ฉันเป็นสุดที่รักของประธานมู่! ?

บทที่ 141 แม่อยากให้หนูได้อยู่กับคนที่หนูชอบนะ



บทที่ 141 แม่อยากให้หนูได้อยู่กับคนที่หนูชอบนะ

ถังซินข้อเท้าพลิกเลยยังเจ็บนิดหน่อย เด็กชายตัวน้อย ก็พาเธอไปนั่งพักบนเก้าอี้ด้านข้างสักพัก แถมยังหยิบเอา ช็อกโกแลตให้เธอด้วย

“ช็อกโกแลตมีพลังงานสูง พี่สาวกินแล้วเยอะ ๆ จะได้มี พลังนะครับ”

“ขอบใจนะจ้ะ”

ถังซินรับช็อกโกแลตมา

เธอไม่ค่อยอยากจะเชื่อเลยว่านี่คือเด็กอายุสี่ขวบ คำพูด และการกระทำดูใจเย็นมาก ๆ ถ้าบอกว่าเขาอายุสิบกว่าขวบ ถ้าบอกว่าเขาอายุสิบขวบก็ไม่โอเวอร์ไปหรอก

“พ่อของผมเป็นทหาร เก่งมาก ปกป้องชายแดนมาตลอด” พอเด็กชายตัวน้อยพูดถึงคุณพ่อ ดวงตาก็เปล่งประกายขึ้น มาเป็นพิเศษ อีกทั้งยังดูท่าทางภาคภูมิใจด้วย “คุณพ่อรัก ผมมากครับ ส่งของขวัญให้ผมทุกปีเลยครับ”

“ทหารเหรอ” ถังซินพึมพำเบา ๆ คัดค้านความคิดนั้นที่อยู่

ในใจ

ถ้าวี่เหวินถึงเป็นทหารจริง ๆ แล้วอย่างนั้นจะเอาเวลา ที่ไหนมากมาย แถมยังกลับมาช่วยมู่เฉินหย่วนที่ประเทศจีน ได้อีกล่ะ เด็กผู้ชายคนนั้นเหมือนวี่เหวินถึงขนาดนั้น มันยังไงกันแน่นะ

ในครอบครัวของวี่เหวินถึงเขามีพี่น้องคนอื่นอีกหรือเปล่า นะ

อีกอย่าง ในโลกใบนี้ก็มีคนที่หน้าตาเหมือนกัน ก่อนหน้านี้ ไม่ได้มีเด็กที่หน้าตาเหมือนพี่ใหญ่สมัยเด็กเป๊ะหรอกเหรอ แต่อย่างไรก็ตามทั้งสองคนก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกัน

หลังจากที่ตกตระกอนความคิดจนเข้าใจได้แล้ว ถังซินก็ ลูบ ๆ หัวเด็กผู้ชายตัวน้อยแล้วยิ้ม “ต่อไปหนูจะต้องยิ่งเก่ง กว่าคุณพ่อแน่ ๆ จ้ะ”

“แน่นอนอยู่แล้วครับ ผมอยากเป็นคนที่ปกป้องคุณแม่ ครับ” เด็กชายตัวน้อยเงยหน้าไปพูด “ต่อไปผมจะพยายาม ให้มาก ๆ เพื่อทำให้คุณแม่ภูมิใจในตัวผมให้ได้ครับ”

“ที่บ้านมีแค่หนูกับคุณแม่เหรอจ๊ะ”

เด็กผู้ชายตัวน้อยพยักหน้า “อืม แต่คุณแม่งานยุ่ง เลยมีแต่ แม่บ้านดูแลผมครับ”

พอเด็กชายตัวน้อยพูดจบโทรศัพท์ในกระเป๋าก็ดังขึ้น

เขารีบควักออกมารับสาย น้ำเสียงเปลี่ยนเป็นเด็กดีทันที “ฮัลโหล คุณแม่ครับ”

“วันนี้คุณครูไม่มา ผมออกมาซ้อมเองครับ”
“ผมใส่หน้ากากด้วยครับ”

“ถ้างั้นผมส่งพิกัดให้แม่ รอให้คุณแม่มารับผมนะครับ”

พอเด็กชายตัวน้อยรับโทรศัพท์ ถังซินถึงนึกขึ้นมาได้ว่าตัว เองยังมีนัดและเกือบจะสายแล้วด้วย

เธอจึงพูดกับเด็กชายตัวน้อยว่า “ถ้าอย่างนั้นหนูรอคุณแม่ อยู่ตรงนี้นะ พี่มีธุระ พี่ต้องไปก่อนแล้วนะ”

“พี่สาวครับ พี่ขี่จักรยานเสือภูเขาของผมสิครับ” เด็กชาย ตัวน้อยเห็นว่าถังซินรีบมาก หยิบหมวกกันน็อกส่งให้เธอ “ขี่ จักรยานเสือภูเขาไปบนทางเท้าไปได้ไวดีนะครับ”

จักรยานเสือภูเขาคันนั้นไม่ใช่จักรยานแบบของเด็ก ถังซิ นก็เลยขี่ได้

ถังซินเห็นว่าเวลาใกล้เข้ามาแล้วเลยพยัก ๆ หน้า “ถ้างั้นพี่ ยืมจักรยานเสือภูเขาของหนูหน่อยนะคะ หนูมีวีแชทไหมจ๊ะ เดี๋ยวพี่คุยธุระเสร็จแล้วจะเอาจักรยานเสือภูเขาไปคืนหนูนะ จ้ะ”

“มีครับ”

หลังจากที่แอดวีแชทซึ่งกันและกันแล้ว ขณะที่ถังซินก็จะ ถีบจักรยานออกไป เด็กชายตัวน้อยก็ดึงดันที่จะเอาหมวกกันน็อกให้เธอให้ได้

“พี่ครับ ใส่หมวกกันน็อกด้วยสิครับ”

“ไม่ต้องหรอกจ้ะ ยังไงพี่ก็ใส่ไม่เข้าอยู่แล้ว”

“พี่สาวครับ พี่ลองใส่ดูสิครับ”

หมวกกันน็อกใบนั้นเล็กมาก ถังซินอยากลอง ๆ ใส่หมวก ดูแล้วก็กะจะคืนเด็กชายตัวน้อยไป คิดไม่ถึงเลยว่าจะใส่ เข้าไปได้แต่มันก็แน่นไปหน่อย

หัวของเธอเล็กขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย !

เด็กชายตัวน้อยเผยรอยยิ้มออกมา “เห็นไหม ผมบอกแล้ว ไงว่าพี่สาวใส่ได้ พี่สาวรีบไปเถอะครับ”

“ถ้างั้นเราติดต่อกันทางทางวีแชทนะ”

ถังซินรีบไปให้ทันเวลา พอจบบทสนทนาก็ถีบจักรยานเสือ ภูเขาไปเลย

เด็กชายตัวน้อยหันไปโบกมือทางด้านหลังของเธอ ใส่ หน้ากากแล้วหาที่รอคุณแม่มารับอย่างเชื่อฟัง

หลังจากนั้นไม่นานก็มีรถเก๋งสีเงินคันมาจอดอยู่ข้าง ๆ
ประตูด้านหลังเปิดออก ซ่งจิ้งเหอสวมเสื้อโค้ตสีครีมเดิน ไปทางบันไดหาเด็กชายตัวน้อย อุ้มเด็กน้อยขึ้นมาแล้วยิ้ม อย่างอ่อนโยน “ฉางผิง รอนานแย่เลยใช่ไหมล่ะ”

“คุณแม่ครับ ! ”

ฉางผิงอยากจะดึงหน้ากากลงจับเธอ

ซ่งจิ้งเหอส่าย ๆ หัว ทำตาดุใส่ เขารู้สึกผิดหวังนิด ๆ โดน ซ่งจิ้งเหออุ้มขึ้นรถไปเงียบๆ

หลังจากที่ขึ้นรถมาแล้ว ซ่งจิ้งเหอก็หยิบเอาผ้าขนหนูยื่น ให้เขาเช็ด ๆ หัว แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยดี “ฉางผิง ถ้า คุณครูไม่ว่าง ลูกเล่นอยู่ที่บ้านก็ได้ วันที่ฝนตก ๆ วิ่งออกมา อันตรายมากนะ

“ตอนที่ผมออกมาฝนไม่ตกนะครับ” ฉางผิงแย้งกลับ “คุณ แม่เป็นคนบอกเองว่าห้ามทิ้งการเรียนนะครับ”

“ถ้าเจอสถานการณ์พิเศษมันก็ไม่เหมือนกันนะ” ซ่งจิ้งเห อพูด แม่รู้ว่าหนูฉลาด ทำอะไรด้วยตัวเองได้หมด แต่โลก ภายนอกมันซับซ้อนมาก”

“ครั้งนี้แม่ให้อภัยหนูนะ แต่ครั้งหน้าห้ามทำอีกนะ เข้าใจ ไหมครับ”

ฉางผิง “อือ” หนึ่งคําอย่างหงอยๆ
“วันนี้แม่ไม่ยุ่ง กลับบ้านอยู่เป็นเพื่อนลูกนะ” ซ่งจิ้งเหอเห็น เด็กน้อยกำลังโกรธอยู่ อุ้มเขาวางลงบันตักแล้วหอมแก้มไป หนึ่งที “เดี๋ยวแม่ทำครัวซ็องให้หนู ดีไหมจ๊ะ”

ฉางผิงไม่ได้ดีใจ แค่มองซ่งจิ้งเหอแล้วถามเสียงหงอย ๆ “คุณแม่ ผมมันน่าอับอายมากใช่ไหมครับ ทำไมผมถึงออก มาไม่ได้ ไปโรงเรียนอนุบาลก็ไม่ได้”

ซ่งจิ้งเหอหอมมือน้อย ๆ ของเขา แล้วพูดด้วยเสียงอัน อ่อนโยน “จะน่าอับอายได้ยังไงกันล่ะ หนูเป็นแก้วตาดวงใจ ของพ่อกับแม่นะ เพียงแค่ฐานะของพ่อหนูพิเศษมาก ถ้ามี คนเห็นหนู หนูจะตกอยู่ในอันตรายนะจ้ะ”

“อีกอย่างฉางผิงของเราฉลาดขนาดนี้ ไม่จำเป็นต้องไป โรงเรียนอนุบาลหรอก เดี๋ยวแม่ทำธุระเสร็จแล้วจะพาหนูไป สิงคโปร์ หนูจะต้องชอบแน่ ๆ จ้ะ”

“คุณแม่จะไปกับผมด้วยไหมครับ”

ซ่งจิ้งเหอไม่อยากหลอกเขาเลยง่าย ๆ หัว “ไม่จ้ะ แม่ต้อง ทํางานจ้ะ”

“ถ้างั้นผมไม่ไปแล้วครับ” ฉางผิงหงุดหงิดนิด ๆ แล้วพูด อย่างโกรธ ๆ ว่า “แม่ชอบบอกให้ผมตั้งใจเรียน เดี๋ยวคุณพ่อ ก็กลับมา แต่ผมอายุสี่ขวบแล้วยังไม่เคยเห็นคุณพ่อเลยนะ ครับ”

“พ่อหนูอยู่ที่ชายแดน….
“หรือว่าไม่หยุดงานเหรอครับ” ฉางผิงถาม “ปีหนึ่งมีวัน หยุดเยอะแยะจะตาย ถึงแม้ว่าจะไม่หยุดงาน ถ้างั้นทุกปีมีพัก ร้อนใช่ไหมครับ แต่คุณพ่อก็ไม่เคยกลับมาเลยสักครั้งเดียว”

ซ่งจิ้งเหอสะอึกไปหนึ่งที

เธอคิดไม่ถึงว่าลูกชายจะฉลาดขนาดนี้ ลูบหัวเขาด้วย ความชื่นใจ สายตาไม่อาจซ่อนความภาคภูมิใจเอาไว้ได้

ใช่ นี่คือลูกของเธอกับเขา ต้องฉลาดมากแน่นอนอยู่แล้ว

“ฉางผิง ถ้าหนูอยากเจอพ่อก็ต้องขยันให้มาก ๆ นะ รู้ไหม จ๊ะ” ซ่งจิ้งเหอจ้องเขา พูดทีละพยางค์ทีละประโยค “หนูต้อง เก่งกว่าพ่อ ทําให้ทุกคนเกรงกลัวหนูนะ”

พอฉางผิงไม่ได้รับคำตอบตามที่ใจปรารถนาก็รู้สึกผิดหวัง มาก “คุณแม่ครับ ผมเพิ่งอายุสี่ขวบ แม้ว่าผมจะฉลาดมาก แต่ผมก็เป็นเด็กคนหนึ่งที่ต้องการความรักจากคุณพ่อคุณแม่ ผมมีเวลามากมาย เพราะอะไรครับ เดี๋ยวผมค่อยขยันไม่ได้ เหรอครับ”

“คนอื่นทําได้ แต่หนูทําไม่ได้นะ” ซ่งจิ้งเหอกุมมือเขาแน่น พูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น

แค่นึกถึงช่วงเวลาอัปยศในอดีตตอนนั้นเธอก็ทนไม่ได้ แล้ว

“หนูอ้อนแม่ได้ งอแงเอาแต่ใจกับแม่ได้แต่เวลาที่เรียนกับคุณครูจะต้องตั้งใจเรียน จำเอาไว้นะ เวลาที่หนูเจรจากับคน อื่น จะให้คนอื่นมาเหยียบหัวหนู เหยียบย่ำศักดิ์ศรีของหนู ไม่ได้”

“ฉางผิง แม่เข้มงวดกับหนูก็เพื่อหนูนะ” ซ่งจิ้งเหอลูบ ใบหน้าของเขา “เดี๋ยวพอหนูโตแล้วก็จะได้เจอคนที่หนูชอบ แม่อยากให้หนูได้คบกับคนที่หนูชอบนะจ๊ะ”

“คุณแม่อย่าร้องไห้สิครับ” เห็นซ่งจิ้งเหอเบ้าตาแดงๆ ฉางผิงก็ลนลานนิด ๆ ใช้มือเช็ดน้ำตาให้เธอ “ผมไม่ต้องการ คุณพ่อแล้ว ผมจะตั้งใจเรียนหนังสือ คุณแม่อย่าร้องไห้เลย นะครับ”

“แม่ไม่ได้ร้องไห้จ้ะ” ซ่งจิ้งเหอสูด ๆ จมูก พยายามฝืนยิ้ม ออกมา “แม่รับปากหนู ปีนี้ปีใหม่นี้จะต้องพาพ่อกลับมาหา ลูกให้ได้ ดีไหมจ๊ะ

ฉางผิงพูดอย่างดีอกดีใจ “คุณพ่อจะกลับมาจริง ๆ เหรอ ครับ”

“อืม ขอแค่หนูเป็นเด็กดี” ซ่งจิ้งเหอพูด “ช่วงนี้แม่ยุ่งมาก เวลาหนูอยู่ที่บ้านต้องเชื่อฟังแม่บ้าน ดูทีวีให้น้อย ๆ หน่อย ได้ไหมจ๊ะ”

ฉางผิงพยักหน้าลึก ๆ


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ