บทที่ 471 คุณชายสามเยยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ ใครจะต้านไหว (2)
“มอบให้จึงจึงไม่เหมาะสม? งั้นนายว่ามอบให้ใครเหมาะสม? มอบให้นายเหรอ?” คุณปู่เป็นท่าเสียงอิ่มค่หนึ่ง บนใบหน้าเต็ม ไปด้วยความประชดประชัน
คุณรู้ ดีอยู่แล้ว โดยนิสัยของเงินจือหยันแล้ว ถ้าได้บริษัทไป อยู่ในมือของเขาแล้ว เขาต้องขายทิ้งแน่ๆ จากนั้นก็เอาเงิน ทั้งหมดไปใช้จ่ายอย่างมีความสุข
ก่อนหน้านั้นเป็นจือหนก็ขายหุ้นส่วนหนึ่งให้กับไปรุ่ยแล้ว
ไม่ใช่หรือ
แน่นอนว่าเบื้องหลังของเรื่องนี้ หลี่หยุนต้องออกความเห็นที่
ต่ำทรามไม่น้อย
“คุณพ่อครับ ไม่ว่าจะยังไง ผมก็ทำงานอย่างเหน็ดเหนื่อยเพื่อ บริษัทมายี่สิบกว่าปี ถึงจะไม่มีผลงานอะไรดีเด่น แต่ก็ทุ่มแรงทุ่ม ใจอย่างเหน็ดเหนื่อย อีกอย่างผู้บริหารระดับสูงหลายๆท่าน ต่าง ก็ยอมรับความสามารถของผม” เงินจือหยันได้ตกลงกับผู้บริหาร ระดับสูงหลายๆท่านไว้แล้ว ดังนั้นในเวลานี้ไม่รู้สึกกังวลแต่อย่าง ได
“ฉิงฉิงไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับธุรกิจเลย เธอไม่เหมาะสมจริงๆ นี่ไม่ใช่ความคิดของผมคนเดียวเท่านั้น แต่เป็นความคิดเห็นของทุกคนในบริษัท ถ้าท่านไม่เชื่อตามพวกเขาดูได้ครับ เงินจือหยัน หันไปมองผู้บริหารท่านอื่นๆ และกระพริบตาให้พวกเขา
“ท่านประธานครับ ตลอดหลายปีมานี้ ท่านรองประธานก็ขยัน ทํางานอย่างซื่อสัตย์ เคยท่าประโยชน์ให้กับบริษัทไม่น้อยเลย ท่านรองประธานอยู่ในบริษัทนี้มานานหลายปี สั่งสม ประสบการณ์มาไม่น้อยอยู่แล้ว”
เงินจือหยันพูดได้ชัดเจนขนาดนี้แล้ว แน่นอนว่าผู้บริหารระดับ สูงของบริษัทหลายๆท่านไม่อาจอยู่นิ่งเฉยแล้ว
“ท่านประธานครับ ที่ผู้จัดการหลี่พูดก็ถูกต้องแล้วนะครับ เรื่อง การบริหารบริษัท ท่านรองประธานมีประสบการณ์แน่นอน แต่ คุณหนูใหญ่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย โดยสถานการณ์ของคุณหนูใหญ่ ในตอนนี้ ถ้าไปเรียนรู้ยังไงก็คงไม่เป็นอยู่ดี ถ้าหากจะให้คุณหนู ใหญ่มาบริหารบริษัทจริงๆ บริษัทต้องแย่แน่ๆ
คำพูดของคนๆนั้นค่อนข้างชัดเจน เป็นลั่วจึงไม่เพียงแต่จะไม่รู้ เรื่องเกี่ยวกับธุรกิจ อีกทั้งยังโง่เกินไป เรียนยังไงก็ไม่เป็นอยู่ดี
สีหน้าของคุณปู่เงินเคร่งเครียดนิดๆ แววตาก็เคร่งขรึมยิ่งกว่า
เติมเล็กน้อย
เขาคิดไว้แต่แรกแล้วว่าพวกเขาต้องเอาเรื่องนี้มาพูด เป็นจริง
ตามที่คิดไว้ไม่มีผิด
“ทำไมจึงถึงจะบริหารบริษัทได้ไม่ดี ตั้งแต่ฉิงฉิงเป็นประธาน บริษัทมา ดึงตระกูลเย่เข้ามาลงทุนได้สำเร็จ ทำให้บริษัทที่กำลัง อยู่ในช่วงที่ย่ำแย่ที่สุดฟื้นคืนกลับมาได้ เรื่องพวกนี้พวกท่านไม่รู้สักนิดเลยหรือ?” สายตาของคุณ เป็นมองไปที่ทุกคน ในตอน นั้น ถ้าไม่ใช่เพราะจึงจึงดึงตระกูลเปเข้ามาร่วมลงทุน ตระกูลเวี นอาจจะล้มละลายไปตั้งนานแล้ว
พอคุณปู่เงินพูดเช่นนี้แล้ว ทุกคนไม่มีใครกล้าพูดอะไรอีก
“แต่ว่าช่วงนี้เงินของตระกูลเย่ไม่เข้าบัญชีเลย ตระกูลเย่รู้เกี่ยว กับสถานการณ์ตระกูลเงินในตอนนี้ จึงไม่อยากร่วมลงทุนแล้ว
เงินจือหยันโต้ตอบขึ้นมากะทันหัน เขาโต้ตอบได้อย่างปกติ มาก
เพราะช่วงนี้เยซือเฉินตามหาเงินมั่วนิ่งไปทั่วทุกที่ เขาโกรธที่ เป็นลั่วจึงถือโอกาสไปทำเรื่องหย่าในขณะที่เขาไปทำงานต่าง จังหวัด แล้วหนีไป ดังนั้นเรื่องที่ตระกูลเย่จะเข้าร่วมลงทุนกับตระ กูลเงินจึงเลื่อนออกไปชั่วคราว
เพราะฉะนั้น ทุกคนต่างคิดว่าตระกูลเยจะไม่ร่วมลงทุนอีกแล้ว อย่างแน่นอน
ความคิดเช่นนี้ของทุกคนเป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว เพราะ วงการธุรกิจเหมือนสนามรบ สถานการณ์ของตระกูลเงินในตอน นี้ คนที่ตาไม่บอดจะไม่มีทางทุ่มเงินเข้ามาอย่างแน่นอน ยิ่งไป กว่านั้นคือ คุณชายสามเย่เป็นนักธุรกิจที่ฉลาดกว่าใครๆ
แน่นอนว่า นั่นเป็นสถานการณ์ปกติ เพราะยังมีสถานการณ์ พิเศษอื่นๆ
“อีกอย่างผมยังได้ยินมาว่า ที่ไปยต้องการจะทำลายตระกูลเงินของพวกเรา หนีไม่พ้นเรื่องของคุณหนูใหญ่แน่นอน ถ้าท่าน ประธานจะส่งมอบบริษัทให้คุณหนูใหญ่บริหารต่อจริงๆ งั้นก็ เหมือนกับว่าต้นตระกูลเย่เข้าสู่กองไฟไม่ใช่หรือ?” มีท่านหนึ่งพูด เพิ่มเติมจากเงินจือหนอีกหนึ่งประโยค
คุณปู่เงินได้ยินคำพูดของคนๆนั้นแล้ว สองตาจ้องไปที่เกินจือ หยืนอย่างเยือกเย็น
เห็นได้ชัดเจนว่า เงินจือหนโยนความผิดที่ไปรยทำลายตระ กูลเงินไปให้เป็นถั่วนิ่งทั้งหมด แต่เรื่องนั้นผ่านไปนานหลายปี แล้วก็ไม่มีหลักฐานใดๆเลย เงินจือหนก็ไม่กลัวว่าคนอื่นจะ สังเกตเห็นอะไรเลยนะ
เงินจือหยันสบตากับคุณปู่ ในใจรู้สึกกลัวเล็กน้อย แต่ที่เขา เป็นแบบนี้ก็เพราะถูกคุณบีบบังคับ เรื่องมาถึงขั้นนี้ ไม่มีทาง ถอยได้แล้ว เขาก็ไม่มีทางที่จะถอยด้วย
อีกทั้งตัวเขาเองก็ไม่อยากถอย ทุกสิ่งทุกอย่างของตระกูลเงิน เป็นของเขาอยู่แล้ว เป็นถั่วงอย่าคิดเอาอะไรไปเด็ดขาด
ถึงแม้ว่าคุณเป็นจะรู้สึกโกรธมาก แต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูดเรื่อง ที่เป็นจือหยันขายหุ้นส่วน เพราะในขณะนี้ ผู้บริหารระดับสูงท่า นอื่นๆของบริษัทก็อยู่ตรงนี้ด้วย
นี่ไม่ใช่เรื่องที่น่ายินดีจริงๆ
“พ่อครับ ตอนนี้ผู้บริหารระดับสูงของบริษัททั้งหลาย ต่างก็ แสดงความคิดเห็นออกมาแล้ว ท่านก็ได้ยินหมดแล้ว พวกเขา เห็นด้วยที่จะให้ผมเป็นประธานบริษัท ถ้าให้ลงคะแนน ผลลัพธ์ที่เห็นได้ชัดอยู่แล้ว” ตอนที่เป็นจือหยันพูดเช่นนี้ สีหน้าท่าทางได้ใจ เล็กน้อย
เขารู้สึกว่าเรื่องนี้ เขาชนะแน่นอน
“ไม่เห็นหลายวัน แกเก่งขึ้นมากแล้วนี่” คุณปู่เป็นจ้องมอง เงินจือหยืน บนใบหน้าเย็นชากว่าเดิมมาก
คุณเป็นนึกไม่ถึงจริงๆว่าเงินจือหยันจะทำเช่นนี้ ช่วงนี้เขาพัก อยู่ที่โรงพยาบาล เรื่องของบริษัทก็ไม่ค่อยมาสนใจ จึงทำให้ เงินจื่อหยันมีโอกาส
“ท่านพ่อ ประกาศให้เป็นประธานบริษัทเลยสิครับ แบบนี้จะได้ ดีต่อทุกฝ่าย สิ่งที่เป็นจือหยันพูดในขณะนี้น้ำเสียงเต็มไปด้วย การข่มขู่ด้วย เขาคิดว่าในสถานการณ์แบบนี้ เขาสามารถข่มขู่ คุณปู่ได้
ก่อนหน้านั้น เป็นลั่วจึงไม่เคยออกมาพูดอะไรเลย ได้แต่ฟัง อย่างเงียบๆ คอยดูอย่างเงียบๆ เธอไม่มีความสนใจบริษัท ตระกูล เลยสักนิด
แต่ว่าเงินจือหยันบีบคุณปู่แบบนี้เรื่อยๆ เธอจึงทนดูต่อไปไม่ ไหว เธอหรี่ตาลงเล็กน้อย กำลังจะเอ่ยปากพอดี ในเวลานั้น ประตูห้องถูกเปิดออกทันที จากนั้น เชื่อเงินก็เดินเข้ามา
สายตาของเงินถั่วนิ่งเปล่งประกายทันที นานขนาดนี้เชื่อเงิน ไม่เข้ามา เธอนึกว่าเขาไปแล้ว?
เชื่อเงินเดินเข้ามาในห้องโถงใหญ่ สองตามองไปที่เป็นถั่วงอย่างปกติ จากนั้นค่อยมองไปที่คนอื่นๆ สายตานั้นเฉยๆ แต่ กลับทำให้คนรู้สึกเยือกเย็นจนตัวสั่น
ตอนที่ทุกคนเห็นเอเงิน ต่างก็ตกตะลึงกันหมด
ในเมือง ไม่มีใครไม่รู้จักเย่อเฉิน คนที่นั่งอยู่ในนี้เป็นผู้ บริหารระดับสูงของตระกูลเงินทั้งหมด ปกติไม่เคยเห็นหน้าเชื่อ เงิน แค่เคยเห็นเย่ซือเฉินในข่าวต่างๆ
ดังนั้น คนที่อยู่ในนี้แค่เห็นก็ดูออกว่าเขาคือเยซื้อเงิน
แต่ว่า ไม่มีใครรู้ว่าทำไมเยซื้อเฉินถึงปรากฏตัวอยู่ตรงนี้ คนมี ฐานะอย่างเชื่อเงิน มาแสดงตัวอยู่ในห้องโถงใหญ่ตระกูลเงิน นั้น เป็นเรื่องที่คิดไม่ถึงจริงๆ
หรือว่าเยซื้อเฉินคิดอยากจะซื้อบริษัทตระกูลเงิน? แต่ว่าถึงแม้ เชื่อเงินคิดอยากจะซื้อธุรกิจของตระกูลเงิน ก็ไม่มีทางมาถึง ห้องโถงตระกูลเงินได้หรอก!
“คึกคักจังเลยนะครับ คุณปู่ออกจากโรงพยาบาลแล้ว ผู้ บริหารระดับสูงของตระกูลเงินต่างก็มาแสดงความยินดีกันเหรอ ครับ?” สายตาของเขือเฉันมองไปที่ทุกคน จากนั้นค่อยๆเอ่ย ปากพูด น้ำเสียงก็ยังเย็นชาเหมือนเดิม กลับทำให้ผู้บริหารระดับ สูงของบริษัททั้งหมดที่นั่งอยู่ ต่างก็สีหน้าเปลี่ยนไปทันที
คําพูดที่เย่ซือเฉินพูดมันหมายความว่าไง?
เงินถั่วนิ่งมองไปทางเย่ซื้อเฉิน สองตาส่องประกายวิบวับ ตอน ที่อยู่ในรถเมื่อสักครู่นี้ คุณปู่ได้พูดคุยถึงสถานการณ์ในตอนนี้ต่อหน้าของเขาแล้ว โดยความฉลาดของเขาแล้ว ไม่มีทางไม่รู้ว่า เกิดเรื่องอะไรขึ้น ดังนั้น ในตอนนี้เขากำลังจงใจเสแสร้งไม่รู้ชัดๆ
“ผมยังนึกว่าเป็นงานเลี้ยงสังสรรค์ของตระกูล?” ในขณะที่ทุก คนต่างก็ไม่เข้าใจและสายตายังกำลังตกใจอยู่นั้น เชื่อเฉันก็พูด เพิ่มขึ้นมาอีกคำ คำพูดของคุณชายสามเย่หมายถึง……..
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ