุณถังมีเวลาว่าง ผมจะ เลี้ยงมื้อเที่ยงคุณนะ
ถังซินรีบหัวเราะ “คุณเย่นเกรงใจไปแล้วค่ะ ถ้าไม่มีคุณฉัน ก็คงไม่ได้เจอประธานส้าว ฉันต้องเลี้ยงข้าวคุณสิคะ ถึงจะ ถูก”
“ได้ ถ้างั้นผมไม่เกรงใจนะ
วันนี้ถังซินขับรถมา พอกำลังจะพาเย่นจิ้งเหนียนไปร้าน อาหารก็ได้รับวีแชทจากเด็กชายตัวน้อยพอดี
เธอถึงนึกออกว่ายังไม่ได้คืนจักรยานเสือภูเขาที่อยู่ท้ายรถ
เลย
ถังซินตอบวีแชทเสร็จก็เห็นเด็กชายตัวน้อยกำลังฝึก ร่างกายอยู่ข้างนอกพอดีเลยขอโทษเย่นจิ้งเหนียน “ขอโทษด้วยนะคะ คุณเช่น วันนี้เกรงว่าจะเลี้ยงข้าวคุณไม่ได้แล้ว ฉัน ต้องเอาจักรยานเสือภูเขาไปคืนน่ะค่ะ
“ไม่เป็นไรครับ ครั้งหน้าก็ได้ครับ
ถังซินรู้สึกเกรงใจเลยยืนกรานจะไปส่งเย่นจึงเหนียนกลับ บ้านแล้วค่อยไปร้านอาหารฝรั่ง
พอถึงร้านอาหารฝรั่งแล้วก็หาที่นั่งข้างหน้าต่าง
ไม่กี่นาทีประตูร้านอาหารฝรั่งก็ถูกเปิดออก ร่างเล็ก ๆ เดิน เข้ามา มองซ้ายมองขวา พอเห็นถังซินก็รีบเดินมาหา แล้ว ตึงหน้ากากลง
ฉางผิงเรียกเสียงดัง ” พี่สาว พี่รอนานไหมครับ”
“แค่สองนาทีเองจ้ะ” ถังซินยิ้มตอบ พอเขานั่งแล้วก็ส่งเมนู อาหารไปให้ “หนูช่วยพี่เอาไว้มาก วันนี้พี่เลี้ยงมื้อเที่ยงหนู นะ หวังว่าหนูจะไม่ปฏิเสธพี่นะ
“ถ้างั้นก็ขอบคุณนะครับพี่สาว” ฉางผิงเลยไม่เกรงใจสั่ง อาหารที่ตัวเองชอบไปสองสามอย่าง
พอพนักงานเสิร์ฟลงไปแล้ว ถังซินก็พูดขึ้น “หนูช่วยพี่เอา ไว้สองครั้งแล้ว แต่พี่กลับยังไม่รู้จักชื่อของหนูเลย ขอโทษ จริง ๆ นะจ้ะ พี่ชื่อถังฆินนะจ๊ะ จะเรียกพี่ว่าคุณน้าก็ได้นะ
“พี่สาวสวยมาก เรียกพี่สาวเพราะดีแล้วครับ” ฉางผิงปากหวานทำให้ถังซินร่าเริงมาก
เด็กคนนี้นี่น่ารักจริง ๆ เลย
ระหว่างที่คุยกัน ถังซินถึงได้รู้ว่าเด็กน้อยแซ่ซ่งอวี้ ชื่อฉาง
ผิง
“หนูยังเด็กมาก ต้องฝึกร่างกายข้างนอกทุกอาทิตย์เลยเห รอ” พอได้ยินเด็กน้อยบอกถังซินก็ประหลาดใจ “วัยอย่าง หนูควรไปเรียนอนุบาลสิถึงจะถูก”
สายตาของฉางผิงหม่นหมองลงแต่ไม่นานเขาก็ยิ้มแล้ว พูด “คุณแม่บอกว่าผมฉลาด ไม่ต้องไปโรงเรียนอนุบาล อีกอย่างการฝึกร่างกายข้างนอก คุณครูกำหนดให้ผมเอง เป็นการฝึกความแข็งแกร่งของร่างกาย ไม่เหนื่อยหรอก ครับ”
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ