ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน

บทที่ 857 แดดดี้ หนูเป็นลูกสาวแท้ๆของแดดดี้นะ(6)



บทที่ 857 แดดดี้ หนูเป็นลูกสาวแท้ๆของแดดดี้นะ(6)

เด็กคนนี้ขึ้นมาได้ยังไง? เด็กคนนี้เป็นใคร?

“เลขาหลิวพาหนูขึ้นมาค่ะ”ถังจื่อซึมองเธอ ตอบเพียงคำถาม ประโยคหลังเท่านั้น

ถังจื่อฉลาดมาก เธอรู้ว่าต้องตอบอย่างไรถึงจะแก้ไขปัญหา ได้เร็วที่สุด

“เลขาหลิวพาหนูขึ้นมาหรือคะ? แล้วเลขาหลิวล่ะ? “เลขาห รวนได้ยินว่าเลขาหลิวพาเธอขึ้นมา สีหน้าที่เป็นดีขึ้นหลายส่วน แต่ใบหน้ายังคงสงสัยหลายส่วน

“เลขาหลิวลงไปทำธุระค่ะ เขาให้หนูรอในห้องทำงานของแดด ค่ะ”ถังจื่อซึมองเธอด้วยรอยยิ้มละมุนละไม

“ห้องทำงานของพ่อหนูหรือคะ? “เลขาหรวนชะงัก มองถังจื่อ ซีด้วยแววตาสว่างจ้า : “โอ๊ย ฉันรู้แล้วว่าหนูเป็นใคร พ่อของหนู คือรองประธานของพวกเราใช่ไหมคะ? ”

ตอนที่ถังจื่อซีกับถังจื่อไม่มา เลขาหรวนเคยเห็นเธอแล้ว แต่ว่า วันนี้เด็กน้อยถังจื่อแต่งตัวเป็นพิเศษ แถมยังสวมแว่นที่เก๋ไก๋อีก ต่างหาก ดังนั้นเลขาหรวนจึงจำไม่ได้ในแวบแรกที่เห็นเธอ

“คุณน้าทายผิดแล้วค่ะ รองประธานของพวกคุณเป็นสามีของ แม่ถงถง ไม่ใช่สามีของแม่หนู ดังนั้นรองประธานของพวกนา ไม่ใช่พ่อของหนูค่ะ”ถังจื่อซีขมวดคิ้วเบาๆ จากนั้นก็ตั้งใจอธิบาย
“หา? งั้นพ่อของหนูก็คือใคร? “เลขาหรวนซะงัก แม่ของเธอ ไม่ใช่รองประธานหรือ?

หรือเธอเข้าใจผิด?

งั้นพ่อของเธอคือใคร?

เมื่อกี้เธอเพิ่งพูดหมาดๆว่ามาห้องทำงานพ่อเธอ

ชั้นนี้ นอกจากห้องทำงานของรองประธานแล้วก็มีเพียงห้อง ทํางานของท่านประธานแล้วสินะ

เป็นไปไม่ได้มั้งที่พ่อของเธอจะเป็นท่านประธาน

ไม่ ไม่มีทางเด็ดขาด

ท่านประธานของพวกเขาเพิ่งแต่งงานเมื่อหลายปีก่อน แถมยัง หย่าแล้วอีกต่างหาก จึงไม่มีทางมีลูกสาวโตขนาดนี้แน่นอน

“พ่อหนูก็คือประธานของพวกน้าไงถึงจื่อซีเงยหน้า พลาง ประกาศด้วยใบหน้า โอ้อวด คล้ายกับกลัวเลขาหรวนเข้าใจผิด ดังนั้นเจ้าหญิงถังจื่อซีจึงเสริมเป็นพิเศษอีกหนึ่งประโยคว่า “พ่อ หนูก็คือเยซือเฉิน”

เจ้าหญิงถังจื่อซีพูดจบก็เชิดหน้าเดินไปด้านหน้าห้องทำงานข องเยซือเฉิน ก่อนจะผลักประตู…….

เลขาหรวนรู้สึกตะลึงงัน เมื่อเด็กคนนี้พูดว่าไงนะ?

พูดว่าอะไร?

เธอบอกว่าพ่อของเธอก็คือประธานของพวกเขา?
นี่ นี่มันเป็นไปได้อย่างไร?

“ปัดโธ่ นั้นมันห้องทํางานของประธานนะ คนนอกเข้าไปโดย พลการไม่ได้? “เห็นถึงจื่อผลักประตูห้องทำงานประธาน เลขา หรวนที่ยังดึงสติกลับมาไม่ทัน พลางกล่าวหนึ่งประโยคด้วย จิตใต้สํานึก

ไม่อนุญาตให้คนนอกเข้าห้องทำงานของท่านประธาน แม้แต่ ระดับเลขาอย่างพวกเขาก็เข้าไปไม่ได้

“หนูรู้ค่ะ แต่หนูไม่ใช่คนนอก หนูเป็นลูกของท่านประธานพวก คุณ…….ถังจื่อหยุดการกระทำ จากนั้นก็หันกลับมามองเลขาห รวน เจ้าหญิงน้อยตั้งใจคิดแล้วก็เสริมอีกว่า “หนูเป็นลูกสาว แท้ๆของประธานพวกคุณ”

เลขาหรวนได้ยินคำพูดของเจ้าหญิงน้อยถังจื่อซีก็แข็งทื่อเป็น ก้อนหิน? ลูกสาวแท้ๆของท่านประธาน

เลขาหรวนเดินไปด้านหน้าถังจื่อซีด้วยจิตใต้สำนึก อ้ามุมปาก ขึ้น อยากจะปริปากพูด

เด็กน้อยถึงจื่อ กลับยกมือมือโบก ใส่เธอเบาๆ : “เลขาหลิว พาหนูขึ้นมา เลขาหลิวให้หนูรอแดดอยู่ที่นี่ น้าไปทำงานเถอะ ไม่ต้องสนใจหนู”

บัดนี้ถึงจื่อฉายออร่าเถ้าแก่ออกมา ถือที่นี่ว่าเป็นบ้านของตัว เองแล้ว

ไม่ ถือที่นี่เป็นบริษัทของตัวเองแล้ว
เลขา รวม

เธอยังพูดอะไรได้อีก? ยังพูดอะไรได้อีกหรือ?

ในเมื่อเลขาหลิวเป็นคนจัดการ เลขาตัวน้อยๆอย่างเธอจะกล้า เข้าไปก้าวก่ายได้อย่างไร

เลขาหลิวพาเด็กน้อยคนนี้ขึ้นมา ถึงแม้จะไม่ใช่ลูกสาวของ ท่านประธาน แต่คาดว่าคงไม่ได้มีความสัมพันธ์ธรรมดากับท่าน ประธานแน่ๆ

“ค่ะ งั้นหนูเข้าไปรอท่านประธานก่อนนะ ตอนนี้ประธานกำลัง ประชุมอยู่ ยังอีกนานเลยค่ะ หนูอยากกินไรไหมคะน้าไปซื้อให้ เลขาหรวนรู้สึกว่าปล่อยให้เด็กอยู่ในห้องทำงานคนเดียวคงโดย ไม่สนใจไม่ได้

“ขอบคุณค่ะคุณน้าหนูอยากกินไอศกรีมค่ะ น้าช่วยหนูซื้อได้ หรือคะ? “ถังจื่อได้ยินเรื่องกิน ดวงตาก็สว่างไสว แน่นอน สิ่งที่ เธอชอบกินที่สุดก็คือไอศกรีมนั่นเอง

“ค่ะ น้าช่วยหนูซื้อ เมื่อเห็นใบหน้ายิ้มแย้มของเจ้าหญิงน้อย เลขาหรวนก็อดยิ้มตามไม่ได้

เด็กผู้หญิงคนนี้น่ารักจริงๆ ยากนักที่จะทำให้คนไม่ชอบได้

เลขาหลิวรีบลงไปชั้นล่าง คนส่งของมารออยู่ตรงชั้นล่างแล้ว เลขาหลิวรู้ว่าประธานกำลังรออยู่ จึงรีบรับแล้วขึ้นไปยังห้อง ประชุมทันที

ภายในห้องประชุม คุณชายสามเยฟังรายงานผลด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ เลขาหลิวผลักประตูเข้าไปอยู่ข้างกายเขา พร้อมกับ วางของไว้ตรงหน้าเขา

เลขาหลิวนึกถึงเรื่องเจ้าหญิงน้อย เขาก็รู้สึกสับสนและลังเล เขารู้ว่าไม่ควรพาเจ้าหญิงน้อยไปที่ห้องทำงานของท่านประธาน แต่เขาทำไปแล้ว เจ้าหญิงน้อยไม่ให้โอกาสเขากลับค่าเลย เขา ไร้หนทางจริงๆ

เลขาหลิวกำลังคิดว่าจะบอกท่านประธานดีไหม เพราะเจ้า หญิงน้อยอยู่ในห้องทำงานแล้ว คิดจะหนีก็หนีไม่พ้น

เพียงแต่เวลานี้ ระดับผู้บริหารชั้นสูงคนหนึ่งตั้งคำถามขึ้นมา หนึ่งประโยค ตัดบทที่เลขาหลิวอยากพูดทิ้ง

ต่อมา หลายคนก็ได้แสดงความคิดเห็นไปต่างๆนาๆ ซึ่งคุณ ชายสามเย่ฟังด้วยท่าขมวดคิ้วเล็กน้อย เลขาหลิวเห็นท่าน ประธานอารมณ์ไม่ค่อยดี ดังนั้นจึงไม่กล้าบอกเรื่องเจ้าหญิงน้อย

การประชุมดำเนินไปเรื่อยๆ…….

บริษัทตระกูลเยกรุ๊ป

ประชุมมาเกือบหนึ่งชั่วโมงแล้ว เพราะช่วงนี้คุณชายสามแย่ไม่ ค่อยใส่ใจต่อเรื่องภายในบริษัทมากนัก ดังนั้นจึงเกิดปัญหา ภายในไม่น้อย ซึ่งบรรดาผู้บริหารระดับสูงมีความเห็นต่างกัน ดัง นั้นจึงเกิดการโต้แย้งอย่างดุเดือด

เลขาหลิวไม่มีโอกาสพูดเรื่องเจ้าหญิงน้อยเลย

ปกติเวลาประชุม พวกเขาไม่กล้าโต้แย้งในลักษณะนี้ แต่วันนี้คุณชายสามเยไม่เหมือนเดิมอย่างชัดเจน

คุณชายสามเย่แค่นั่งเงียบๆอยู่ตรงนั้น ไม่ได้พูด ไม่ได้ห้าม เสียง โต้แย้งของพวกเขา

ท่านประธานไม่พูด พวกเขาโต้แย้งไปมาจนกลายเป็นทะเลาะ เบาะแว้ง

“ท่านประธานครับ……..เลขาหลิวเห็นท่านประธานไม่พูด ไม่ ได้การเคลื่อนไหวใดๆ พลางพูดเสียงเบาหนึ่งประโยค ทำไมเขา รู้สึกว่าท่านประธานเริ่มเหม่อลอยอีกแล้ว

เลขาหลิวสงสัยอย่างหนักว่า เมื่อท่านประธานได้ยินคำพูด ของทุกคนหรือเปล่า ถึงแม้ร่างกายท่านประธานจะอยู่ที่นี่ แต่ หัวใจกลับลอยไปถึงไหนต่อไหนแล้ว

คุณชายสามเย่ได้ยินเสียงเลขาหลิว พลางนั่งตัวตรง ก่อนจะ

กวาดสายตามองผู้คนในห้องประชุม กลุ่มที่กำลังถกเถียงกันอยู่

ก็เงียบทันที

“เลิกประชุม”คุณชายสามเย่ไม่อยากประชุมกะทันหัน นับแต่ เมื่อวาน เหมือนเขาจะไม่สนใจอะไรเลย ตอนนี้เรื่องในบริษัท ทำให้เขารำคาญใจเล็กน้อย

ผู้คนในห้องประชุมงงเป็นไก่ตาแตก เลิกประชุม? เลิกประชุ มดื้อๆอย่างนี้เลยหรือ?

เลขาหลิวอึ้ง เลิกประชุมแล้วท่านประธานก็ต้องกลับไปยังห้อง ทํางาน งั้น…….


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ