บทที่ 85 บุกบ้านไป
ทว่าหญิงวัยกลางคืนพูดขัดเธอ “ลูกรัก แม่รู้ว่าหนูอยาก จะพูดอะไร ทว่าผู้ชายคนไหนที่ไม่ลามกบ้าง? พ่อของหนูที่ ยังวัยรุ่นก็เป็นเหมือนคุณชายไก่ที่ชอบแซวผู้หญิงไปทั่ว แต่พอแต่งงานกันแล้ว เขาก็กลายเป็นคนที่ซื่อสัตย์ขึ้น เยอะ คุณไปก็คงจะเหมือนกัน ดูแลและคอยสอนเขาให้ดีๆ ก็พอ”
“ได้” ทั้งใบหน้าของหลิ่วอีอีดูอดทนไม่ไหว เธอเกิดใน ตระกูลที่ใหญ่ขนาดนี้ เรื่องที่สำคัญที่สุดในชีวิต แน่นอนว่า ต้องไม่ใช่ตัวเองมาตัดสินใจแน่นอน
เฉียวเสี่ยวโย่วส่งเฉินเฟิงไปยังโรงแรมห้าดาวแห่งหนึ่ง
เฉินเฟิงก็ไม่ได้อยู่นาน พออาบน้ำแต่งงานอย่างรวดเร็ว เสร็จ ก็พาอาเหาออกมา แล้วเรียกรถไปบ้านไป๋
วิลล่าตระกูลไปสร้างอยู่ริมทะเลสาบ รถแท็กซี่ถูกดัก ตรงหน้าประตูใหญ่
เฉินเฟิงและอาเหาลงรถ และก็มีบอดี้การ์ดหลายคนมา ขวางทางพวกเขาไว้ทันที
“ที่นี่เป็นพื้นที่ส่วนบุคคล พวกคุณสองคน ห้ามเข้าไป!” บอดี้การ์ดหนึ่งในนั้นที่มีรูปทรงดวงหน้าที่คล้ายสามเหลี่ยม กำลังจับจ้องเฉินเฟิงไว้อย่างเย็นชา แล้วมองการแต่งตัว ของเฉินเฟิงและอาเหาไว้ ทำให้ดูไม่เหมือนแขกของ ตระกูลไป่
“ฉันมาหาไปกว่างยี่” เฉินเฟิงขมวดคิ้วเอ่ยขึ้น
บอดี้การ์ดที่มีทรงตาสามเหลี่ยมกำลังมองเฉินเฟิง แล้ว ค่อยเอ่ยขึ้น “คุณรู้จักคุณชายไป? ! ”
“รู้จัก” เฉินเฟิงคลายยิ้ม
“งั้นคุณลองโทรหาคุณไป๋ดู ถ้าคุณชายไป่ตกลง ผมจะ ปล่อยคุณเข้าไป” บอดี้การ์ดทรงตาสามเหลี่ยมพูดขึ้น เฉินเฟิงถอนหายใจออกมา “ฉันไม่มีเบอร์ของ ไป๋กว่างยี่”
บอดี้การ์ดพึมพำด้วยอย่างเย็นชา แล้วพูดขึ้น “ไม่มีเบอร์ ของคุณชายไป๋ ประตูบานนี้ คุณเข้าไม่ได้!”
“ถ้าฉันจะเข้าไปล่ะ?” เฉินเฟิงทำสีหน้าที่นิ่งเฉย
ชายทรงตาสามเหลี่ยมทำสีหน้าที่เปลี่ยนไป “คุณลองดู
ได้!”
พูดจบ ร่างของอาเหาจึงหลบไป แล้วกำลังจะลงไม้
ลงมือ!
ผู้ชายดวงตาทรงสามเหลี่ยมรู้สึกเหมือนตรงหน้าดูมืดลง แล้วก็ถูกมือกำหมัดข้างหนึ่งกระแทกใส่
เสียงแจ้งเตือนดังขึ้น
แล้วก็มีบอดี้การ์ดหลายสิบคนถือกระบองไฟฟ้าออกมา จากรอบทิศ เฉินเฟิงยืนกอดอกอยู่ข้างๆ จากนั้นก็ตัวผ่อน คลาย และนี่ยังไม่ถึงเวลาที่เขาจะต้องลงไม้ลงมือ
อาเหาโหดเหี้ยมเหมือนเสือเข้าฝูงแกะ เขาต่อยหนึ่งมัด ต่อหนึ่งคน ไม่ถึงหนึ่งนาที บอดี้การ์ดที่ถูกฝึกฝนมาอย่างดีก็ไปนอนอยู่บนพื้น
ความเคลื่อนไหวของที่นี่ แน่นอนว่าต้องทำให้คนที่อยู่ใน วิลล่านั้นรู้ตัว
ไม่นาน ก็มีผู้ชายวัยกลางคนคนหนึ่งที่สวมใส่เสื้อลำลอง แล้วรีบวิ่งออกมา
พอเห็นบอดี้การ์ดสิบกว่าคนนอนอยู่บนพื้น แต่เฉินเฟิงก ลับยืนอยู่นิ่งเฉยอยู่ข้างๆ ชายวัยกลางคนคนนี้จึงรู้สึก หม่นหมองขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
“เพื่อน เพื่อนมีเรื่องเคียดแค้นใจกับตระกูลไป๋หรือ?” ชาย วัยกลางคนถามขึ้นด้วยความเย็นชา เขาชื่อว่าไป๋ฝู เป็นพ่อ บ้านของตระกูลไป
เฉินเฟิงหัวเราะขึ้น แล้วไม่ได้ตอบกลับ จากนั้นถามขึ้น ไปกว่างอยู่ที่ไหน?”
“พวกคุณมาจากชางโจวหรอ?!” ได้ยินว่าเฉินเฟิงจะมาหา ไปกว่างยี่ ไป่ฝูจึงได้สติขึ้นมาทันที
“ฉันจะถามอีกรอบ ไป่กว่างอยู่ไหน!” น้ำเสียงของ เฉินเฟิงอดทนไม่ไหวอีกต่อไป
“คุณชายไปเขาออกไปข้างนอก ไม่ได้อยู่บ้าน” ไป่ฝู กำลังอดกลั้นความโมโหในใจ
“อาเหา เข้าไปค้นเร็วๆ” เฉินเฟิงขมวดคิ้วขึ้น คำพูดของ ชายวัยกลางคนคนนี้ เขาไม่ได้เชื่อทั้งหมด จึงต้องเข้าไป ค้นเพื่อความแน่ใจ
“ห้ามเข้าไป!” พอเห็นเฉินเฟิงและอาเหาอยากจะเข้าไป บ้านไป ไปฝูรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาทันที ในวิลล่ามีผู้หญิงที่อยู่ ในบ้านเยอะ ถ้าปล่อยให้ผู้ชายสองคนนี้เข้าไป ถ้าเรื่อง อะไรขึ้นภายหลังก็อาจจะไม่แน่นอน
เฉินเฟิงจึงคลายยิ้มอย่างอดทนไม่ไหว แล้วถามขึ้น “งั้น พูดว่าไม่ให้ฉันเข้าไปแล้วฉันก็ไม่เข้าไปหรอ?”
“ถ้าคุณกล้าเข้าไป ตระกูลไป๋ไม่ยอมปล่อยให้คุณไป แน่นอน!” ไป่ฝูพูดขึ้นอย่างข่มขู่ด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึม
ทว่าเฉินเฟิงกลับไม่ได้สนใจ จากนั้นก็เหยียบเข้าไป ประตูใหญ่ของบ้านตระกูลไป่อย่างขัดขืน”
ไปฝูทำได้เพียงไปขวางทางไว้ด้วยตัวเอง
จากนั้นก็ถูกอาเหาใช้เท้าถีบ
“อย่าเข้ามา ฉันจะบอกคุณว่าคุณชายอยู่ไหน? !” ไป่ฝู พูดด้วยความเร่งรีบ แล้วให้เฉินเฟิงและอาเหาเดินเข้าไปใน บ้านตระกูลไป๋ งั้นอาชีพที่เขาได้เป็นพ่อบ้าน ก็คงจะโดนไล่ ออกตั้งแต่ตอนนี้
“อยู่ไหน? ” เฉินเฟิงพูดด้วยเสียงเรียบ
“ตอนนี้คุณชายอยู่บ้านตระกูลหลิ่วและกำลังนัดบอร์ด กับคุณหลิวอยู่!” ไป่ฝูพูดขึ้นอย่างอดกลั้นไม่อยู่ เขาทำได้ เพียงไล่เฉินเฟิงและอาเหาไปหาไป่กว่างยี่ เพราะว่าสอง สามวันมานี้ไปกว่างยี่ก็ได้พาคนมากฝีมือให้คอยติดตามอยู่ ตลอดเวลา และสามารถต่อสู้กับเฉินเฟิงและอาเหา
บ้านตระกูลหลิว…
“อาเหา ไปบ้านตระกูลหลิ่ว” เฉินเฟิงพีมพำด้วยเสียง เรียบเฉย แล้วก็ไม่รู้สึกว่าไป่ฝูกำลังโกหก เฉินเฟิงพึ่งจะนั่งลงไปกูก็เอามือถือขึ้นแล้ว จากนั้นก็โทร
หาไปกว่างยี่
“คุณผู้ชาย ไม่ดีแล้ว คนพวกชางโจวมาแล้ว”
เวลานี้ไปกว่างยี่กำลังนั่งอยู่ตรงห้องรับแขกของตระกูล หลิว และกำลังพูดคุยกับคนที่บ้านของตระกูลหลิ่ว ได้ยิน เสียงของไป่ฝูที่กระวนกระวายดังขึ้นจากมือถือ ไป๋กว่างยี่ ก็พึมพำขึ้นอย่างไม่พอใจเล็กน้อย “มันมาก็ให้มันมาสิจะ กลัวไปทำไม!”
“คุณชาย คนพวกนั้นเกือบจะบุกรุกเข้าไปในบ้านตระกูล ไปอีกด้วย” ไป๋ฝูเหมือนกำลังจะร้องไห้
“อะไรนะ?!” ไปกว่างยี่ทำสีหน้าที่เปลี่ยนไป แรงกายของ บอดี้การ์ดที่บ้าน เขาจะไม่รู้ดีได้ยังไง กลับทำให้คนก็กำลัง จะบุกรุกเขาไป “พวกเขามากันกี่คน?”
“สอง…สองคนครับ!” ไป๋ฝูพูดขึ้นด้วยเสียงอ่อนโยน
“สองคนนี้?! สองคนนี้เกือบจะเดินเข้าไปในบ้านตระกูล ไป๋ พวกมันก็แค่พวกคนต่ำต้อยเท่านั้น!” ไป๋กว่างยี่ก่นด่า ขึ้นอย่างเคร่งเครียด ตอนนี้พวกเขาไปไหน?” ”
“คุณชาย ตอนนี้พวกเขาไปไหนแล้ว?”
“คุณชายครับ ตอนนี้พวกเขากำลังหาคุณอยู่เหมือนกัน” “ดี! ดีมาก! ไหนๆ ก็ยังกล้ามาหาเรา!” “ไป่กว่างยี่ก็ต้องกัดฟันยิ้มอย่างเย็นชา ไอ้บ้านนอกสองคนนี้ดี ยังเห็นเมือง หลวงอย่างจินหลิงที่ใหญ่ขนาดนี้ให้เป็นเหมือนชางโจว จริงๆ ใช่ไหม! ยังจะกล้ามาหาตัวเองอีก!
“คุณหนู ตอนนี้เป็นยังไงบ้างแล้ว? หรือว่าจะให้ผมแจ้ง ตำรวจไหมครับ?” ไป่ฝูตั้งใจถามด้วยลองใจ
“ไปแจ้งความทำไม! ความมีหน้ามีตาของตระกูลไป๋ต้อง เสียหมดหรือเปล่า?” ไป๋กว่างยี่ก่นด่าขึ้น ถ้าให้คนอื่นรู้ จริงๆ พวกเขาตระกูลไป่ ถูกคนที่นอกบ้านกันมาสองคน ทำให้ต้องบีบบังคับให้ไปแจ้งความ งั้นเขาก็ต้องเสียหน้าล่ะ สิ”
“วางใจเถอะ ไหนๆ พวกเขาก็กล้ามางั้นฉันก็จะไม่ทำให้ พวกเขาต้องผิดหวังแน่นอน ฉันจะทำให้พวกเขารู้ อะไรที่ เรียกว่ามาแล้วห้ามกลับไป! ” ไป๋กว่างยี่พูดขึ้นอย่างโหด เหี้ยม เขาไม่ใช่ว่าไม่มีที่พึ่งพา หลังจากที่พากู้ตงเชินกลับ จากชางโจว เขาก็ได้เตรียมใจไว้พร้อมแล้ว ดังนั้นเลยใช้ เงินเยอะแยะมากมาย เพื่อที่จะซื้อตัวบอดี้การ์ดคนหนึ่งที่ อยู่ในสถานที่ฝึกวิทยายุทธจินกัง
บอดี้การ์ดคนนี้ ไม่เหมือนไม่เหมือนบอดี้การ์ดที่มีอยู่ใน บ้าน และลูกศิษย์ของหัวหน้าของสถานที่ฝึกวิทยายุทธจิ นกัง เริ่มฝึกวิชาการต่อสู้ตั้งแต่อายุเจ็ดขวบ วันนี้กลายเป็น นักสู้วัยกลางคนที่มาราวๆ สามสิบเจ็ดแล้ว เขาฝึกฝนวิชา มาสามสิบปี!
ทว่าพอคิดแล้วก็รู้ ความสามารถของเขาน่ากลัวถึงขั้น
ไหนกันแน่
ต่อให้มีศัตรูมาเป็นร้อยๆ คนก็คงไม่มีใครมีชีวิตต่อสัก
คน!
ไปกว่างยี่เคยเห็นกับตา คนๆ นี้ชกแค่หนึ่งที่ ก็สามารถ ชกแผ่นเหล็กที่หนาเท่าฝ่ามือหัดได้
มัดแบบนี้ คนทั่วไปจะสู้ไหวได้ยังไง!
ไปกว่างยิ่วางสายลง แล้วสีหน้าก็เต็มไปด้วยรอยยิ้มอีก
ครั้ง
“กว่างยี่หนอ เจอกับปัญหาอะไรหรือเปล่า?” หลิ่วจื่อ โจว หัวเราะแล้วพูดขึ้น เรื่องระหว่างไป๋กว่างยี่และลูกสาวของ เขาหลิ่วอีอี เป็นเรื่องที่กำหนดไว้อย่างชัดเจนแล้ว ดังนั้นจะ บอกว่าไปกว่างยี่เป็นลูกเขยของเขาก็ไม่ผิด
ไปกว่างยี่คลายยิ้มแล้วพูดขึ้น “ลุงหลิ่วครับ ไม่เป็นไร ครับ แค่เจอคนสองคนที่มันไม่ชอบดูตาม้าตาเรือ แล้ว อยากจะรนหาที่ตายครับ”
“อ่อ? ต้องให้ลุงช่วยเหลือไหม? ถ้าต้องการ ก็บอกนะ ใน มือของลุงหลิ่วยังมีลูกน้องที่มีฝีมืออยู่มากมาย”หลิวจื้อโจว ทำตาหยี คำพูดนี้ของเขาแน่นอนว่าต้องแค่คำพูดที่เกรงอก เกรงใจเท่านั้น เขารู้ดีในความสามารถของตระกูลไป่ ตระกูลนี้เป็นตระกูลสามลัทธิเก้าอาชีพ ต่อหน้าตระกูลไป่ แน่นอนว่าต้องไม่เกิดปัญหาอะไรขึ้นหรอก ถ้าแม้กระทั่ง เรื่องที่ตระกูลยังเอาไม่อยู่ พวกเขาตระกูลหลิ่ว ก็ยิ่งไม่ต้อง พูดถึง
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ