ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน

บทที่ 642 เทพธิดาเป็นสวนกลับ ต้องสะเทือนฟ้าดินแน่(9)



บทที่ 642 เทพธิดาเป็นสวนกลับ ต้องสะเทือนฟ้าดินแน่(9)

แน่นอน ตอนนี้เป็นถั่วนิ่งไม่อยากจะพูดถึงเรื่องนั้นมาก ตอนนี้สิ่ง ที่จะต้องพูดคือเรื่องที่เกี่ยวกับการขโมยกำไลหยก

“ตามนิสัยของคุณชายสามเยู่แล้ว จากสถานการณ์คลิปที่ รุนแรงเมื่อคืนแล้ว ฉันสามารถรับรองได้เลยว่าผู้หญิงที่นอนกับ คุณชายสามเย่เมื่อคืน เสื้อผ้าบนตัวเธอต้องถูกฉีกจนขาดเป็น เศษๆ แน่นอน” แต่ว่ามู่หรงซื้อถูกลับพูดเสริมประโยคนี้ขึ้นมา พอดี

มู่หรงซื่อ หยุดชะงักไปสักพัก มองไปทางเงินมั่วนิ่ง ภายใน รอยยิ้มมีความหมายอันลึกซึ้งอยู่ “คุณเป็น คุณว่ายังไงล่ะ?”

เงินถั่วนิ่งจ้องมู่หรงซื้ออีกครั้ง เขายังสามารถพูดให้ชัดเจน กว่านี้อีกได้ไหม?

เขาไม่รู้จักเก็บไว้หน่อยหรอ?

“เมื่อก่อน ตอนที่คุณกับคุณชายสามเย่เป็นสามีภรรยากัน เสื้อผ้าคงจะโดนฉีกไม่น้อยสินะ?” แต่ว่ามู่หรงซือถูไม่รู้ว่าควรจะ เก็บยังไงจริงๆ คำพูดต่อจากนี้ยิ่งตรงเข้าไปใหญ่

เงินลั่วฉิง “……”

เป็นลั่วจึงนึกถึงเรื่องเมื่อก่อน ถึงแม้ว่าเยซื้อเฉินจะไม่ได้ฉีก เสื้อผ้าเธอเหมือนเมื่อคืนในทุกครั้ง แต่ว่าดึงจนกระดุมหลุด ฉีกจนขาดเป็นรู เรื่องแบบนี้ก็มีอยู่บ่อยเหมือนกัน

“ฉะนั้น คุณชายสามเย่ต้องเป็นสัตว์ประเภทที่โหดร้ายแน่ๆ งั้น ทำไมเสื้อของคุณเมื่อคืนยังอยู่ดีอยู่ล่ะ? อีกอย่างบนร่างกาย ของคุณก็เหมือนจะไม่เหลือร่องรอยอะไรไว้เลย” ผู้คนรอบๆ ที่มาดูนี่ไม่ว่าอะไรก็อยากจะดูไปหมด เรื่องนี้น่าสนใจกว่าเรื่อง ขโมยของเยอะเลย

หญิงหญิงในวันนี้ใส่เสื้อคอแขนสั้น บนร่างกายกลับไม่มี รอยอะไรเลย คุณชายสามเยู่ในคลิปบ้าคลั่งขนาดนั้น รุนแรง ขนาดนั้น ถ้าหากทั้งสองกลิ้งอยู่บนเตียงเดียวกัน เป็นไปไม่ได้ที่ จะไม่เหลือรอย

แน่นอน เงินล้วจึงในขณะนี้แต่งตัวปกปิดมิดชิด ฉะนั้นจึงไม่ เห็นอะไรทั้งนั้น

“นี่เป็นปัญหาส่วนตัวของฉัน หวังว่าพวกคุณอย่าพูดไปมั่ว” สีหน้าของหญิงหญิงแย่ขึ้นไปอีก ในตอนที่มองไปทางผู้คนที่ กำลังพูดถึงเธอ แววตาของเธอดูโกรธอย่างเห็นได้ชัดเจน

แต่ว่า พอแววตาของเธอประกายขึ้น เธอคิดว่าเธอสามารถใช้ โอกาสนี้ออกจากที่นี่ไปได้

ฉะนั้น กู่หญิงหญิงจึงรีบทำหน้าโกรธและอายขึ้นมา รีบเดินออก ไปทางข้างนอก

แต่ว่า เธอพึ่งเดินไปสองก้าว ทางข้างหน้าก็ถูกคนกั้นไว้แล้ว หญิงหญิงเงยหน้าขึ้น อยากจะด่าคน แต่พอมองคนที่อยู่ข้างหน้าแล้ว เธอตกใจจนเงียบไปเลย

เงินถั่วนิ่งยืนอยู่ข้างในแท้ๆ ห่างจากเธอทั้งหลายก้าว ทำไมถึง อ้อมมาอยู่ข้างหน้าเธอได้ล่ะ

“คุณกู่ ตอนนี้คุณยังไม่สามารถไปได้ เรื่องของกำไลหยกยัง ตรวจสอบไม่ชัดเจนเลย” เป็นลั่วจึงมองเธอ ยิ้มอย่างเบิกบาน

ระหว่างที่พูด เป็นลั่วนิ่งมองไปทางตำรวจ ความหมายนั้น ชัดเจนมาก

ตำรวจที่อายุราวยี่สิบปีดึงสติกลับมา จับกระเป๋าของหญิงห ยิงไป “คุณกู่ นี่คุณกำลังจะหลบนี้เพราะกลัวโทษหรอครับ?”

ตำรวจที่อายุราวสี่สิบอยากจะห้ามเอาไว้แต่ว่าไม่ทันแล้ว

คุณเงินนั้นไม่สามารถเป็นโทษได้ คุณก็ไม่สามารถเป็นโทษ ได้เช่นกัน ฉะนั้นตำรวจที่อายุราวสี่สิบไม่อยากจะทำอะไรโดยไม่ คิด แต่คิดไม่ถึงว่าวัยรุ่นนั้นวามมาก ลงมือทันที เรื่องราวมาถึง ขั้นนี้แล้ว แน่นอนว่าเขาเองก็ห้ามไม่อยู่แล้ว

สีหน้าของหญิงหญิงในตอนนี้แย่มาก เธออยากจะหยิบ กระเป๋าของตัวเองกลับมา แต่ว่าแรงไม่ได้มีเท่าคุณตำรวจ แน่นอน ตำรวจแค่ออกแรงเล็กน้อยก็สามารถหยิบกระเป๋าเธอไป ได้แล้ว

ตำรวจรีบเปิดกระเป๋าของหญิงหญิง จากนั้นก็เทของที่อยู่ใน กระเป๋าของหญิงหญิงออกมาบนโต๊ะเคาน์เตอร์เลย

กำไลหยกนั้นออกมาจากกระเป๋าของหญิงหญิง
“เป็นไปได้ยังไง? ทำไมถึงเป็นแบบนี้? พี่ ทำไมกำไลหยกถึง อยู่ในกระเป๋าพี่ เมื่อกี้ฉัน…” หลิงหลิงในขณะนี้อึ้งไปเลย เธอที่ ไม่มีสมองอยู่แล้ว พูดเสียงดังออกมาเลย เกือบจะพูดหลุดปาก แล้ว

“ฉันก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น” หญิงหญิงได้ยินคำพูดของเธอแล้ว แววตาประกายขึ้นทันที จากนั้นก็รีบตัดคำพูดของกู่หลิงหลิง

คนที่อยู่ในเหตุการณ์ก็มีคนที่ฉลาด พอนึกถึงเรื่องที่เป็นลั่วนิ่ง พลิกกระเป๋า เชื่อมกับท่าทีที่เปลี่ยนไปของหญิงหญิง พวกกับคำ พูดขณะนี้ของกู่หลิงหลิงที่ถูกหยิงหญิงตัดตอนไป ต่างก็เข้าใจ แล้วว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น?

“ไอ้หยา คิดไม่ถึงเลยว่ากำไลหยกนี้จะอยู่ในกระเป๋าของคุณ กู่” เป็นลั่วนิ่งมองกำไลหยกนั้น ตั้งใจพูดออกมาด้วยเสียงที่ตกใจ เป็นลั่วถึง ในขณะนี้ตกใจได้โอเวอร์มาก น้ำเสียงก็ตั้งใจดึงขึ้นสูง ได้แต่เกลียดแค้นกู่หญิงหญิงจนกัดฟัน

“เมื่อกี้คุณกู่ยังพูดด้วยว่าคุณเป็นขโมยกำไลหยกไป คิดไม่ ถึงว่า ที่แท้ก็เป็นเธอที่ขโมยไป

“ที่แท้คุณกู่ก็เป็นขโมยที่เรียกหาขโมย

“คุณกู่นี่ช่างหน้าด้านจริงๆ ตัวเองขโมยของเองแท้ๆ ยังใส่ ร้ายคนอื่นอีก”

“เมื่อกี้คุณยังบอกว่าคุณเป็นไม่มีเงิน แต่ว่าตอนนี้ทั้งร้านนี้ ต่างก็เป็นของคุณเป็น คุณต่างหากที่เป็นคนจนที่ขโมยของ
“ใช่แล้ว ตัวเองจนแท้ๆ ยังจะเสแสร้งว่ารวย หน้าด้านมาก คนส่วนใหญ่ต่างก็มาดูเอาความบันเทิงไม่ได้เกรงว่าเรื่องจะ ใหญ่เลย ฉะนั้นคำพูดที่พูดยิ่งอยู่ก็ยิ่งไม่น่าฟังแล้ว

ตอนแรกหญิงหญิงอยากจะแกล้งเงินถั่วนิ่ง แต่ไม่ว่ายังไงเธอ ก็นึกไม่ถึงว่า แกล้งเงินถั่วจึงไม่สำเร็จ แต่กลับทำตัวเองขาย

หน้าด้วย

“พวกเธอพูดไปมั่ว ฉันไม่ได้ขโมยของ ตระกูลกู่เราไม่ ขาดแคลนเงินสักหน่อย จะไปขโมยของได้ยังไง” หลิงหลิง ได้ยินคำพูดของผู้คนแล้ว ทั้งกระวนกระวายทั้งโมโห อยากจะ เดินไปอีกปากของทุกคนเลย

“สิ่งของถูกค้นออกมาจากกระเป๋าของเธอแล้ว มีหลักฐานชัดๆ ขนาดนี้ พวกเธอยังจะไม่ยอมรับอีก?”

“ตำรวจอยู่ที่นี่ไม่ใช่หรอ จับพวกเขาไปที่สถานีตำรวจเลย

คนรอบๆ ข้างที่ได้ยินคำพูดของหลิงหลิงแล้ว ต่างก็ตะโกน ขึ้นด้วยความไม่พอใจ

“คุณกู่ทั้งสอง ขอเชิญกลับไปที่สถานีตำรวจพร้อมพวกเราด้วย ครับ” ในเมื่อของถูกค้นออกมาจากกระเป๋าของหญิงหนึ่ง เป็น หลักฐานที่แน่ชัดแล้ว ตำรวจก็ต้องดำเนินตามคดี แน่นอน คำพูด นี้ก็ยังเป็นตำรวจวัยรุ่นคนนั้นพูด

ตำรวจที่อายุราวสี่สิบยืนอยู่ข้างๆ ไม่พูดอะไร

“พวกเราไม่ได้ขโมย พวกเราไม่ได้ขโมยจริงๆ พวกคุณต้องเชื่อพวกเรา…. กู่หลิงหลิง ในขณะนี้ตกใจจนขาเริ่มสั่นไปหมด

“ขอโทษครับ พวกเราเชื่อแต่หลักฐานครับ” ตำรวจวัยรุ่นทำ สีหน้าเข้ม ตัดคําพูดของกู่หลิงหลิงไปเลย

“เงิน วฉิงใส่ร้ายพวกเราแน่นอน ต้องเป็นเงินถั่วนิ่งแน่นอนที่ แอบเอากําไลหยกใส่เข้าในกระเป๋าพวกเราตอนที่พวกเราไม่ทัน ระวัง แล้วใส่ร้ายพวกเรา” กู่หลิงหลิงรีบหันสายตาไป ทันใดนั้นก็ ชี้ไปทางเวิน วฉิง

ความสัมพันธ์มาถึงขั้นนี้ เขาจึงจะเข้าใจจุดนี้ ไม่พูดไม่ได้เลย ว่า กู่หลิงหลิงนี่ช่างซื่อจริงๆ

“ขอถามหน่อยค่ะ คุณมีหลักฐานอะไรไหมคะ? ถ้าหากไม่มีฉัน จะขอฟ้องร้องคุณข้อหากล่าวหาไปมั่ว ตำรวจก็อยู่ที่นี่พอดี เงินลั่วนิ่งมองไปทางกู่หลิงหลิง ที่มุมปากมีรอยยิ้มที่เย็นชา

กู่หลิงหลิงอึ้งไปเลย หลักฐาน? เธอไม่มีหลักฐานจริงๆ ด้วย แต่ว่าทำไมเรื่องราวถึงกลายเป็นแบบนี้? ทำไมถึงกลายเป็น แบบนี้?

เงินลั่วจึงนำของใส่เข้ามาในกระเป๋าของพี่ตั้งแต่เมื่อไหร่?


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ