บทที่ 1151 การคิดเพ้อเจ้อที่แท้จริง (1)
จู่ๆเลขาหลิวนั้นก็รู้สึกมาเสียใจภายหลังที่ให้ประธานของตัว เองมา เจ้าหญิงที่ปัญญาอ่อนยิ่งเสียยิ่งกว่าปัญญาอ่อนคนนี้ ไม่มี ความจําเป็นที่จะต้องมาเจอหน้ากันเลยเสียจริงๆ
เขาคิดว่าองค์กรโกสต์ซิตี้จะเก่งซักขนาดไหนเสียอีก? ตอนนี้ เห็นเจ้าหญิงขององค์กรโกสต์ซิตี้คนนี้แล้ว เลขาหลิวรู้สึกว่าองค์ กรโกสต์ซิตี้จะต้องมีชื่อเสียงที่ไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง อย่างแน่นอน
เลขาหลิวรู้สึกว่าท่านประธานของเขามาพบกับคนแบบนี้ เป็นการเสียเวลาเป็นอย่างมาก
แต่เขาได้แจ้งกับทางท่านประธานไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว รอ
ให้ท่านประธานมาก่อนแล้วค่อยว่ากันอีกทีก็แล้วกัน
“เชิญรอที่ห้องรับรองแขกกันก่อนนะครับ” ถึงแม้ในใจของ เลขาหลิวภาพลักษณ์ขององค์กรโกสต์ซิตี้นั้นจะลดลงตั้งไม่รู้เท่า ไหร่ แต่เลขาหลิวก็ยังคงรักษามารยาทและความเกรงใจที่มีอยู่ เอาไว้
ในใจของเจิ้งฉงนั้นรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก คิดอยากจะ เอ่ยพูดอะไรออกมาอีก
“ได้ ถ้าอย่างนั้นพวกเราไปรอที่ห้องรับรองแขกก่อน รอให้ เย่ซื้อเฉินมา” เพียงแต่เฉิงโหราโหรวกลับออกปากเอ่ยขึ้นมาก่อนเวลา นํ้าเสียงของเฉิงโหรว โหรวนั้นฟังดูแล้วไม่ได้มีความ ไม่พอใจใดๆปรากฏออกมา ราวกับว่ายังคงรู้สึกดีใจอยู่ อีกทั้ง เธอยังเรียกชื่อของเยซื้อเฉินเหมือนกับคุ้นเคยกับเย่อเฉินเป็น อย่างดีอีกด้วย
เลขาหลิวรู้สึกตะลึงไป มักจะรู้สึกว่าเจ้าหญิงองค์นี้แปลกๆ และ รู้สึกว่าเจ้าหญิงนี้ดูเหมือนกับคิดวางแผนอะไรไม่ดีเอาไว้อีกด้วย
“ในเมื่อเจ้าหญิงของเราพูดแบบนี้แล้ว ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็ ไปที่ห้องรับแขก ให้ประธานเยู่ของพวกคุณรีบมาก็แล้วกัน” วันนี้ เจิ้งฉงมาด้วยกันกับเฉิงโหราโหรว อยู่ต่อหน้าคนนอกก็ต้องทำ เป็นเคารพเฉิงโหรว โหรวอยู่แล้ว และยิ่งไปกว่านั้นเฉิงโหราโหร วเป็นเจ้าหญิงแห่งองค์กรโกสต์ซิตี้ เขาก็จะต้องประจบประแจง ให้ดีเสียหน่อยอยู่แล้ว
วันนี้ไปหยิงไม่ได้มาด้วย เนื่องจากว่าตอนอยู่ที่เมืองจีนครั้งที่ แล้วเงินลั่วนิ่งจำไป๋หยิงได้ ดังนั้นไปหยิงจึงไม่เหมาะที่จะมา ปรากฏตัวในโอกาสแบบนี้
ตอนที่เลขาหลิวพาทั้งสองคนมายังห้องรับรองแขกนั้น ดวงตา คู่นั้นของเฉิงโหรวโหรวก็อดที่จะมองสำรวจไปรอบๆไม่ได้ ใบหน้าเต็มไปด้วยความหวั่นไหวและรู้สึกทึ่ง มีท่าทางที่ดูเหมือน กับเป็นการได้เปิดโลกทัศน์ใหม่อย่างไรอย่างนั้น
“นี่คือห้องรับแขกของพวกคุณอย่างนั้นหรือ? ใหญ่มาก แล้วก็ สวยมากด้วย” และนี่ก็ทำให้เฉิงโหราโหรวอดที่จะออกปากชม ออกมาไม่ได้
เลขาหลิวตกตะลึงไป แล้วมองไปยังห้องรับแขกระดับไฮเอนด์ ของพวกเขา เจ้าหญิงท่านนี้ใช้คำว่าสวยบรรยายถึงห้องรับแขก ของพวกเขาอย่างนั้นหรือ? ไม่สุภาพเอาเสียเลย ไม่มีประสบกา รณ์จริงๆ
“เชิญทั้งสองท่านรอทางด้านนี้ก่อนนะครับ หลังจากที่เลขา หลิวพาพวกเขาเข้ามาในห้องรับแขกแล้ว ก็เตรียมจะเดินออกไป เขาไม่อยากจะอยู่คอยรับใช้ผู้รับผิดชอบของส่วนเมือง Aแห่ง องค์กรโกสต์ซิตี้กับเจ้าหญิงขององค์กรโกสต์ซิตี้คนนี้เลย
“อะไรกัน? คุณไม่อยู่ที่นี่คอยต้อนรับพวกเราหรอกหรือ?” เดิม ที่เจิ้งฉงก็รู้สึกไม่พอใจอยู่แล้ว เห็นว่าเลขาหลิวจะออกไป สีหน้าก็ เปลี่ยนไปในทันที ไม่ว่าจะพูดอย่างไร เขาก็เป็นผู้รับผิดชอบของ ส่วนเมือง Aแห่งองค์กรโกสต์ซิตี้ ไม่คิดว่าเลขาของบริษัทตระกูล เย่กรุ๊ปจะกล้าดูถูกเขาถึงขนาดนี้
“ช่วงนี้ท่านประธานไม่ได้เข้ามาที่บริษัทเลย บริษัทยังมีเรื่อง ให้ผมไปต้องจัดการอีกมาก หวังว่าทั้งสองท่านจะยกโทษให้ผม ด้วยนะครับ” เลขาหลิวไม่ได้มีความยินยอมอยากที่จะต้อนรับ พวกเขาอยู่แล้ว เห็นท่าทางของเจิ้งฉงเช่นนี้แล้ว ก็ยังไม่อยากจะ อยู่ต่ออีกเลย
และแน่นอนว่าที่เลขาหลิวพูดมานั้นก็เป็นความจริงด้วยเช่นกัน ตอนนี้ท่านประธานไม่ได้ดูบริษัทตระกูลเย่กรุ๊ปแล้ว ทุกเรื่องของ บริษัทล้วนแต่เขาเป็นคนจัดการทั้งสิ้น เขายุ่งมากจริงๆ
“คุณบอกว่าบริษัทคุณเป็นคนจัดการอย่างนั้นหรือ?” เฉิงโหรวโหราที่สมองขาดๆเกินๆมาโดยตลอดครั้งนี้นับว่ามีปฏิกิริยา ตอบรับอย่างรวดเร็ว ฟังเข้าใจคำพูดของเลขาหลิว อีกทั้งยังจับ ประเด็นสำคัญได้อีกด้วย
เจิ้งฉงเองก็รู้สึกอึ้งไปเช่นกัน แล้วมองมายังเลขาหลิวด้วย ความสงสัย บริษัทของตระกูลเย่ เย่ซือเฉินไม่ได้ดูแล แต่มอบให้ กับเลขาตำแหน่งเล็กๆดูแลอย่างนั้นหรือ?
เลขาหลิวเงยหน้าขึ้นมองเฉิง โหรว โหรว รู้สึกประหลาดใจกับ คำถามนี้ของเฉิงโหรว โหรว เลขาหลิวคิดแล้วนั้นจึงพยักหน้าลง : “ครับ”
เรื่องที่ไม่ใช่เลขา ในตอนนี้ คนที่บริษัทก็รู้กันเกือบจะหมดแล้ว ในแต่ละวันท่านประธานไม่ได้เข้ามาที่บริษัทเลย ไม่ได้สนใจเรื่อง ของที่บริษัท ก็คงไม่สามารถปิดบังพนักงานของบริษัทได้แน่นอน อยู่แล้ว
และยิ่งไปกว่านั้นเดิมทีแล้วท่านประธานก็มีเจตนาที่จะทำให้ เป็นเรื่องเป็นราวขึ้นมาอย่างไม่ได้สนใจอะไรแม้แต่นิดเดียว อีก ทั้งครั้งนี้ท่านประธานเอาจริงอีกด้วยเช่นกัน ไม่สนใจเรื่องของ บริษัท ไม่สนใจเรื่องของตระกูลเย จากนี้ไปก็ลากเส้นแบ่งกับ ตระกูลเย่อย่างชัดเจน
เลขาหลิวติดตามอยู่กับเชื่อเงินมาเป็นเวลาหลายปี ชัดเจน ในการจัดการเรื่องราวเหล่านั้นของคุณปู่เย่และคุณย่าเยเป็น อย่างดี ครั้งนี้ท่านประธานทำเพื่อคุณนาย และก็เป็นเพราะถูก คุณปู่เย่และคุณย่าเยทำร้ายจิตใจ
เลขาหลิวยิ่งมีความชัดเจนตีถึงการตัดสินใจของท่านประธาน ในครั้งนี้ เรื่องนี้เกรงว่าจะไม่มีช่องทางที่ยังเหลืออยู่ที่สามารถ คลี่คลายลงได้เลย ดังนั้นเรื่องที่ท่านประธานไม่สนใจบริษัทเกรง ว่าน่าจะรู้ไปถึงหูของคุณปู่เย่ในอีกไม่นาน แน่นอนว่าถึงตอนนั้น จะต้องถูกแพร่ออกไปอย่างแน่นอน เพราะฉะนั้นก็ไม่มีอะไรให้ ต้องปิดบัง
“บริษัทของเขาเอง ทำไมเขาไม่ดูแลเอง? ไม่คิดว่าจะมอบเอา มาให้คุณดูแล?” เฉิงโหรว โหรวได้ยินคำพูดของเลขาหลิวแล้วก็ ขมวดคิ้วขึ้น คำพูดที่ผุดมาอีกครั้งด้วยความสงสัย อีกทั้งยังมี ความไม่พอใจอีกด้วย
เลขาหลิวมองไปยังเฉิงโหราโหรว ดวงตาคู่นั้นมองแวบไป อย่างรวดเร็ว เจ้าหญิงท่านนี้รู้สึกสงสัยเขาสามารถเข้าใจได้ แต่ สีหน้าท่าทางที่ดูไม่พอใจของเจ้าหญิงท่านนี้มันคืออะไรกัน?
คนที่ไม่รู้ยังจะคิดว่าเจ้าหญิงท่านนี้มีความสัมพันธ์อะไรกับ
ท่านประธานของเขาเสียอีก?
“ผมได้ยินมาว่าบริษัทตระกูลเยกรุ๊ปความจริงแล้วคุณท่านตระ กูลเย่เป็นใหญ่ที่สุด ช่วงเวลาก่อนหน้านี้เยซื้อเฉินกับคุณปู่เย่ เหมือนจะทะเลาะกัน คงจะไม่ใช่ว่าคุณปู่เย่ไม่อนุญาตให้เยซื้อเฉิ นมาที่บริษัทหรอกมั้ง? อีกทั้งผมยังได้ยินมาว่าตระกูลเย่ไม่ได้มี เยซื้อเฉินที่เป็นทายาทเพียงคนเดียวเท่านั้น เย่ซื้อเฉินยังมีน้อง ชายอีกหนึ่งคนด้วยนี่” เจิ้งฉงแสดงความคิดของตัวเองออกมา อย่างเต็มที่ในทันที แน่นอนว่าจากที่เจิ้งฉงดูแล้วนั้น ไม่มีใครที่จะ สามารถทิ้งบริษัทที่ใหญ่ขนาดนี้ของตัวเองได้หรอก
“ถ้าเป็นแบบนี้จริงๆ องค์กรโกสต์ซิตี้ของเราก็สามารถช่วย เขาได้” ดวงตาของเฉิงโหรว โหรวเป็นประกายขึ้นมาทันที เธอ กำลังกลุ้มใจที่ยังหาโอกาสยั่วยวนเชื่อเงินไม่ได้ ถ้าหากเย่อ เฉินทะเลาะกันกับคุณปู่เย่ ถ้าหากคุณปู่เย่ไม่ให้เยซื้อเฉินสืบทอด บริษัทของตระกูลเย่ สำหรับเฉิงโหรว โหรวแล้วนี่นับว่าเป็น โอกาสที่ดีอย่างแน่นอน
เลขาหลิวก้มหน้าลงเล็กน้อย มุมปากกระตุกขึ้นมา สองคนนี้ คิดว่าตัวเองถูกต้องอยู่ตลอดมากเกินไปแล้วหรือเปล่า?
โดยเฉพาะเจ้าหญิงท่านนี้ เธอจะช่วยท่านประธานอย่างนั้น
หรือ? ท่านประธานจะต้องให้เธอมาช่วยอย่างนั้นรึไง?
บริษัทตระกูลเยีกรุ๊ปเดิมทีแล้วก็ได้โอนมาอยู่ในชื่อของท่าน ประธานแล้ว ตระกูลเยเพียงแค่ไม่ต้องการแล้วเท่านั้น ทั้งสองคน นี้ไม่ได้เข้าใจสถานการณ์ทั้งหมดแล้วก็มาวิพากษ์วิจารณ์กันอยู่ ตรงนี้ เก่งกันเสียจริงๆ
“ผมคิดว่าทั้งสองท่านคงจะเข้าใจผิดกันแล้วนะครับ ท่าน ประธานของพวกเรามีอสังหาริมทรัพย์มากเกินไป ก็เลยดูแลไม่ ได้ แบ่งจิตใจและกำลังมาดูแลเรื่องเล็กๆ เหล่านี้ของตระกูลเยอ อกมาไม่ได้จริงๆครับ” เลขาหลิวรับไม่ได้กับท่าทางของทั้งสอง คนที่อยู่ตรงหน้านี้จริงๆ อยากจะมาทำเป็นอยู่เหนือกว่าอยู่ต่อ หน้าที่บริษัทตระกูลเยกรุ๊ป ต่อหน้าประธานของพวกเขาอย่างนั้น หรือ? ใครให้ทุนพวกนี้กับพวกเขากัน?
อิทธิพลอำนาจขององค์กรโกสต์ซิตี้ของพวกเขานั้นเก่งมากแต่ท่านประธานของพวกเขาก็แทบไม่ได้ต่างไปจากองค์กรโกสต์ ซิตี้เลยเช่นกัน
พวกอสังหาริมทรัพย์ของท่านประธานนั้นมีมากมายเหมือน กัน!
องค์กรโกสต์ซิตี้ของพวกเขาไม่ใช่ว่าเก่งมากกันหรอกหรือ? ไม่คิดว่าจะไม่รู้?
เมื่อก่อน คนที่รู้ถึงเรื่องอสังหาริมทรัพย์เหล่านั้นไม่มากนัก แต่ ตอนนี้ท่านประธานได้ทั้งบริษัทตระกูลเยกรุ๊ปโดยตรงแล้ว อสังหาริมทรัพย์อื่นๆของท่านประธานก็จะปรากฏขึ้นมาด้วย ถึง แม้ว่าจะไม่ใช่ทั้งหมด แต่ก็จะมีส่วนหนึ่งที่อาจจะถูกเปิดเผยออก มา
ดังนั้นเวลานี้เลขาหลิวจึงมีเจตนาที่จะพูดออกมาให้ทั้งสองคน ได้ยิน ก็เพื่อที่จะปรามทั้งสองคนนี้ที่คิดว่าตัวเองเป็นใหญ่นั่นเอง
“คุณหมายถึงว่า เย่ซือเงินนอกจากบริษัทตระกูลเยกรุ๊ปแล้ว ก็ ยังมีอสังหาริมทรัพย์อื่นๆอีกอย่างนั้นหรือ?” เฉิงโหรวโหราเบิก ตาขึ้น ความตกตะลึงบนใบหน้านั้นปกปิดเอาไว้ไม่มิด แม้กระทั่ง น้ำเสียงก็สูงขึ้นอีกด้วย
เลขาหลิวรู้สึกอึ้งไปอีกครั้ง เขาคิดจะข่มทั้งสองคนนี้ แต่เขา กลับคิดไม่ถึงว่าเจ้าหญิงขององค์กรโกสต์ซิตี้จะมีปฏิกิริยาตอบ กลับมากขนาดนี้ เมื่อครู่เจ้าหญิงตะโกนออกมาเสียงดังเสียจน ทําให้เขาตกใจ
“ถ้าอย่างนั้นเชื่อเงินยังมีพวกอสังหาริมทรัพย์อื่นๆอีกเท่าไหร่? เยอะไหม?” ไม่รู้ว่าเฉิงโหราโหรวนึกถึงอะไรอยู่ จู่ๆ ใบหน้า ก็แสดงความตื่นเต้นออกมา แม้กระทั่งน้ำเสียงยังรีบเร่งอีกด้วย
เลขาหลิวมองเธอ ดวงตากระพริบลงโดยจิตใต้สำนึก ในใจก็
ยิ่งรู้สึกแปลกๆ เจ้าหญิงท่านนี้บ้าไปแล้วจริงๆ ใช่ไหม? เธอมีท่าทางที่ดูตื่นเต้นรีบร้อนแบบนี้ทำไมกัน? อสังหาริมทรัพย์ของท่านประธานของเขาจะมีมากหรือน้อยมัน
เกี่ยวอะไรกับเจ้าหญิงท่านนี้ด้วยอย่างนั้นหรือ?
“เลขาหลิว ผู้จัดการเซวไปหาคุณที่ออฟฟิศมา แต่หาคุณไม่ เจอ ผู้จัดการเซวมีเอกสารจะให้คุณประทับตรา กำลังตามหาตัว คุณอย่างรีบๆด้วยค่ะ พอดีกับเวลานี้ ที่มีพนักงานคนหนึ่งวิ่งเข้า มา ตอนที่เห็นเลขาหลิวนั้นก็รู้สึกโล่งใจอย่างเห็นได้ชัด
“โอเค ผมจะไปเดี๋ยวนี้แหล่ะ” เลขาหลิวไม่อยากจะเสียเวลา กับบุคคลนี้อีกแล้วจริงๆ กำลังกังวลว่าจะถอนตัวออกมาไม่ได้ ตอนนี้ได้โอกาสหนีออกมาพอดี
“เมื่อกี้ที่เลขาหลิวบอกว่าเยซื้อเฉินยังมือสังหาริมทรัพย์อีก มากมาย คุณคิดว่าจริงไหม?” เลขาหลิวออกไปแล้ว เฉิงโหรว โหรวไม่สามารถถามเลขาหลิวได้อีก จึงหันมาถามเจิ้งฉง
คิ้วของเจิ้งฉงนั้นขมวดเข้าหากันเล็กน้อย ใบหน้าแสดงความ ครุ่นคิดออกมา “อาจจะเป็นจริงก็ได้ เย่ซื้อเฉินเก่งมากจริงๆ จะมี ทรัพย์สมบัติอื่นๆก็เป็นเรื่องปกติเช่นกัน”
เรื่องราวเกี่ยวกับเย่ชื่อเฉิน เขาเองก็เคยได้ยินมาไม่น้อย
“ถ้าอย่างนั้นคุณรู้สึกว่าเยซื้อเฉินจะมีทรัพย์สมบัติมากขนาด ไหน? จะมีเยอะไหม?” ตอนที่เฉิงโหรว โหรวเอ่ยถามนั้น ดวงตาคู่ นั้นมีแสงหนึ่งแวบมาอย่างเห็นได้ชัด
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ