ลูกเขยมังกร

บทที่223 เสียใจ



บทที่223 เสียใจ

จูกว่างฉวนเงียบ สิ่งที่จูเจียเหยียนพูด ถึงแม้ว่าจะ โหดร้าย แต่มันกลับเป็นความจริง

เกิดมาในตระกูลใหญ่แบบนี้ ย่อมไม่ต้องพูดถึง ความสัมพันธ์ในครอบครัว หากสามารถใช้หนึ่งชีวิต ของเขา แลกกับความสงบสุขของคนในตระกูลจูได้ ผู้ อาวุโสตระกูลจูจะต้องเห็นชอบโดยไม่มีอะไรคัดค้าน แน่

“โธ่ ชีวิตที่เลวร้ายของฉันจะเป็นยังไงก็ช่าง แต่มัน จะเดือดร้อนไปถึงพี่เฉินเฟิงน่ะสิ” จูกว่างฉวนถอน หายใจ ถอนที่ขึ้นเขามา รถออดี้ของเฉินเฟิงโดนเจาะ ยาง ด้วยเจตนาดีของเขา จึงให้เฉินเฟิงมาด้วย อยู่ดีไม่ ว่าดี หลังจากถึงโรงแรม ซูนแช่ที่ใจคอคับแคบมาเห็น เฉินเฟิงกับจูเจียเหยียนเดินด้วยกัน..

เรื่องต่อจากนั้นคงไม่ต้องพูดถึง เฉินเฟิงเข้าไป ต่อยหน้าซูนแซ่ก่อน จากนั้นก็ไปล่วงเกินเติ้งซื่อชีอีก สร้างเรื่องวุ่นวายจนสลัดไม่พ้นตัว

เรื่องที่จูกว่างฉวนรู้สึกเสียใจที่สุดก็คือ ตอนนั้น เขาไม่น่าพาเฉินเฟิงขึ้นมาด้วยเลย

“พี่ ยังจะมีใจไปห่วงเขาอีกเหรอ? ตอนนี้ตัวเองพี่ ยังจะเอาไม่รอดเลย” จูเจียเหยียนจ้องจูกว่างฉวนด้วย สายตาขุ่นเคือง เธอไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไมจูกว่างฉวน ถึงใจกว้างขนาดนั้น ชีวิตเล็กๆ ของตัวเองก็แทบจะ รักษาไว้ไม่ไหวอยู่แล้ว ยังจะมีกะใจไปห่วงคนอื่นเขา อีก

“น้องพี่ ดูพูดเข้าสิ ฉันเป็นห่วงพี่เฉินเฟิงแล้วจะ ทำไมล่ะ? ถ้าไม่ใช่พวกเราเอาพี่เฉินเฟิงมาพัวพันด้วย เขาก็คงไม่ต้องไปยุ่งกับซูนแซ่ไอ้เวรนั่นหรอก แล้วก็ไม่ ต้องไปหาเรื่องเติ้งซื่อซี..

“พอแล้วพอแล้ว พี่ไม่ต้องพูดแล้ว ฉันก็ไม่ได้ห้าม ไม่ให้พี่เป็นห่วงเขาสักหน่อย” จูเจียเหยียนขัดจังหวะจู กว่างฉวนขึ้นมาด้วยความไม่สบอารมณ์ แล้วพูด “พวก เรารีบกลับบ้านกันเถอะ พี่ เดี๋ยวพอถึงบ้านแล้ว พวก ท่านปู่ต้องถามถึงความผิดของพี่แน่ พี่ก็อย่าชื่อบื้อรับ ผิดอยู่คนเดียวล่ะ ก็บอกไปว่าพวกซูนแช่น่ะตั้งใจหา เรื่องพี่ อีกอย่าง ท่าที่ยอมรับผิดของพี่จะต้อง นอบน้อมหน่อยนะ ห้ามไปต่อปากกับพวกท่านปู่เด็ด ขาด”

“วางใจเถอะ พี่ไม่โง่หรอกน่า”

“นี่ยังไม่โง่อีกเหรอ….

ในเวลาเดียวกันนั้น ห้องโถงของตระกูลจู ผู้ อาวุโสแห่งตระกูลจูต่างมารวมกันครบแล้ว แต่ใบหน้า ของทุกคนนั้น ขึงตึงจนราวกับจะกลายเป็นหิน บรรยากาศบีบคั้นจนแทบหายใจไม่ออก

“เจ้าปีศาจนั่นยังไม่กลับมาอีกเหรอ?!” หลังจากนั้น ผู้เฒ่าจูเฟิงชุนผู้นั่งอยู่บนตำแหน่ง สูงสุดของตระกูลจูพูดขึ้นด้วยความเกรี้ยวกราด

ทุกคนในตระกูลจูตัวสั่นสะท้าน

“ท่านพ่อ กว่างฉวนเขา…ยังอยู่ระหว่างทาง” ซาย วัยกลางคนที่อ้วนพอๆ กับจูกว่างฉวนยิ้มเหยเกเหลือบ มองผู้เฒ่าก่อนพูด

“ยังอยู่ระหว่างทาง?!”

“งั้นก็ปล่อยให้ตายอยู่ข้างถนนนั่นแหละ! ยังจะ กลับมาทำไมอีก!”

จูเฝิงชุนตะคอกด่า หลังจากที่ได้รับข่าวเมื่อคืน เขาโกรธแทบกระอักเลือด ให้ตายเขาก็คิดไม่ถึงว่า หลานชายของตัวเอง จะไปหาเรื่องซูนแช่และเติ้งชื่อชี คุณชายใหญ่ของสองตระกูลยักษ์ใหญ่นั่นเข้าเพียง เพื่อเจ้าเขยแต่งเข้าคนหนึ่ง

จูเฝิงชุนนีกไม่ออกจริงๆ ว่าทำไมจูกว่างฉวนถึงได้ ทำเรื่องโง่ๆ แบบนี้

ทำแบบนั้นกับคุณชายใหญ่ของตระกูลเติ้งแห่ง หนานหนิงเพื่อไอ้เขยแต่งเข้ากระจ้อยร่อยนั่นเนี่ยนะ?!

เจ้านี่สมองกลับแล้วรีไง!

“ท่านปู่ เมื่อครูผู้อำนวยการซูนจากธนาคารจาว ซางโทรมาอีกแล้ว เขาบอก…

“บอกว่าอะไร?!”

“ผู้อำนวยการศูนบอกว่า จะให้เวลาตระกูลจูของ เราอีกสามวัน หลังจากสามวันแล้ว ถ้ายังไม่ชำระคืนค่า เงินกู้ พวกเขาจะดำเนินคดีต่อไป นอกจากนี้จะประมูล ขายร้านอาหารอีกหลายแห่งของพวกเราด้วยครับ” ด้านล่างสุด ชายหนุ่มที่สวมสูทสีดำคนหนึ่งกัดฟันพูด เขาชื่อจูคั่งเล่อ เป็นลูกพี่ลูกน้องกับจูกว่างฉวน

“อะไรนะ ดำเนินคดี!”

“จบแล้วจบแล้ว ที่นี้จบแน่ ถ้าถูกธนาคารฟ้อง ตระกูลจูของเราได้จบจริงๆ แน่!”

“นั่นมันเงินกู้500ล้านนะ ตระกูลจูของเรา ตอนนี้ ไม่มีทางมีหรอก”

“จูกว่างฉวนเจ้าคนสมควรตายนั่น! ล่วงเกินใครไม่ ทำ ยังไปล่วงเกินคนของตระกูลตระกูลซูน ผู้อำนวย การซูนคนนั้น เขาเป็นญาติกับซูนแช่ เขาจะต้องโมโห แทนหลานชายตัวเองแน่”

เหล่าเครือญาติใน ตระกูลจูพากันกล่าวโทษจู กว่างฉวน ชายวัยกลางคนที่รูปร่างคล้ายกับจูกว่างฉวน ถอนหายใจ “เรื่องในครั้งนี้กว่างฉวนทำผิดจริง ผมใน ฐานะพ่อละอายใจเหลือเกิน ส่วนผู้อำนวยการซูน ผม จะไปคุยกับเขาเอง ผมจะพยายามอย่างสุดความ สามารถให้พวกเขาผ่อนปรนยืดเวลาให้ตระกูลจูเราอีก สักหน่อย”

“ยืดเวลาไปอีกหน่อย? แล้วจะมีประโยชน์อะไร? จะช้าจะเร็วยังไงก็ตายอยู่ดีนั่นแหละ” ใครคนหนึ่งพูด ขึ้นอย่างเย็นชาด้วยความไม่พอใจ “ใช่ จะช้าจะเร็วก็เหมือนกัน นอกจากนี้ เจ้าบ้าจุ กว่างฉวนนั่น ไม่ได้ไปล่วงเกินแค่ตระกูลของผู้อำนวย การชุนเท่านั้น”

“ยังมีตระกูลเติ้งด้วย!”

“ล่วงเกินตระกูลซูน ตระกูลจูของเราก็อาจจะยังมี ทางรอด แต่ไปล่วงเกินตระกูลเติ้ง ตระกูลของเรา ก็ หมดหนทางรอดแล้ว!”

“เจ้าเด็กสมควรตาย ทำตัวเองตายก็แล้วไป ยังจะ มาลากคนทั้งตระกูลไปติดร่างแหอีก…”

คำกล่าวหาของเหล่าญาติในตระกูลจูดังขึ้นไม่สิ้น สุด จูเห้าตงถอนหายใจอย่างอับจนหนทาง เรื่องมาถึง ขั้นนี้แล้ว ถึงเขาพูดอะไรออกไปก็ไม่มีประโยชน์ จู กว่างฉวน ได้ทำผิดมหันต์ต่อความโกรธเคืองของทุก คนแล้ว

“ท่านปู่ ผมกลับมาแล้ว ” ในตอนนั้นเอง จูกว่างฉวน ก็ก้าวเข้าประตูใหญ่มา

“เจ้าเด็กไม่รักดี ยังมีหน้ากลับมาอีกเรอะ!” จูเฝิ่ง ชุนคำรามอย่างโกรธเกรี้ยว เขายกแก้วน้ำชาบนโต๊ะ ขึ้น ก่อนเขวี้ยงใส่หน้าของจูกว่างฉวนอย่างแรง จูกว่าง ฉวนไม่ได้หลบเลี่ยง ทำให้แก้วน้ำซากระแทกหน้าของ เขาอย่างแรง น้ำชาร้อนรดใส่เต็มใบหน้า

“ท่านปู่ ผมขอโทษ” จูกว่างฉวนก้มหน้า

“ขอโทษ? ขอโทษคำเดียว แล้วมันทำให้เรื่อง ทั้งหมดหายไปมั้ย!” ใครบางคนส่งเสียงขึ้นมา “ยังไม่คุกเข่าลงอีก!” จูเฝิงชุนคำรามแข็งกร้าว

ด้วยความชิงชัง

จูกว่างฉวนด้วยความคุ้นเคย คุกเข่าข้างหนึ่งลงบน พื้นทันที

“ท่านปู่ เรื่องนี้เป็นความผิดของผม ท่านจะลงโทษ ผมยังไง ผมจะยอมรับแต่โดยดี” จูกว่างฉวนที่ห่อเหี่ยว เป็นมะเขือเที่ยว พูดอย่างหมดอาลัยตายอยาก

“ลงโทษแก? ลงโทษแกแล้วพวกเราจะไม่ต้อง จ่าย500ล้านนั่นให้ตระกูลซูนรีไง?!”

“ลงโทษแกแล้วตระกูลเติ้งจะไม่มาเอาเรื่องเรางั้น เหรอ!” จูเฝิงชุนถามอย่างเกรี้ยวกราด จูกว่างฉวนไม่มีคำแก้ตัว ความจริงซูนแช่กับเติ้ง ชื่อซีก็คงไม่เลิกยุ่งกับตระกูล จู เพราะว่าเขาถูกลงโทษ หรอก

“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ตำแหน่งผู้สืบทอดตระกูลจู จะถูกส่งมอบให้กับคังเล่อ ฉันตัดสินใจแบบนี้ แกมี ความเห็นอะไรมั้ย?” จูเฝิงชุนถามเสียงเย็น จูคังเล่อที่ เขาพูดถึงนั้น ก็คือชายหนุ่มที่ใส่สูทดำที่มารายงานข่าว เรื่องผู้อำนวยการซูน คือลูกพี่ลูกน้องของจูกว่างฉวน นั่นเอง

“ไม่คัดค้านครับ” จูกว่างฉานส่ายหน้าอย่างไร้

เรี่ยวแรง แม้ว่าจะได้เป็นผู้สืบทอดของตระกูลจู แต่สีหน้า ของคังเล่อในขณะนั้นไม่ดีใจเลยแม้แต่น้อย ถึงกับ เศร้าเสียด้วยซ้ำ ถึงยังไงตระกูลจูในตอนนี้ ก็ไม่มีขึ้น ดีแล้ว ถึงจะเป็นผู้สืบทอด จริงๆ ก็สิบทอดอะไรไม่ได้ แล้ว

“อีกอย่าง ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป แกไปคุกเข่า สารภาพผิดที่หน้าประตูตระกูลซูน ไปขอให้ซูนแซ่ยก โทษให้ซะ ซูนแช่ยกโทษให้แกเมื่อไหร่ ค่อยกลับมา” จู เฝิงซุนพูดจริงจัง ซูนแช่คือผู้สืบทอดของตระกูลซูน ขอแค่ซูนแช่ตกลงที่จะปล่อยตระกูลจู ตระกูลซูนก็คง ไม่ทำอะไรตระกูลจูอีก”

จูกว่างฉวนกัดฟันด้วยความอัปยศอดสู ให้เขา สารภาพผิดกับซูนแช่ ก็เหมือนให้เอาหน้าไปไถพื้นแล้ว ให้ซูนแช่เหยียบซ้ำ มันแย่ยิ่งกว่าให้เขาไปกินขี้เสียอีก แต่เขาก็เข้าใจ ตระกูลจูอยู่ในจุดหมิ่นเหมระหว่าง ความเป็นความตาย ถ้าเขายังเห็นแก่หน้าของตัวเอง งั้นตระกูลจูก็คงจบเห่แล้วล่ะ


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ