ลูกเขยมังกร

บทที่ 144 รางวัล



บทที่ 144 รางวัล

เห็นจินลิ่วอานทำหน้าดูถูก อีกทั้งไม่ห้ามปรามลูกศิษย์ แม้แต่น้อย ซูเห้าหรันยิ่งโมโหหนัก

แต่ต่อหน้าคนเยอะแยะ เขาจะกราดเกรี้ยวไม่ได้ ได้แต่ข่ม กลั้นความโกรธ พูดเสียงต่ำว่า: “งั้นก็ประลองก่อน ประลอง เสร็จ ค่อยไปงานเลี้ยง”

จากนั้นทั้งหมดเดินเข้าไปในสำนัก

พอเข้าสำนัก ซูเห้าหรันก็เห็นเฉินเฟิงที่ยืนอยู่กับซูหลิงยู่ ทันใดนั้นซูเห้าหรันโกรธมาก หันไปตวาดจ้าวตงอย่างไม่พอใจ ว่า: “เจ้าเด็กนั่นทำไมยังอยู่? ให้เธอไล่เขาไปแล้วไม่ใช่หรือ ไง?”

จ้าวตงอึ้ง ศิษย์น้องทำไมยังไม่ไล่มันไปอีก

“อาจารย์ ผมจะไปไล่เขาไปเดี่ยวนี้ครับ” จ้าวตงพูดพลาง จะเดินเข้าไป

ซูเห้าหรันกลับโบกมือ “ไว้ก่อน ให้เขายืนอยู่นั่นละกัน ดู การประลองเสร็จ เขาจะได้รู้ว่าตัวเองคิดเพ้อฝันเกินไป”

“ครับ อาจารย์” จ้าวตงพยักหน้า เขารู้ดีว่า การที่ซูเห้าห รันทำแบบนี้เพื่อช่วยเฉินเฟิง และเชื่อว่าถ้าเฉินเฟิงดูดีๆ จะรู้ ได้เลยว่าลูกศิษย์ของจินลิ่วอานน่ากลัวแค่ไหน ถึงเวลาเขาคง ไม่กล้าเข้าไปหาเรื่องจินลิ่วอานแน่ จะมีแต่หนีไปได้ไกลแค่ ไหนเท่านั้น

“คุณอา เริ่มแล้วเริ่มแล้ว พวกเราไปดูกันเถอะ” ซูหลิงยู่ ค่อนข้างตื่นเต้น ดึงแขนเฉินเฟิงวิ่งไปทางเวที
เฉินเฟิงรับรู้ได้ถึงความนุ่มหยุ่นที่แนบแขนอยู่แล้วอดรู้สึก หน่ายใจไม่ได้ แม่สาวน้อยนี่ไร้เดียงสาหรือแกล้งกันแน่ หลัก การว่าหญิงชายไม่ควรใกล้ชิดกันนี่ไม่เข้าใจหรือไง?

เวทีประลองถูกจัดไว้กลางสถานที่ฝึกวิทยายุทธ เพราะ เป็นเวทีสำหรับประลองยุทธโดยเฉพาะ ดังนั้นเวลาที่จะใหญ่ กว่าเวทีทั่วไปอยู่มาก พื้นที่ราวห้าสิบตารางเมตรได้ แถมยังใช้ เหล็กปูเป็นพื้นเวทีอีก ต่อให้จอมยุทธ์ใช้สุดพลังก็ไม่มีทาง ทำให้เวทีเป็นรอยได้แน่

ใต้เวทีมีที่นั่งหลายที่ แต่ว่าในตอนนี้มีแค่ซูเห้าหรันกับจิน ลิ่วอาน ที่นั่งอยู่ ลูกศิษย์คนอื่นยืนด้านหลังพวกเขา

ซูเจ้าหรันและจินลิ่วอานต่างพูดคุยหยอกล้อกัน ลูกศิษย์

ของทั้งสองเลยจัดลำดับการขึ้นประลองกัน

แต่ละฝ่ายออกมาห้าคน และผลัดกันขึ้นเวทีประลองตัว ต่อตัว ใครแพ้ลงจากเวที คนชนะสามารถอยู่บนเวทีต่อเพื่อ รับมือคู่ต่อสู้คนต่อไป หรือจะเลือกลงจากเวที ให้คนอื่นขึ้นไป แทนก็ได้

ฝ่ายไหนประลองครบห้าคนก่อนให้ถือว่าเป็นฝ่ายแพ้ กฎ กติกาง่ายมาก และรางวัลที่ทั้งสองฝ่ายตกลงกันไม่ใช่พวกของมีค่าใดๆ

แต่เป็นพื้นที่ในการรับสมัครนักเรียนในเมืองจินหลิงต่างหาก ผู้ชนะจะสามารถรับสมัครนักเรียนได้จากหลายพื้นที่มาก ขึ้นในเมืองจินหลิงเพื่อขยายขนาดสถานที่ฝึกวิทยายุทธ ผู้แพ้ จะทำได้แค่หลบอยู่ในมุมและต้องยอมยกพื้นที่ในส่วนของตัว เองให้อีกฝ่าย

รางวัลนี้ ทั้งสองฝ่ายต่างเห็นพ้องต้องกันดี ไม่นานเลยสรุปได้ว่ารางวัลของปีนี้จะเป็นเขตไหน

จากนั้นจ้าวตงยกสัญญามาไว้หน้าซูเห้าหรัน ศิษย์คนโต ของจินลิ่วอานก็หยิบสัญญาฉบับเดียวกันออกมาวางต่อหน้า อาจารย์ตัวเอง หลังจากนั้นขอเพียงทั้งคู่เซ็นสัญญา ข้อตกลง นี้จะมีผลทันที

ซูเห้าหรันหยิบสัญญามาไว้ในมือและปราดตามอง เตรียม พร้อมจะเซ็นชื่อตัวเอง

แต่ตอนนี้จินลิ่วอานกลับหัวเราะพลางว่า: “พี่เห้าหรัน พวก เราประลองกันมานานเกือบค่อนชีวิตแล้ว ผลัดกันแพ้ผลัดกัน ชนะมาตลอด พื้นที่ในการรับสมัครนักเรียน ปีนี้เป็นของผม ปี หน้าก็เป็นของพี่ พี่ไม่คิดว่าแบบนี้มันดูน่าเบื่อไปหน่อยหรอ?”

“งั้นความหมายของพี่ลิ่วอานคืออยากเพิ่มรางวัล?” ซูเห้าห รันก็เป็นคนฉลาด เขาเข้าใจความหมายของจีนลิ่วอานทันที ก็ จริง จินลิ่วอานกว่าจะบรรลุระดับต้นของอ้านจิ้งได้แทบหืดขึ้น คอ ก็ต้องอยากอาศัยโอกาสนี้หาประโยชน์เพิ่มสักหน่อย

จินลิ่วอานพยักหน้า ก่อนเหล่ไปทางซูหลิงยู่ที่กำลังพูดกับ เฉินเฟิงอยู่ไม่ไกลนัก พลางหัวเราะว่า: “พี่เห้าหรัน ลูกสาวพี่มีคู่ หมั้นหรือยัง?”

“หลิงยู่?” ซูเห้าหรันใจกระตุก เจ้าจินลิ่วอานคงไม่คิดจะ สนใจลูกสาวเขาหรอกนะ

“ตอนนี้ยังไม่มี” ซูเห้าหรันตอบหน้านิ่ง ถึงเขาจะเดาได้ว่า อีกฝ่ายคิดอะไร แต่ก็หลอกจินลิ่วอานไม่ได้แน่ตอนนี้ เพราะ เรื่องแบบนี้แค่สืบนิดหน่อยก็รู้ความจริงได้ไม่ยาก

จินลิ่วอานผงกหัวเล็กน้อยพลางว่า: “ลูกชายผมก็โสด เหมือนกัน”
“ความหมายของพี่ลิ่วอานคือ?” พอได้ยืนจีนลิ่วอานพูดว่า ลูกชายตัวเอง เขาถึงโล่งอกไปหน่อย เขาเคยเจอลูกชายของ จินลิ่วอานมาก่อน ถึงจะไม่ใช่จอมยุทธ์ แต่กลับมีพรสวรรค์ใน เชิงการค้า เรียกได้ว่ามีหัวการค้าดีทีเดียว อายุยังน้อยก็สร้าง รากฐานธุรกิจของตัวเองแล้ว บริษัทเขาเมื่อปีก่อนขึ้นแท่นที่ อเมริกา ถือว่าคู่ควรกับลูกสาวเขาอยู่

“พี่เห้าหรัน เรามาดองกันดีไหม” จินลิ่วอานพูดเป้าหมาย ตัวเองออกมาเลย พรสวรรค์ของซูหลิงยู่เขารู้ดี เรียกได้ว่าเป็น อัจฉริยะที่หมื่นคนถึงจะมีสักคน ถ้าเป็นผู้ชายล่ะก็ โลกจอม ยุทธ์จินหลิงนี่คงมีจอมยุทธ์มากมายแย่งเธอเป็นลูกศิษย์แน่

แต่เพราะเป็นผู้หญิง ดังนั้นซูหลิงยู่เลยไม่ค่อยมีใครสนใจ ถามถึงเท่าไหร่ แต่จินลิ่วอานอยากลองดู เขาไม่ซีเรียสหรือ แบ่งแยกชายหญิงเท่าไหร่ ถ้าซูหลิงยู่จะแต่งเข้าบ้านจิน เป็น คนบ้านเขาแล้ว ถ้าเขาอยากจะฝึกฝนซูหลิงยู่ให้ดีขึ้น ต่อไป หลังจากเขาตาย บ้านจินก็จะไม่ถึงกับขาดคนคุ้มครอง

“พี่ลิ่วอานผมสนับสนุนความคิดที่จะดองกันจริงๆนะ แต่พี่ คงไม่รู้ วัยรุ่นสมัยนี้ชอบเรื่องอิสระในการเลือกคู่ครอง ไม่ เหมือนสมัยพวกเรา พ่อแม่สามารถมีสิทธิ์ได้เต็มที่ ดังนั้นเรื่อง นี้ผมจะถามความเห็นลูกสาวก่อน” ซูเห้าหรันยิ้มบอก เขาไม่ ปฏิเสธความคิดที่จะดองกับบ้านจิน เพราะจินลิ่วอานตอนนี้ เป็นจอมยุทธ์อ้านจิ้ง แถมเขายังแข็งแรง ต่อไปอาจจะไปได้ อีกขั้นก็ได้ ถึงตอนนั้นบ้านจินจะเป็นตระกูลอันดับต้นๆของจิน หลัง และการที่ซูหลิงยู่ได้แต่งเข้าบ้านจินก็ถือว่าได้อาศัย ใบบุญจะแสดงให้เห็นว่าเขาอ่อนให้จีนลิ่วอาน

ดังนั้นเลยบอกว่าจะถามความเห็นลูกสาว

ไม่นาน ซูหลิงยู่ถูกเรียกตัวมา

“อาจิน สวัสดีค่ะ” ซูหลิงยู่ยิ้มหวาน เธอมักทำตัวว่าง่ายน่า รักต่อหน้าคนนอกเสมอ

“หลานหลิงยู่ สวัสดีจะ” จินลิ่วอานยิ้มพยักหน้า บอกถึง ความพอใจในตัวซูหลิงยู่ สวย มีแวว และยังไร้เดียงสา พรสวรรค์จอมยุทธ์สูง ลูกสะใภ้แบบนี้ต่อให้จุดโคมไฟหาก็ หาไม่เจอ

“พ่อคะ เรียกหนูมามีอะไรหรอ?” ซูหลิงยู่หันไปมองซูเห้าห รัน

ซูเห้าหรันไม่ได้บอกตรงๆ แต่ทำทีเลียบเคียงถาม: “หลิงยู่ เคยเจอลูกชายอาจินไหม?”

“ลูกชายอาจิน?” ซูหลิงยู่ขมวดคิ้ว ส่ายหน้าว่า: “เหมือน จะเคยเจอครั้งหนึ่ง”

“งั้นลูกเห็นว่าลูกชายอาจินเป็นยังไงบ้างล่ะ?” ซูเห้าหรัน ยิ้มถาม


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ