ฉันเป็นสุดที่รักของประธานมู่! ?

บทที่ 122 บอกนายตามตรงเลยนะ ใจฉันสั่นแล้ว



บทที่ 122 บอกนายตามตรงเลยนะ ใจฉันสั่นแล้ว

“เชี่ย! นี่มันไม่เหมือนกัน!ไ ลู่เหวินซูเอ่ยขึ้น “นายไม่รู้จักผู้ หญิงอย่างจู่ซือซือหรอ? ใครดีก็เกาะติดคนนั้น และถ้านาย จะพูดว่าพี่ใหญ่ชอบเธอ ฉันสามารถที่จะตัดหัวฉันออกมาได้ เลย”

แต่สิ่งที่เขาพูดก็ไม่มีน้ำหนักมากนัก จึงถามกับเย่นจิ่งเหนื ยนขึ้นอีกครั้ง “พี่ใหญ่คงจะไม่…จริงๆใช่มั้ย”

“เรื่องบางเรื่องถ้าพูดกับนายแล้ว นายกลับก่อปัญหาเพิ่ม” เย่นจิ้งเหนียนรู้นิสัยของเขาดี ดังนั้นรู้อะไรมาก็ไม่คิดที่จะ บอกเขา ถ้านายไม่มีธุระอะไรจริงๆ ก็ไปขอพรให้พี่รองที่วัด เจ้าแม่กวนอิม ให้พี่รองฟื้นขึ้นมาเร็วๆ

“เหย! นายไม่พูดแล้วฉันจะรู้ได้ยังไง? พูดก็พูดเถอะยัง ไงเรื่องที่ไปไหว้เจ้าแม่กวนอิมก็ไม่ใช่หน้าที่ฉัน นายไอ้สาม ฉันไอ้สี่ ยังไงนายก็คือคนที่ต้องไป

ในเวลานั้นได้มีคนที่เดินก้มหน้าบ่มบ่ามตรงเข้ามา หัวจึง ชนดังตึงไปบนแขนของลู่เหวินซู และสะดุดถอยหลังออก ไปหลายก้าว

“น้องสาว ตอนนี้ก็ถึงโรงพยาบาลแล้ว ยังจะรีบอีกหรอ?” ลู่ เหวินซูถูกชนจนต้องหันไปมอง พบว่าผู้หญิงคนนี้รูปร่างเตี้ย มาก ไม่รู้ว่าสูงถึง160ซ.มหรือไม่?

เขายิ้มหัวเราะอย่างประชดประชัน เมื่อผู้หญิงคนนั้นเงยหน้าขึ้นมาจึงเอามือลูบคลําไปที่หน้าผาก และยังใช้แววตา อันโง่เขลามองมาที่เขา แต่เขากลับถอนหายใจออกมาแรงๆ

หัวใจหยุดเต้นไปไม่กี่วินาที

“ชนนายไปแล้ว ขอโทษด้วยนะ ฉันรีบไปรับคน” หลี่ซูเจ๋ พยายามขอโทษ เมื่อเธอรู้ว่าเกิดเรื่องขึ้นกับถังซินเธอจึงรีบ ร้อนมา ลงรถมาก็ไม่ได้สนใจดูอะไร

ลู่เหวินซูไอออกมา และยิ้มเบาๆอย่างสุภาพบุรุษ “ไม่ เป็นไร ผม…

“ฉันไม่มีเงินสด เดี๋ยวฉันชดใช้ให้โดยการซื้อชานมให้ดื่ม แก้วหนึ่ง ลาก่อน” หลี่ซูเจ๋ คลําเอาชานมไข่มุกออกมาจาก กระเป๋าหนึ่งแก้ว และใส่ไว้ในมือของลู่เหวินซู จากนั้นก็รีบ เร่งเข้าไปในโรงพยาบาล

ดังนั้นคำพูดที่ว่า ผมขอวีแชทของคุณได้มั้ย จึงหมดสิ้นลง ไปในปากของเขา

เขาหันกลับหลังไปมองด้านหลังของหลี่ซูเจ๋ที่ค่อยๆหาย ไป แววตาที่โง่เขลานั้นเหมือนกับยังอยู่ตรงหน้า จากนั้นก็ มองมาที่ชานมอุ่นๆที่อยู่ในมือ

ลู่เหวินซูมองมาที่เย่นจึงเหนียน สีหน้าจริงจัง “ฉันบอก นายตามตรงเลยนะ ใจฉันสั่นแล้ว”

“ถ้าใจนายไม่สั่นอาทิตย์หนึ่ง ก็คงไม่ใช่ลู่เหวินซู”
เย่นจิ่งหนียน ทำเสียงฮึดออกมาจากจมูก และเดินนำหน้า ออกไปก่อน “นายอยู่ใจสั่นที่นี่ต่อไปเถอะ

ลู่เหวินซูเอามือกุมชานมและรีบเดินตามขึ้นไป และเดิน โอบกอดเคียงคู่กับเขาไป ยิ้มและพูดขึ้นว่า “ถึงยังไงจากนี้ ก็ต้องอยู่เมืองหนานเฉิงอีกยาว เมื่อตอนบอกลากัน จู่ซือซือ จะเลี้ยงอาหารมื้อค่ำพวกเรา จำเป็นต้องไป!”

เย่นจึงเหนียน…

ไหล่ขวาของถังซินถูกเศษกระจกแทงบาดเจ็บ บวกกับ ตากฝน เมื่อเสื้อถูกตัดออก บาดแผลจึงมีสีขาวซีด หลังจาก ที่หมอทำแผลและทายาให้กับถังซินแล้ว จากนั้นก็สั่งยา สองกล่องให้เธอใช้รับประธาน

ส้งจิ้งเหอพาถังซินไปที่ช่องรับยา

เมื่อกลับมาเห็นถังซินนั่งอยู่ตรงนั้น ท่าทางขวัญหนีดีฝ่อ เธอจึงพูดปลอบใจ “คุณถัง คุณอย่าตำหนิตัวเองเลย เฉิน หย่วนก็ไม่อยากให้คุณเป็นแบบนี้”

“ฉันรู้… เพียงแค่”

เมื่อนึกถึงมู่เฉินหย่วนที่ทั้งตัวเต็มไปด้วยเลือด ถังซินอด ไม่ได้ที่จะไม่เจ็บปวด แทบจะไม่มีวิธีที่จะพูดออกมา

ถ้าไม่ใช่เพราะว่ามู่เฉินหย่วนโผเข้ามาปกป้องเธอ สองขา ก็คงไม่ถูกกดทับ
“ฉันรู้มาว่าบริษัทมู่ซื่อจัดตั้งแผนกใหม่ขึ้นมาหนึ่งแผนก เฉินหยวนให้คุณไปเป็นผู้จัดการ” สั่งจิ้งเหอยิ้มออกมาเบาๆ “เป็นการยืนยันได้ว่าเฉินหยวนไว้ใจคุณมาก

เมื่อรถของพวกคุณเกิดอุบัติเหตุนั้น ทันใดนั้นได้ถูกออก ข่าวครั้งแรกในช่องโทรทัศน์ คุณไม่สงสัยเลยหรอว่าเพราะ อะไร?”

รูม่านตาของถังซินได้หดลงมาเล็กน้อย

แน่นอนว่าเธอสังสัย หลังจากที่รีบออกมาจากคนในตระ กูลมู่มาถึงโรงพยาบาล เธอคิดว่ามีอะไรที่ไม่เหมาะสม บน ถนนสายนั้นรถน้อย และไม่ใช่ว่าใครใครก็รู้จักเฉินหยวน

ต่อให้มู่เฉินหย่วนถูกหามส่งโรงพยาบาลโดยทำการรักษา อย่างฉุกเฉิน

ตำรวจทำการตรวจสอบสถานที่ที่เกิดเหตุ อย่างน้อยพรุ่งนี้ เช้าถึงจะสามารถมีข่าวอุบัติเหตุรถยนต์ออกมา

แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นว่าพวกเขามาถึงโรงพยาบาลก่อน จากนั้นก็มีข่าวอุบัติเหตุขึ้นมาบนหน้าจอโทรทัศน์

มันไม่ใช่แค่อุบัติเหตุทางรถยนต์ของมู่เฉินหย่วน มันคือ การที่มีคนแอบร่วมมือกันวางแผนอะไรบางอย่าง

“คุณถัง มู่เฉินหย่วนมีฉันดูแลอยู่ คุณวางใจได้” ส้งจิ้งเหอ พูดขึ้นขัดถังซินที่กำลังคิดอะไรเรื่อยเปื่อยอยู่ และตบไปที่ไหล่ของเธอ “คุณอย่าทำให้เฉินหย่วนผิดหวังต่อความเชื่อ ใจในตัวคุณ บริษัทมู่ซื่อฝากฝังไว้กับคุณแล้วหล่ะ!”

“ค่ะ” ถังซินพยักหน้า เก็บความรู้สึกกดดันที่มีอยู่ไว้ข้างใน

ใจ

เรื่องที่ขาของมู่เฉินหย่วนได้รับบาดเจ็บทั้งสองข้าง ญาติ ในตระกูลมู่ที่อยู่ในประเทศได้รับรู้หมดแล้ว

พรุ่งนี้ทุกสำนักพิมพ์ก็จะทยอยกันออกข่าว เธอจะต้องเตรี ยมตัวก่อนล่วงหน้า

และทันใดนั้น โทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋าของส้งจิ้งเหอก็ดัง ขึ้น

ส้งจิ้งเหอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูบนหน้าจอแล้วเม้มปาก หลังจากที่บอกกล่าวถังซินแล้วก็ออกไปรับโทรศัพท์ในที่ ลับตาคน

“ไม่กี่วันนี้ฉันมีธุระ ไม่สะดวกจะกลับไป

“อืม คุณดูและจัดการเอง”

ทั้งสองคนอยู่ห่างกันไม่ไกล ถังซินไม่ได้ตั้งใจฟังก็สามารถได้ยินคำพูดของส้งจิ้งเหอ น้ำเสียงของเธอ เคร่งขรึม เหมือนจงใจที่จะใช้น้ำเสียงแบบนี้พูด แต่สีหน้า กลับอ่อนโยน

“ถังซิน เธอไม่เป็นอะไรใช่มั้ย” หลี่ซูเจ๋เข้ามาอย่างรีบร้อน ทำให้ความรู้สึกนึกคิดของถังซินหยุดลง

หลี่ซูเจ๋สังเกตและมองดูบนตัวของถังซินอย่างละเอียด เห็นแค่ว่าที่ไหล่ของเธอได้พันผ้าพันแผลไว้ จึงถอนหายใจ อย่างโล่งอก “ฉันเห็นในข่าวรถพังเละเทะมาก ฉันคิดว่าจะ เกิดเรื่องใหญ่ขึ้นกับเธอแล้ว ตกใจหมดเลย”

ถังซินยิ้มและพูดว่า “ฉันไม่ได้ให้เธอรอฉันที่ห้องโถง หรอ? ทําไมถึงเข้ามาแล้วหล่ะ?”

“นี่ไม่ใช่เพราะเป็นห่วงเธอหรอ เลยถามพยาบาล หลังจาก ที่รู้ว่าเธออยู่ที่นี่ ก็เลยเข้ามา” หลี่ซูเจ๋พูดขึ้น และเหลือบไป มองสั่งจิ้งเหอที่กำลังคุยโทรศัพท์อยู่ “เฮ้ย เธอดูคุ้นตา”

“ คู่หมั้นของประธานมู่

หลี่ซูเจ๋ตีไปที่หน้าผากและพูดขึ้นทันทีว่า “ใช่ใช่ ลูกสาว ตระกูลส้ง เมื่อก่อนเคยเห็นในหนังสือพิมพ์ ทำไมเธอมาอยู่ ที่นี่ ประธานมู่หล่ะ ไม่เป็นไรใช่มั้ย?”

แววตาของถังซินหดหู่เล็กน้อย จึงบอกกับหลี่ซูเจ๋ไป หลี่ซู เจ๋ก็มีปฏิกิริยาเช่นเดียวกับถังซินในตอนนั้น เธอชะงักไปสัก ครู่ ลูปไปที่คางเหมือนจะพูดอะไรออกมา และทันใดนั้นสังจิ้งเหอก็เดินเข้ามา

“คุณสั่ง นี่เพื่อนร่วมงานของฉันค่ะ หลี่ซูเจ๋” ถังซินแนะนำ ให้สั่งจิ้งเหอรู้จักหลี่ซูเจ๋

สั่งจิ่งเหอพยักหน้าให้กับหลี่ซูเจ๋ จากนั้นจึงพูดขึ้นว่า “เดิมทีฉันไม่ค่อยสบายใจที่จะให้คุณกลับบ้านคนเดียว เลย คิดว่าจะไปส่งคุณ ในเมื่อพวกคุณอยู่ด้วยกันแล้ว ฉันก็วางใจ ที่พวกคุณจะกลับไปด้วยกัน

“ถ้าอย่างนั้นก็รบกวนคุณดูแลประธานมู่ด้วยนะคะ”

“เป็นสิ่งที่ฉันควรทำอยู่แล้ว”

หลังจากที่ทั้งสองทักทายกันไม่กี่ประโยค สังจิ้งเหอก็กลับ ไปดูแลมู่เฉินหย่วนที่ห้องคนไข้

ถังซินและหลี่ซูเจ๋ก็ออกไปจากโรงพยาบาล

ระหว่างทางกลับบ้าน หลี่ซูเจ๋จึงพูดเรื่องที่กำลังจะพูดแต่ พูดไม่ทันที่โรงพยาบาลออกมา “แปลกประหลาดมากอ่ะ! ประธานมู่เป็นเสาหลักของบริษัทมู่ชื่อ เรื่องที่เขาประสบ อุบัติเหตุทางรถยนต์จะต้องกระทบต่อหุ้นของบริษัทมู่ซื่อ อย่างแน่นอน หลังจากที่รู้เรื่องนี้แล้วคนในตระกูลมู่ไม่ควรที่ จะต้องปิดข่าวไว้หรอ? ทำไมเรื่องอุบัติเหตุถึงได้ออกข่าวได้ หล่ะ?”

ถังซินจึงถามกลับไปว่า” เธอคิดว่าถ้าเปิดเผยเรื่องนี้แล้วใครจะได้ประโยชน์กัน?”

หลี่ซูเจ๋ขมวดคิ้ว นิ้วมือลูบคลำไปที่กรอบแว่น จากนั่นเธอ จึงเข้าใจและมองมาที่ถังซินอย่างตกใจ

ถังซินพยักหน้า ยืนยันความคิดที่อยู่ในใจของเธอ

“เมื่อก่อนฉันคิดว่าบริษัทมู่ชื่อนั้นวุ่นวายไม่เป็นระเบียบ คิดไม่ถึงว่า… หลี่ซูเจ๋หยุดพูดทันที และพูดกับถังซินขึ้นว่า “ไม่เช่นนั้นเธอก็เอาเรื่องที่ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์เป็น ข้ออ้างที่จะพักฟื้นอยู่บ้าน หลีกเลี่ยงการต่อสู้ภายในของ ตระกูลมู่ เธอหย่ากับมู่หยางซิวแล้ว แสดงว่าเธอก็ไม่มีอะไร เกี่ยวข้องกับตระกูลมู่แล้ว และไม่ใช่ผู้ถือหุ้นอะไรในบริษัทมู่ ซื่อ ก็ไม่ต้องไปทำอะไรเพื่อบริษัทมู่ซื่อหรอก”

“ในบริษัทมู่ซื่อมีรองประธานซูน รองประธานกาวที่คอยจับ จ้องอยู่ด้วยความโลภและยังมีคุณมู่ชื่อกับมู่จิ่นหลิง” ถังซิ นพูดขึ้น “ถ้าฉันไม่ช่วยบริษัทมู่ชื่อ บริษัทมู่ซื่อจบเห่แน่นอน แล้วจริงๆ”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ