ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน

บทที่ 1099 เขาสร้างกรรมขึ้นมาเอง ไว้ชีวิตให้ไม่ได้ ความสงบก่อนที่พายุจะโหมกระหน่ำ (2)



บทที่ 1099 เขาสร้างกรรมขึ้นมาเอง ไว้ชีวิตให้ไม่ได้ ความสงบก่อนที่พายุจะโหมกระหน่ำ (2)

ซื้อกูมู่หรงไม่พูดอะไรต่ออีก เพราะเขารู้สึกว่าไม่มีอะไรจะพูด แล้ว

ต่อมาซื้อทรงก็จับเธอพลิกไปพลิกมาอย่างรุนแรง แถม

ตั้งแต่เริ่มจนจบก็ไม่ได้มีการป้องกันอะไรด้วย

ซึ่งหลิวหยิงก็ได้ตัดสินใจว่าจะไปซื้อยามคุมฉุกเฉินวันพรุ่งนี้ แทน ดังนั้นก็เลยไม่ได้ขอให้เขาทำอะไรอีก

เพียงแต่ว่าวันนี้เขาเหมือนกับสัตว์ป่าเลย ตลอดระยะเวลาห้า ปีที่ผ่านมา นี่เป็นครั้งแรกที่หลิวหญิงเห็นเขาเป็นแบบนี้

ขนาดตอนพึ่งเริ่มอยู่ด้วยกันแรกๆ เขายังไม่เคยทำรุนแรง

ขนาดนี้กับเธอมาก่อนเลย

พอถึงตอนสุดท้ายหลิวหยิงไม่รู้เลยว่าตัวเองเพลียหลับไปหรือ

ว่าหมดสติไป

วันรุ่งขึ้นกว่าหลิวหยิงจะตื่นก็เกือบเที่ยงวันแล้ว ซือกทรงไม่

ได้อยู่ในห้อง

หลิวหยิงดูโล่งใจอย่างเห็นได้ชัด เขาไม่อยู่น่ะดีแล้ว เธอจะได้ ออกไปได้อย่างเงียบๆ

เธอรู้ว่าเมื่อวานพวกเขาคุยกันชัดเจนแล้ว เธอบอกเขาไว้แล้วว่าวันนี้เธอจะออกไป

ดังนั้นจึงไม่ต้องกล่าวลาอะไรอีก

และดูจากความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็คงไม่จำเป็นต้องกล่าวลา อะไรกันด้วย

หลิวหยิงตื่นขึ้นมาแล้วจัดการตัวเองอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็เริ่ม เก็บกระเป๋า

ที่จริงของๆเธอที่อยู่ที่นี่มีไม่เยอะมาก เพราะงั้นเธอเลยไม่มี อะไรให้ต้องเก็บ

หลิวหยิ่งรู้ว่าซักวันหนึ่งเธอจะต้องจากไป เพราะงั้นตั้งแต่ไหน แต่ไรมาเธอจึงไม่เคยคิดว่าที่นี่เป็นบ้านของตัวเองเลย และใน เมื่อไม่ใช่บ้านของเธอ เธอจึงไม่ซื้อของมากมายอะไรกลับเข้ามา และเธอก็ไม่เคยจัดตกแต่งอะไรเลย

ชื่อมทรงเป็นคนสั่งให้คนอื่นเตรียมของทั้งหมดนี้ให้

หลิวหยิงเพียงแค่เอาเสื้อผ้าที่ตัวเองซื้อมาเล็กน้อย แล้วก็มี ของใช้ในชีวิตประจำวันอีกเล็กน้อยเก็บเข้าไปในกระเป๋าเดิน ทาง เธอเก็บแค่ของที่เป็นของเธอทั้งหมด

ส่วนของที่ซื้อมหรงซื้อให้เธอพวกนั้นเธอไม่เก็บ ซื้อถูมู่หรง

ซื้อเสื้อผ้าให้เธอเยอะมาก แต่เธอไม่เคยใส่เลย แถมยังมีอีกเยอะ ที่แม้แต่ป้ายก็ไม่ได้แกะออก

แล้วก็เครื่องประดับที่ซือมู่หรงซื้อให้เธอพวกนั้น เธอก็ไม่เคย เปิดมันออกเลย นอกเสียจากว่าจะถูกซื้อทรงลากออกไปข้างนอกแล้วถูกซื้อ มู่หรงบังคับให้ใส่อยู่สองสามอย่าง ส่วนอันอื่น หลิวหยิงแทบไม่เคยแตะเลย

สองปีแรกซือถูมู่หรงแทบไม่เคยซื้ออะไรให้เธอเลย ดูเหมือน ว่ามันจะเริ่มตั้งแต่เข้าปีที่สามที่ซื้อทรงชอบซื้อของขวัญให้เธอ ซือมู่หรงไม่ได้ซื้อของตามวันพิเศษอะไร เขาซื้อตามใจตัวเองทั้ง นั้น แบบอยากซื้อก็ซื้อกลับมาเลย

ต่อมาซื้อทรงก็เริ่มซื้อเสื้อผ้าให้เธอ แถมทุกครั้งก็ซื้อมา เยอะมากๆด้วย

ซือถูมู่หรงเป็นคนซื้อเสื้อผ้าทั้งหมดกลับมา ตั้งแต่ไหนแต่ไรมา เขาไม่เคยถามความเห็นของเธอเลย และแน่นอนว่าถึงชื่อมทรง จะซื้อกลับมาให้ แต่พอเธอไม่ใส่ซื้อหรงก็ไม่ว่าอะไร

ต่อมาซื้อถูมู่หรงก็ซื้อมาเรื่อยๆ เธอก็ไม่เคยหยิบมาใส่ พอเป็น อย่างนี้นานๆเข้า ทั้งตู้เสื้อผ้าที่เต็มไปด้วยเสื้อผ้าชุดใหม่ทั้งหมด แล้ว

หลิวหยิงไม่ได้สนใจเสื้อผ้าใหม่พวกนั้น มีบางส่วนที่ยังไม่ได้ แกะป้ายออกเลยด้วยซ้ำ และเธอก็ไม่เคยจะใส่พวกมันเลย!

บัตรที่ซือถูมู่หรงเคยให้ไว้เธอก็ไม่เคยใช้เลย และไม่รู้ด้วยว่า ข้างในมีเงินอยู่เท่าไหร่

หลายปีมานี้เธอทำงานอย่างหนักมาโดยตลอด ถึงเธอจะ หาเงินได้ไม่มาก แต่มันก็พอเลี้ยงตัวเองได้

ก็มีแต่เงินก้อนนั้นที่ซือมู่หรงให้เธอมาจัดการปัญหาในบ้านที่เธอเคยใช้ นอกจากนั้นเธอก็ไม่เคยใช้เงินของซีออมทรงอีกซัก บาทเดียวเลย

หลิวหยิ่งหยิบบัตรออกมาจากในลิ้นชักแล้ววางลงบนโต๊ะ

ในเมื่อมันจบแล้ว หลิวหญิงก็หวังว่าทุกอย่างมันจะจบลงอย่าง เด็ดขาดชัดเจน เธอไม่อยากเป็นหนี้เขา

พอหลิวหยิงเก็บของทั้งหมดเสร็จเธอก็เตรียมยกกระเป๋าเดิน

ทางขึ้น จากนั้นเธอก็จะออกไป

เพียงแต่ว่าทันใดนั้นเองจู่ๆประตูห้องก็ถูกเปิดออก

หลิวหยิงสะดุ้งเล็กน้อย เธอหันไปมอง โดยสัญชาตญาณ จาก นั้นก็เห็นว่าซื้อทรงยืนอยู่ตรงหน้าประตู เขาใช้สายตากวาด มองดูที่กระเป๋าเดินทางของเธออยู่ครู่หนึ่งแต่ก็ไม่พูดอะไรออกมา และสีหน้าก็ไม่เปลี่ยนแปลงเลย

“ลงไปกินข้าวเช้า”ซือมหรงละสายตาออกจากกระเป๋าเดิน ทางที่เก็บของใส่เรียบร้อยแล้ว ขณะที่ละสายตา แววตาของเขาก็ ดูเย็นชาแถมยังแฝงไปด้วยความเศร้าที่ปิดไว้ไม่ผิดอยู่ด้วย

เขาบอกตัวเองไว้ว่าทำใจให้นิ่งเอาไว้ นิ่งเข้าไว้!!

“ไม่ต้องหรอก ฉันเก็บของเสร็จแล้ว เดี๋ยวฉันจะออกไปเลย หลิวหยิงเห็นเขาไม่พูดอะไรและไม่ได้มีเจตนาห้ามเธอ แถมวันนี้ เขายังดูอ่อนโยนกว่าปกติด้วย หลิวหยิงจึงแอบโล่งใจอยู่เงียบๆ “ลงไปทานข้าวเช้า จู่ๆซื้อทรงก็หรี่ตาลง ขณะที่หรี่ตาลงมือ

ที่แนบอยู่ข้างลำตัวก็กำหมัดแน่นขึ้นมาอย่างเงียบๆ แต่เขาก็ยังคงบอกให้ตัวเองนิ่งเข้าไว้ เขาไม่ได้ตอบเธอ โดยตรง แต่กลับพูด ค่าที่เอ่ยขึ้นมาก่อนหน้านี้แทน

“ปกติฉันไม่กินข้าวเช้า”หลิวหยิงดูตกตะลึงอย่างเห็นได้ชัด เธอไม่เข้าใจว่าทำไมเขาจะต้องยืนกรานให้เธอลงไปทานข้าวเช้า ด้วย?

เมื่อก่อนเขาไม่เห็นจะสนใจเรื่องแบบนี้กับเธอเลย อีกอย่าง เวลาตอนนี้ก็คงจะเป็นมื้อกลางวันแล้วด้วย แล้วจะมาทานข้าว เช้าอะไรกัน?

ปกติเธอก็ไม่ค่อยทานข้าวเช้าจริงๆ และหลักๆเลยก็คือเธอไม่ อยากทานข้าวกับเขา จะต้องแยกกันแล้ว มันก็คงไม่จำเป็นหรือ กมั้ง?!

อีกอย่างเธอต้องรีบไปซื้อยาคุมฉุกเฉินด้วย

ปกติประจําเดือนเธอมาไม่ตรงเวลา ดังนั้นการนับระยะ ปลอดภัยอะไรจึงไม่มีประโยชน์สำหรับเธอ และถึงแม้ประจำ เดือนจะใกล้มาแล้ว คืนเมื่อวานก็คงจะนับได้ว่าเป็นระยะ ปลอดภัย แต่เพื่อรับประกันว่าจะไม่ท้อง เธอจําเป็นต้องไปซื้อยา คุมฉุกเฉิน

หลิวหยิงไม่หันไปมองอีก เธอหันกลับมาเก็บกระเป๋าเดินทาง ต่อ เธอเก็บของวางใส่เข้าไปครบหมดแล้ว เหลือแค่ต้องรูดซิป กระเป๋าเดินทางเท่านั้น จากนั้นเธอก็จะได้ลุกขึ้นแล้วลากกระเป๋า เดินทางเดินออกไป

ทันใดนั้นเองจู่ๆซือถูมู่หรงก็สาวเท้าก้าวเข้ามาในห้อง เขาเดินมาหยุดที่ข้างเธอ จากนั้นก็ก้มลงไปอุ้มเธอขึ้นมา “นี่คุณทำอะไรน่ะ? “หลิวหยิงตกใจจนร้องเสียงหลงออกมา

“ไปทานข้าวเช้า”ซือมู่หรงเหลือบมองเธอแล้วพยายามพูด ออกไปอย่างเป็นธรรมชาติมากที่สุด จากนั้นก็อุ้มเธอเดินออกไป ข้างนอก

“ฉะ ฉันเดินเองได้ “ถึงแม้จะอยู่กับเขามาตั้งห้าปี แต่สำหรับ

การกระทำแบบนี้ หลิวหยิงแทบไม่เคยชินเลย

“ถ้าผมจำไม่ผิด เมื่อกี้ผมเรียกคุณทั้งสองรอบแล้ว”ซือถูมู่หรง มองไปที่เธอพร้อมกับเลิกคิ้วขึ้น น้ำเสียงของเขาราบเรียบดูไม่ ออกเลยว่าอยู่ในอารมณ์ไหน

“ฉันจะลงไปกินตอนนี้แหละ และฉันก็เดินไปเองได้”หลิวหยิง คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะอุ้มเธอลงไปทานข้าวเช้า ซื้อทรงไม่เคย ทำแบบนี้มาก่อนเลย

นอกเสียจากว่าจะเป็นตอนที่ทำเรื่องอย่าว่ากัน น้อยมากที่ซื้อ มู่หรงจะอุ้มเธอ

วันนี้ซือมู่ทรงกินยาผิดมารึเปล่าเนี่ย?!

หรือเพราะว่าทุกอย่างกำลังจะจบลง ซื้อทรงก็เลยอยากจะ สร้างความประทับใจดีๆ ให้กับเธอ?!

ที่จริงมันไม่จำเป็นหรอก จากนี้ไปพวกเขาคงไม่มีโอกาสเจอ กันแล้ว
อีกอย่างตลอดระยะเวลาห้าปี เขาเป็นคนยังไง ไม่มีใครรู้ดีไป กว่าเธอแล้ว ฉะนั้นช่วงสุดท้ายในตอนนี้จึงไม่จำเป็นต้องทำอะไร เลย


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ