ลูกเขยมังกร

บทที่ 308 ไม่กล้าต่อกรด้วย



บทที่ 308 ไม่กล้าต่อกรด้วย

หลินหวั่นชีวมองเฉินเฟิงอย่างกล้าๆกลัวๆ พอเห็นเขาส่ง สายตาให้ ถึงกล้าเอ่ยปาก: “ฉัน…ตอนฉันเสิร์ฟอาหาร คุณ น้าคนนี้จู่ๆก็ลุกขึ้น มาชนฉัน ทำฉันทำอาหารหก…”

“แกโกหก! ” หลินเย่นโกรธจนแทบเป็นลม: “ทั้งที่เป็นเพ ราะยัยโสโครกอย่างแกต่างหาก อยากแก้แค้นที่คนขับรถฉัน เมื่อวานทําร้ายแม่แก เลยจงใจราดน้ำแกงลงตัวฉัน!”

“ฉันเปล่านะคะ!” หลินหวั่น วร้อนใจแทบร้องไห้ออกมา

“เปล่าอะไร! คนหลายคนเห็นกันอยู่ พวกเขาเป็นพยานกัน ได้!! หลินเย่นชี้ไปที่แขกรอบๆ ไม่ว่ายังไงก็ตาม เธอไม่มีทาง ยอมให้หลินหวนวยืนยันว่าเธอผิดแน่นอน

ไม่งั้นจะทําให้เธอหลงเหลือภาพพจน์ไม่ดีต่อหน้าหลินจง เหว่ย ถ้าหลินจงเหว่ยรู้สึกไม่ดีกับเธอ งั้นการร่วมงานกันของ บริษัทจงเลิ้งกับบริษัทติ่งเพิ่งไม่ต้องพูดแล้วล่ะ

หลินจงเหว่ยเบนสายตาไปที่แขกท่านอื่น แต่แขกทุกคน พากันส่ายหน้า

“ฉันไม่รู้หรอก ฉันไม่เห็นอะไรทั้งนั้น

“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน”
เห็นได้ชัดว่า ทุกคนไม่อยากเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องด้วย เพราะทั้งสองฝ่ายอย่างหลินเย่นและเฉินเฟิง ดูท่าไม่ควร

ตอแยด้วย

บรรยากาศแข็งค้างอึมครึม

หลินเย่นพูดอย่างมีหลักการ ยืนกรานกระต่ายขาเดียวว่า หลินหวั่นซีวจงใจแก้แค้น

ตอนนี้เองเฉินเฟิงพูดเสียงเย็นว่า “ดูกล้องวงจรปิด

หลินจงเหว่ยตบหัวตัวเอง ได้สติกลับมา จริงสิ ดูกล้อง วงจรปิดสิ วิธีแก้ปัญหาง่ายแบบนี้ ทำไมเขาถึงนึกไม่ถึงนะ คงเป็นเพราะเจอบอสเลยตื่นเต้นเกินไปแน่ๆ

หลินจงเหว่ยปลอบตัวเอง ในใจแบบนี้

“ผู้จัดการพวกคุณล่ะ? ให้เขาเอากล้องวงจรปิดออกมา

หลินจงเหว่ยหันไปมองพนักงานอีกข้าง

“ผู้จัดการพวกเราเขา…

“ผมอยู่นี่!” น้ำเสียงโกรธเต็มขั้นดังขึ้นกลางห้องโถง ผู้ จัดการจางเดินยิ้มเข้ามา ด้านหลังยังมีผู้ชายร่างเต็มไปด้วย รอยสักสีหน้าดุร้ายอีกสิบกว่าคน

พวกชายร่างเต็มไปด้วยรอยสักสิบกว่าคนนี้ แต่ละคนใส่ เสื้อเชิตแขนสั้น เนื้อที่ส่วนที่พันแขนเสื้อออกมาเต็มไปด้วยพละกําลัง

พอพวกเขาปรากฏตัว แขกในห้องโถงหลายคนตกใจจน เข่าอ่อน แขกบางคนยังทิ้งอาหารที่สั่ง และหนีออกไปเอา ดื้อๆ

“จัดการมัน! ” ผู้จัดการจางชี้นิ้วสั่งไปทางเฉินเฟิง ชายร่างใหญ่สิบกว่าคนขยับตัว สีหน้าดูจริงจังขึ้นมา

“เดี๋ยวก่อน!” ตอนนี้เองหลินจงเหว่ยตะคอกเสียงเข้มขึ้น เดินมายื่นหน้าผู้จัดการจาง

เขาถามเสียงเข้ม: “คุณเป็นผู้จัดการของที่นี่?”

“มีอะไรไม่ทราบ?” ผู้จัดการจางเลิกคิ้วถาม

“เขาเป็นเพื่อนผม พวกคุณจะแตะต้องเขาไม่ได้

“แตะเขาไม่ได้?” ผู้จัดการจางหัวเราะพรืด: คุณบอกห้าม แตะก็ไม่แตะงั้นหรอ? ถือสิทธิ์อะไร?!

“ถือสิทธิ์ที่ผมคือหลินจงเหว่ย!” หลินจงเหว่ยพู หน้าเย็นชา

“หลินจงเหว่ย?” ผู้จัดการจางตกใจ เขาแทบไม่เชื่อหูตัว เอง: “คุณคือหลินจงเหว่ยของบริษัทติ้งเฟิง?”

ทําไม มีปัญหาอะไรไหม?”

“ไม่…ไม่มีปัญหา” ผู้จัดการจางเหงื่อผุดขึ้นเต็มขมับ ถ้าคนตรงหน้าเป็นหลินจงเหว่ยจริง งั้นวันนี้เขาคงต้องรามือ ยัง ไงซะหลินจงเหว่ยก็เป็นหนึ่งในบุคคลระดับต้นๆของซางโจว ในตอนนี้

บวกกับโครงการฉวนซานรีสอร์ทที่กำลังจะเปิด หลินจง เหว่ยในฐานะตัวแทนตระกูลเฉินก็ยิ่งมีฐานะสูงขึ้น ไม่ใช่อะไร ที่ผู้จัดการร้านอาหารหงส์ขาวอย่างเขาจะเทียบได้เลย

“เอากล้องวงจรปิดของพวกคุณออกมา ผมจะดูเหตุการณ์ ทั้งหมด” หลินจงเหว่ยใช้น้ำเสียงสั่งการแบบไม่ต้องสงสัย

“กล้องวงจรปิด?” ผู้จัการจางอึ้ง ก่อนทำหน้าล่าบากใจ “คือว่า ประธานหลิน กล้องวงจรปิดของทางร้านเราพึ่งเสีย เมื่อหลายวันก่อนเอง”

“เสีย?”

สายตาหลินจงเหว่ยเข้มขึ้นทันที เสียตอนไหนไม่เสีย มา เสียตอนนี้พอดี คิดว่าเขาโง่หรือไง?

“ใช่ครับ เสียแล้ว หลายวันก่อนมีน้ำเข้าไปในกล้อง ตอน นี้ยังซ่อมไม่เสร็จเลย” ผู้จัดการจางพูดหน้าด้านๆ ตอนนี้เขา ต้องสกัดกั้นหลินจงเหว่ยไม่ให้ดูกล้องวงจรปิดได้ ถ้าหลินจง เหว่ยเห็นภาพในกล้องก็จะรู้ได้ทันทีว่า เขาเข้าข้างหลินเป็น

ถ้าเรื่องนี้แพร่ออกไป ต้องส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงร้าน อาหารหงส์ขาวแน่ ผู้จัดการอย่างเขาท่าจะรอดยาก
“คุณบอกว่าเสียก็เสียหรอ? คิดว่าผมโง่มากหรือไง? หลินจงเหว่ยสีหน้าไม่สู้ดีนัก

“ประธานหลิน..” ผู้จัดการจางฝืนยิ้ม พยายามจะอธิบาย เพิ่มเติม แต่หลินจงเหว่ยยกมือปัดเป็นการตัดบท “ผมให้ โอกาสคุณอีกครั้ง ตอนนี้รีบไปเอาภาพกล้องวงจรปิดมาให้ ผมดู! ไม่งั้นเรื่องนี้ไม่จบง่ายๆแน่!”

คำพูดของหลินจงเหว่ยแฝงการข่มขู่กลายๆ แต่ผู้จัดการ จางกลับทําท่าไม่ยี่หระออกมา: “ประธานหลิน ไม่ใช่ผมไม่ไว้ หน้าคุณ แต่เงื่อนไขของคุณมันทำได้ยากมากจริงๆครับ

“ผมบอกแล้วว่า กล้องวงจรปิดหลายวันก่อนก็เสียแล้ว แถมยังอยู่ในความดูแลของประธานหวางของเราด้วย นอกจากประธานหวางแล้ว คนอื่นไม่มีสิทธิ์ขอ

“งั้นก็ไปเรียกประธานหวางของพวกคุณมาก!” หลินจงเหว่ เริ่มโมโห

ผู้จัดการจางยิ้มน้อยๆ: “ขอโทษจริงๆครับ ประธานหลิน ประธานหวางของเราหลายวันก่อนไปดูงานที่เจียงหนานพอดี ไม่อยู่ในชางโจว ถ้าคุณจะขอดูกล้องวงจรปิด คงต้องรอ ประธานหวางกลับมาก่อน”

“คุณจงใจเป็นศัตรูกับผมใช่ไหม? ” สีหน้าของหลินจงเหว เข็นเยียบ ม ยังไงซะเขาก็เป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัท เฟิง เป็นคนระดับแนวหน้าของชางโจว แต่ผู้จัดการร้านอาหารตัวเล็กๆคนหนึ่งกลับไม่ไว้หน้าเขาสักนิด

“ไม่กล้าหรอกครับ ประธานหลิน ต่อให้ผมใจกล้ามากแค่ ไหน ก็ไม่กล้าเป็นศัตรูกับคุณหรอก” ผู้จัดการจางรีบขอโทษ ขอโพย ถึงท่าที่เขาจะดูนอบน้อม แต่ใครๆก็ดูออกว่า เขา แอบซ่อนสีหน้าดูถูกเอาไว้

อันที่จริงจางอานตอนนี้ไม่เห็นหลินจงเหว่ยในสายตาจริงๆ โดยเฉพาะเมื่อรู้เรื่องราวทั้งหมดแล้ว เขายิ่งมั่นใจที่จะต่อกร กับหลินจงเหว่ย

หลินจงเหว มีอำนาจพอดูในชางโจว แต่เถ้าแก่ของร้าน อาหารหงส์ขาวไม่อ่อนเลยเหมือนกัน เขาเคยได้ยินหวางไห่ค ว่าซึ่งเป็นประธานจัดการธุรกิจร้านอาหารหงส์ขาวบอกว่า ร้านอาหารหงส์ขาวเป็นธุรกิจของผู้สืบทอดตระกูลใหญ่มาก ตระกูลหนึ่ง มีพื้นที่ในซางโจวถึงหนึ่งในสาม ต่อให้เงินหงซัง มาเจอผู้สืบทอดคนนี้ ยังต้องเคารพนอบน้อมเรียกอีกฝ่ายว่า นายน้อย

แล้วนับประสาอะไรกับหลินจงเหว่ย?

ดังนั้นสถานการณ์ตอนนี้คือ การเป็นศัตรูกับหลินจงเหว่ย เป็นเรื่องเล็ก แต่ถ้าทําลายชื่อเสียงร้านอาหารหงส์ขาว แล้ว ทําให้คุณชายตระกูลสูงคนนั้นไม่พอใจ นี่สิถึงจะเป็นเรื่อง ใหญ่จริงๆ!

เรื่องใหญ่เกี่ยวพันถึงชีวิตเชียวนะ!
ท่าที่เย่อหยิ่งไม่ดูตาม้าตาเรือของจางอานทำให้หลินจง เหว่ยโกรธจัด แต่เขาก็ทำอะไรจางอานตอนนี้ไม่ได้ หลินจงเหว่ยอดเหลือบตามองเฉินเฟิงไม่ได้ อยากดูว่าเขา

จะว่ายังไง

แต่เฉินเฟิงกลับถามออกมาดื้อๆว่า “ร้านอาหารหงส์ขาว เป็นธุรกิจของใคร?”

หลินจงเหว่ยอง ร้านอาหารหงส์ขาวเป็นธุรกิจของใคร อัน

นี้เขาไม่รู้จริงๆแฮะ


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ