ลูกเขยมังกร

บทที่ 503 รุ่นพี่จาง



บทที่ 503 รุ่นพี่จาง

“อ้านจิ้งชั้นต้น”

เงินเฟิงขมวดคิ้วก่อนตอบกลับเสียงเรียบ

ในวงการศิลปะการต่อสู้ การเอ่ยถามลำดับขั้นของผู้อื่นถือ เป็นเรื่องที่เสียมารยาท

จางเทียนเซอเป็นถึงศิษย์ของสำนักใหญ่อย่างภูเขาหลงหูน่า จะรู้กฎเกณฑ์ข้อนี้ดี

แต่ถึงจะรู้หลักเกณฑ์ข้อนี้เขากลับยังถามคำถามนี้อีก นั่น แสดงถึงว่าจางเทียนเซอมีข้อกังขากับเขา

แต่จะเนื่องด้วยสาเหตุใด เฉินเฟิงก็พอคาดเดาได้บ้างและคาด ว่าคงจะเป็นประวัติเบื้องหลังของจอมยุทธ์ฝึกเองอย่างเขา แน่นอน

ในวงการศิลปะการต่อสู้ ตำแหน่งของจอมยุทธ์ฝึกเองนั้นไม่ ได้สูงส่งมากนัก

จอมยุทธ์ฝึกเองส่วนใหญ่ก็คือของเหลือที่ถูกเนรเทศออกจาก

อาณาสํานักต่างๆ พวกเขาไม่มีพรสวรรค์ในการฝึกฝนวิชาและไม่มีต้นทุนที่เพียง

พอในการฝึกฝน มีเพียงแต่หัวใจอันมุ่งมั่นในการต่อสู้เท่านั้น ทว่าการฝึกฝนการต่อสู้มีแค่อุดมการณ์อย่างเดียวนั้นไม่พอ
คุณต้องมีพรสวรรค์ มีต้นทุน มีอาจารย์…….

เมื่อมีสิ่งเหล่านี้คุณถึงจะแข็งแกร่งกว่าคนอื่น ถึงจะพัฒนาไป ยังลำดับขั้นที่สูงขึ้นได้

หากไม่มีสิ่งเหล่านี้ คุณก็เป็นได้เพียงชนชั้นล่างของวงการ

ศิลปะการต่อสู้

จอมยุทธ์ฝึกเองจึงเป็นชนชั้นล่างสุดในวงการศิลปะการต่อสู้

โดนองค์กรทางการรังเกียจ โดนอาณาสำนักดูถูก…….. จะเรียกจอมยุทธ์ฝึกเองว่าเป็นลูกที่พ่อแม่ไม่รักก็ว่าได้

จากการที่จางเทียนเซอกล้าถามลำดับขั้นของจอมยุทธ์ฝึกเอง อย่างเขาโดยเปิดเผย สามารถแสดงให้เห็นว่าในวงการศิลปะ การต่อสู้ ชนชั้นของจอมยุทธ์ฝึกเองนั้นต่ำต้อยขนาดไหน

“อ้านจิ้งชั้นต้นหรือ?”

น้ำเสียงของจางเทียนเซอแฝงไว้ด้วยความสงสัย “คุณอยู่ใน ขั้นอ้านจิ้งชั้นต้นจริงหรือ?

“จริงแท้แน่นอน” เฉินเฟิงโกหกหน้าตาย ลำดับขั้นของเขา จริงๆคือ วงชั้นต้นต่างหาก ไม่ใช่อ้านจิ้งชั้นต้นอะไรหรอก

อ้านจิ้งชั้นต้นคือเรื่องที่เขาแต่งขึ้นมาเองเท่านั้น

ถึงจะเป็นเรื่องที่เขาแต่งขึ้นมามั่วๆแต่ก็เพียงพอที่จะทำให้จาง เทียนเยอตกตะลึงใต้

“เป็นจอมยุทธ์ฝึกเองแต่สามารถฝึกฝนจนถึงอ่านจึงขั้นต้นได้ในช่วงอายุเพียงเท่านี้ก็ถือว่าไม่เลวแล้วล่ะ” เมื่อรู้ตัวว่าตัวเอง เสียอาการจางเทียนเซองรีบทำตัวให้เป็นปกติ

ทว่าเงินเฟิงสามารถฝึกฝนจนถึงอ่านจึงขั้นต้นได้ในช่วงอายุ เท่านี้ไม่ใช่แค่ไม่เลวอย่างที่เขาพูดแล้วล่ะ

หากเรียกอย่างจริงจังหน่อยก็คงเป็นปีศาจ!

อัจฉริยะอย่างเขาที่มีสำนักคอยสนับสนุน แถมเจ้าสำนักยังมา สอนวิชาด้วยตัวเอง ในช่วงอายุยี่สิบห้าสิบหกก็ผ่านอ่านจิ้งชั้น กลางมาอย่างทุลักทุเล

ตอนนี้เขาใกล้จะสามสิบแล้วก็ยังคงอยู่ในขั้นบ้านจึงชั้นกลาง

แต่ถึงแม้ผ่านไปห้าปีเขาก็ยังไม่สามารถผ่านขั้นบ้านจิ้งชั้น

อยู่

กลาง แต่เขาก็ถือว่าเป็นหนึ่งในอัจฉริยะของภูเขาหลง

หากให้เงินเฟิงอยู่ในสภาพแวดล้อมเดียวกับเขา ยากที่จะรับ ประกันว่าเฉินเฟิงจะไม่สามารถทำได้ดีกว่าเขา

คิดมาถึงตรงนี้ จางเทียนเซอจึงเก็บท่าที่ดูถูกที่มีต่อเงินเฟิง

ถึงแม้ลำดับขั้นของเฉินเพิ่งจะไปหน่อย ทว่าพรสวรรค์ของ เฉินเฟิงก็เป็นที่ยอมรับได้ ในอนาคตเฉินเฟิงอาจจะมีโอกาสไป ถึงขั้นปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้ก็ได้

หากเงินเฟิงสามารถผ่านไปถึงขั้นปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้ จริงๆ..
สีหน้าของจางเทียนเชอเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาหันไปมอง เงินเฟิงอีกครั้งด้วยสีหน้าที่แฝงไว้ด้วยความปรารถนาดี “การ ต่อสู้ในวันพรุ่งนี้ คุณทำให้เต็มที่ก็พอ หากด้านฝั่งตรงข้ามไม่ไหว จริงๆก็ยอมแพ้เสีย อย่าฝืนตัวเองเด็ดขาด การฝืนตัวเองจะ เป็นการทำร้ายพื้นฐานของคุณ

อย่าฝืนงั้นหรือ?

สีหน้าของเงินเฟิงแปลกประหลาด จางเทียนเซอกำลังเป็น ห่วงตัวเขางั้นหรือ?

ทำไมท่าทีของเขาถึงเปลี่ยนรวดเร็วขนาดนี้?

ถึงแม้จะนึกสงสัยทว่าเงินเฟิงก็ยังไม่ได้แสดงออกมา เขาเอ่ย แกมหัวเราะ “ที่รุ่นพี่จางแนะนำเมื่อครู่ ผมจะจำไว้ หากพรุ่งนี้ผม ฝ่ายตรงข้ามไม่ได้จริงๆ ผมจะยอมแพ้

“อืม คุณคิดแบบนี้ได้ก็ดี” จางเทียนเซอพยักหน้ารับ เขาจึง พอใจมากกับท่าทีของเฉินเฟิง ให้ความรู้สึกเหมือนเด็กที่สั่งสอน ได้

“รุ่นน้องเฉิน บอกตรงๆเลยแล้วกัน ช่วงสำคัญของการต่อสู้ใน วันพรุ่งนี้ความจริงแล้วอยู่ที่ผมกับมหาปรมาจารย์ด้านกระบี่ คน ที่อยู่ในขั้นบ้านจิ้งชั้นต้นอย่างพวกคุณมีไว้เพื่อลดทอนพละกำลัง ของจอมยุทธ์ประเทศญี่ปุ่น”

“ยิ่งพวกคุณลดทอนพละกำลังจอมยุทธ์ของประเทศญี่ปุ่นได้ มากเท่าไหร่ โอกาสที่ผมและมหาปรมาจารย์ด้านกระบี่จะอยู่ จนถึงตอนสุดท้ายก็มีมากเท่านั้น”
“ดังนั้นพรุ่งนี้จอมยุทธ์ในขั้นบ้านจึงชั้นต้นอย่างพวกคุณ พยายามลดทอนพละกำลังจอมยุทธ์ของประเทศญี่ปุ่นให้ได้มาก ที่สุด เพื่อจะได้เพิ่มโอกาสชนะให้ผมและมหาปรมาจารย์ด้าน กระบี่”

สีหน้าของจางเทียนเขอแฝงไว้ซึ่งความภาคภูมิใจ คําพูดของ เขาถึงแม้จะตรงเกินไปจนทำให้คนฟังระคายหู แต่สิ่งที่เขาพูดคือ ความจริงทั้งนั้น

จอมยุทธ์จำนวนสิบคนที่สมาคมการค้าจงไห่เชิญมาในครั้งนี้ คนที่อยู่ในสายตาเขามีเพียงคนเดียวเท่านั้นซึ่งก็คือหวังเรียนม หาปรมาจารย์ด้านกระบี่

นอกจากหวังเฉียนแล้วจอมยุทธ์คนอื่นๆ ล้วนอยู่ในขั้นบ้านจิ้ง ชั้นต้น

ระหว่างอ้านจึงชั้นต้นและอ้านจิ้งชั้นกลาง ถึงแม้จะห่างกันแค่

ขั้นเดียว ทว่าสำหรับจอมยุทธ์แล้วระยะห่างเพียงแค่หนึ่งขั้นนี้กลับต่าง

กันราวฟ้ากับเหว นี่เป็นเส้นแบ่งระหว่างอัจฉริยะธรรมดากับสุดยอดอัจฉริยะ

สามารถผ่านเข้ามาถึงขั้นอ้านจึงชั้นกลางได้ก่อนอายุสามสิบปี ถือว่าเป็นสุดยอดอัจฉริยะ!

นี่คือความจริงที่ไม่อาจปฏิเสธได้

“รุ่นพี่จางวางใจได้ การต่อสู้ในวันพรุ่งนี้ ผมจะพยายามลดทอนพละกำลังจอมยุทธ์ของประเทศญี่ปุ่นอย่างสุดความ สามารถ” เงินเฟิงเอ่ยขึ้นอย่างจริงจัง จากคำพูดของจางเทียน เซอแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าอีกฝ่ายกำลังเช็คให้มั่นใจว่า บทบาทหลักนั้นเป็นของตัวเอง

แน่นอนว่าเงินเฟิงต้องไว้หน้าจางเทียนเซอเป็นธรรมดา

“ดีมาก” หน้าของจางเทียนเซอเต็มไปด้วยความพึงพอใจ เฉินเพิ่งจอมยุทธ์ฝึกเองคนนี้รู้ความมากกว่าที่เขาคาดคิดไว้

ตอนแรกเขาคิดที่จะแสดงอำนาจใส่เฉินเฟิง เพื่อให้เฉินเฟิง เห็นถึงระยะห่างระหว่างเขากับอีกฝ่าย แต่ตอนนี้ดูท่าทีแล้วคงไม่จำเป็นแล้วล่ะ

เพราะเงินเฟิงรับรู้ถึงระยะห่างระหว่างตัวเองกับเขาแล้ว

บทสนทนาระหว่างจางเทียนเซอกับเฉินเพิ่งได้ยินถึงหูของ เฟยทุกคำ ทว่า เฟยก็ไม่ได้เอ่ยคัดค้านแม้แต่น้อย เขาเพียงแค่ มองการแสดงของจางเทียนเซอด้วยสีหน้าแปลกๆตั้งแต่ต้นจน จบ เขาแปลกใจมากว่าถ้าหากจางเทียนเซอรู้ว่าจอมยุทธ์ฝึกเอง ที่อยู่หน้าตนนั้นแท้จริงแล้วอยู่ในขั้นบ้านจิ้งชั้นสุด จางเทียนเซอ จะมีสีหน้ายังไง?

หลังจากจางเทียนเซอเดินจากไป

ซึ่งถือก็อดที่จะถามเฉินเฟิงไม่ได้ “พี่เฉิน พี่อยู่ในขั้นบ้านจิ้ง ชั้นต้นจริงๆหรือ?” ถึงแม้เธอจะไม่ได้รู้เรื่องเกี่ยวกับจอมยุทธ์มากนัก แต่เธอก็รู้คร่าวๆว่าจอมยุทธ์แบ่งเป็นลำดับขั้นไหนบ้าง

จากการวิเคราะห์ของตระกูล มีความเป็นไปได้มากว่าลำดับ ชั้นของเงินเพิ่งจริงๆ คืออ้านจึงขั้นสุด ไม่ใช่อ่านจึงชั้นต้นแน่นอน

หากอยู่ในขั้นบ้านจึงขั้นต้นจริงๆ ตระกูล ไม่มีทางเอาเป็นเพี งมาเป็นไม้ตายแน่

คนนอกต่างก็คิดว่าไม้ตายของตระกูลในครั้งนี้คือจางเทียน เซอ มีเพียงแค่คนในระดับสูงของตระกูลเท่านั้นที่รู้ว่าเฉินเฟิง คือไม้ตายสำคัญที่ตระกูลจัดเตรียมไว้สำหรับการต่อสู้ในครั้งนี้

“พรุ่งนี้เธอก็รู้เองแหละ”

เงินเฟิงยกยิ้ม เขาอยู่ในขั้นบ้านจิ้งชั้นต้นจริงหรือไม่ บนเวที พรุ่งนี้ก็ได้รู้กันเอง

มาอธิบายกันตอนนี้ก็ไม่มีความหมายอะไร

เมื่อไล่คู่ชิงฉือออกไป บริเวณรอบด้านก็เงียบสงบลง

ทว่าเงินเฟิงไม่ได้กลับเข้าห้องพัก เมื่อสักครู่ตอนขึ้นเรือ เขา เห็นร่างคุ้นตาบริเวณท่าเรือ ตอนนี้เขาอยากจะพิสูจน์ว่าเมื่อสัก ครเขาไม่ได้ดูผิดไป

หลังจากเดินวกไปวนมา เฉินเฟิงก็เดินลงไปยังดาดฟ้าของชั้น

เมื่อเทียบกับดาดฟ้าของชั้นบนสุด มุมมองดาดฟ้าของชั้นสี่

แคบกว่าไม่น้อย
ทว่าจํานวนคนบนดาดฟ้าของชั้นที่มีมากกว่าชั้นบนสุดอย่าง

มีพนักงานต้อนรับหน้าตาสะสวย มีบริกรที่สวมชุดยูนิฟอร์ม ดี แน่นอนว่าที่มากกว่าก็คือนักท่องเที่ยวที่สวมชุดลำลองสบายๆ


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ