ลูกเขยมังกร

บทที่ 883 ตระกูลเซียนถูกโจมตี



บทที่ 883 ตระกูลเซียนถูกโจมตี

นี่ก็ถือว่าเป็นความคิดที่ดี แต่ว่าความหวังนั้นกลับริบหลี่อย่าง มาก เพราะหากไม่มีพี่น้องตระกูลฉาง บางทีความหวังนี้ก็คงจะ ไม่มีด้วยซ้ำ

แต่ทางด้านเซียนซิวที่กำลังมองดูเฉินเฟิงครุ่นคิด ก็ฉุกคิดเรื่อง ของพี่น้องตระกูลฉางขึ้นมาได้ เขาจึงกล่าวถาม : “คุณยังมี เรื่องอะไรที่อยากถามอีกหรือเปล่า ?

ทันทีที่เห็นเฉินเฟิงส่ายหน้า เขาจึงรีบถามอีกครั้งอย่างรีบร้อน – “อย่างนั้นตามที่คุณเคยบอกเอาไว้ ตอนนี้ถึงคราวที่คุณจะ ต้องบอกผมเรื่องความสัมพันธ์ของคุณและพวกเธอแล้ว”

เฉินเฟิงครุ่นคิดแล้วเรื่องนี้ไม่ได้มีผลกระทบอะไรกับพี่น้องตระ กุลฉางอยู่แล้ว จึงละเว้นเรื่องนี้เอาไว้ก่อน จากนั้นก็หันไปยิ้มใส่ เขียนชิว : “ที่จริงแล้วความสัมพันธ์ของพวกเรานั้นไม่ธรรมดา”

“แล้วมันไม่ธรรมดายังไง คงจะไม่ใช่ว่าคุณกับพวกเธอเป็น ” เขียนชิวมองไปยังเฉินเฟิงด้วยความซึ้ง

แต่ว่าเฉินเฟิงกลับไม่พูดอะไร เพียงแต่กระตุกรอยยิ้มออกมา ซึ่งเป็นรอยยิ้มที่แอบแฝงไปด้วยความหมายมากมาย ก่อนที่เขาจะลุกขึ้นเดินจากไป

และหลังจากครั้งนั้นสายตาของเชียนชิวที่มองไปยังพี่น้อง ตระกูลฉางก็เปลี่ยนไปอย่างน่าประหลาด เขาไม่ได้มีความกระตือรือร้นดังเช่นเคย อีกทั้งบางครั้งก็เหมือนจะพยายามหลบ สายตาอีกด้วย

และสิ่งนี้ทำให้พวกเธอสองพี่น้องรู้สึกแปลกใจอย่างมาก แต่ ว่าทางด้านหลงหลินไม่คิดที่จะไปสักถามอะไรอยู่แล้ว จะมีก็แต่ เพิ่งหันมาถามเฉินเฟิงด้วยความสงสัย : “ทำไมเขาถึง เปลี่ยนไปราวกับคนละคนแบบนั้น คุณไปทำอะไรเขาใช่หรือ เปล่า ? ”

เฉินเฟิงยิ้มแห้งออกมา “ผมจะไปรู้ได้อย่างไร เรื่องนี้มัน เกี่ยวอะไรกับผมด้วย ผมไม่ใช่พยาธิในกระเพาะเขาสักหน่อย

ทว่าเพิ่งกลับไม่เชื่อ “ที่นี่ก็มีแต่คุณเท่านั้นที่จะทำอะไรเขา ได้ ไม่ใช่คุณ แสดงว่าเป็นพวกเราสองคนนั้นสิ ! พูด บอกความ จริงมาเดี๋ยวนี้”

แต่แน่นอนว่าเฉินเฟิงไม่กล้าบอกเรื่องที่ตัวเองไปหลอกเขียนชิ

วกับเธออยู่แล้ว

และเป็นเพราะสีหน้าของนายท่านเขียนที่ดีขึ้นอย่างมาก จึง ทำให้ทุกคนในตระกูลเชียนรู้สึกตื่นเต้นอย่างมาก ราวกับได้เห็น นายท่านตื่นขึ้นมาแล้วอย่างนั้น

วันนี้เซียนสวนยี่เข้ามาเยี่ยมดูพวกเขาโดยเฉพาะ พร้อมกับ กล่าวพูดแสดงความห่วงใยไม่กี่ประโยค ก่อนจะขอตัวลาไปอีก ครั้ง

หลังจากที่เขาจากไป เพิ่งซีก็เดินเข้าไปนั่งยังม้านั่งหินภายใน ลานบ้านด้วยความเบื่อหน่าย
เฉินเฟิงมุ่งหน้าเข้าไปหาเธอพลางชวนคุย : “น่าเบื่อมากหรือ ไง? พี่สาวของคุณทำงานหนักขนาดนั้น ทำไมคุณถึงไม่เรียนรู้ อะไรจากเธอบ้างล่ะ

ถึงแม้ว่าจะเป็นการเดินทางออกมาด้านนอก แต่หลงหลินมัก จะนําเอาทักษะการแพทย์ของตัวเองติดตัวมาด้วยเสมอ ส่วนใน เรื่องเข้าใจผิดระหว่างเธอและเฉินเฟิงก็ดูเหมือนจะถูกปล่อยผ่าน ไปเสียแบบนี้ เพราะในเมื่อหลงหลินไม่พูด ทางด้านเฉินเฟิงเองก็ ยิ่งไม่กล้าที่จะไปพูดอะไร และแบบนั้นจึงทำให้ระหว่างทั้งสอง เหมือนมีอะไรบางอย่างมาขวางกั้นเอาไว้ พร้อมทั้งยิ่งทำให้ ความสัมพันธ์ของทั้งสองดูห่างไกลออกไปเรื่อยๆอีกด้วย

เพิ่งตอบกลับอย่างเบื่อหน่าย : “ในเมื่อมีพี่สาวคอยดูแลอยู่ แล้ว ต่อให้ฉันจะดูแลมากแค่ไหน ก็ไม่ต่างอะไรกับการมีพี่สาว สองร่างเท่านั้น ซึ่งหากเป็นอย่างนั้นมันก็ไม่มีความหมายอะไร อยู่ดี”

เฉินเฟิงที่ฟังเธอพูดก็พลันนึกขึ้นมาว่าหากมีหลงหลินสอง คนในเวลาเดียวกัน อย่างนั้นในช่วงฤดูร้อนคงไม่จําเป็นต้องเปิด เครื่องปรับอากาศแล้ว แค่ตามติดพวกเธอก็พอแล้ว

เขาตอบกลับด้วยรอยยิ้ม: “คุณพูดแบบนี้ก็เพราะต้องการ หาเหตุผลไว้งานมากกว่า”

เพิ่งเองก็ยิ้มออกมา “ถ้าอย่างนั้นคุณคิดว่าพี่สาวดีหรือว่า ฉันดีกว่า? ”

“แน่นอนว่าต้องเป็นคุณอยู่แล้ว นิสัยก็ดีมากๆ ด้วย” เฉินเฟิงที่จําเป็นต้องคิดอะไรก็ตอบออกมาทันที เพราะว่าถือเป็น คำถามมาตรฐาน และมันไม่ตอบอื่นอยู่แล้ว

แต่สีหน้าของเฟิง ด้วยซ้ำ แสดงว่ากําลังหลอกอยู่แน่นอน เป็นคนโกหกอยู่วัน ยังค่ำ ไม่ความจริงใจสักนิด

เฉินเฟิงจึงเพียงตอบกลับอย่างเอือมระอา เรื่องไม่ จําเป็นต้องคิด ผมก็สามารถตอบออกมาเร็วแบบอยู่แล้ว”

เพิ่งซีถามด้วยความสงสัย “เป็นอย่างนั้นจริงหรอ?

แน่นอนแล้วสิไม่อย่างนั้นหากผมใช้เวลาคิดนานตอบ ก็ว่าอยู่” เพิ่งยิ้มออกราวกับบางอาจจะเป็นอย่างเฉินเฟิงพูด

แบบนั้นจริง

ในลมพัดผ่าน ส่งเสียงซู่ซ่าดังขึ้นมา

ทุกอย่างเป็นธรรมชาติเหมือนจะไม่มีอะไร แต่เฉินกลับ ที่ปกติ ซึ่งเป็นความสัญชาตญาณ

แต่ไม่ทันเขาจะวางใจ ประกายแวบหนึ่งเข้ามา ทางเฟิงซี

เฉินเฟิงเห็นไปด้านหลังของเขา เพื่อช่วยปลายดาบนั้นแทนเธอ
ปลายดาบนั้นถอยหลังออกไปหลายก้าว จึงทำให้เฉินเฟิง สามารถมองเห็นเขาคนนั้นได้อย่างชัดเจน

ชายคนนั้นเป็นคนร่างเตี้ย สวมชุดสีดำทั้งตัว พร้อมกับถือดาบ ยาวหนึ่งเล่มไว้ในมือ ทว่าใบหน้านั้นเป็นคนที่เฉินเฟิงไม่เคยเจอ มาก่อน

แล้วเหตุใดเขาถึงต้องการลอบฆ่าเพิ่งด้วย เพียงแค่ครู่เดียว เฉินเฟิงก็เข้าใจขึ้นมา

นั่นเป็นเพราะว่าเขาเพียงแค่ไม่ต้องการให้นายท่านเซียนพื้น

ขึ้นมาก็เท่านั้น

แต่ยังไม่ทันที่เฉินเฟิงจะได้วิเคราะห์อะไรเพิ่มเติม ดาบเล่มนั้น ก็โฉบฉวยไปเข้ามาราวกับงูพิษ เดิมที่ยังมีความน่าเกรงขาม อย่างมาก แต่เมื่อดาบยาวนั้นที่อยู่ในมือของชายร่างเตี้ยก็กลับ กลายเป็นสิ่งที่น่าสยดสยอง

เพราะดาบแล้วดาบเล่าที่พุ่งเข้า ล้วนพยายามจะแทงฟันไปยัง จุดสําคัญบนร่างกาย และหัวใจ

ซึ่งการโจมตีนั้นมีความคล้ายคลึงกับหนูในท่อที่คอยสร้าง ความน่ารำคาญใจให้กับผู้คน แต่กลับไม่มีวิธีการกำจัดมันออก ไปได้สักที

โดยเฉินเฟิงก็ได้เพียงแต่พยายามในการสกัดการโจมตีเหล่า นั้น ทั้งยังไม่มีความคิดที่จะไปโจมตีอีกฝ่ายกลับเลย ดังนั้นจึง ทำให้ตอนนี้อีกฝ่ายไม่สามารถเอาเปรียบเขาได้เลย
เพิ่งซีได้แต่มองดูด้วยกังวลใจ ทว่าเป็นเพราะว่าเธอไม่มีความ รู้วิชาต่อสู้ใดๆ เลย ดังนั้นเมื่อถูกเฉินเฟิงผลักให้ถอยหลังไป เธอ ก็ยังทำได้เพียงแค่หลบอยู่อีกด้านคอยจับตาดูเท่านั้น

แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังคงเป็นกังวลในตัวเฉินเฟิงอย่างมาก

แต่ในขณะที่เฉินเฟิงกำลังต่อสู้กับเขาคนนั้นอยู่นั้น ภายใน ห้องของหลงหลินก็มีเสียงดังทะลุออกมา ราวกับว่าหลงหลิน กำลังร้องเจ็บปวดอย่างนั้น เพิ่งที่ได้ยินเสียงก็ไม่กล้าที่ชะล่าใจอยู่ต่อ จึงรีบวิ่งเข้าไปยัง

ห้องของหลงหลิน

ส่วนเฉินเฟิงที่ได้ยินเสียงนั้น ในเวลาเดียวกัน แต่ว่ายังไม่ สามารถจัดการอีกฝ่ายได้สักที ในใจของเฉินเฟิงก็ร้อนรนมาก ขึ้น

ใจเขาตื่นตระหนก พร้อมกับไม่มั่นใจว่าที่เพิ่งเคยบอกว่า อาการเจ็บปวดภายหลังนั้นของเขาสามารถหายได้เร็วมากขึ้น เป็นเรื่องจริงหรือเปล่า ก่อนที่เขาจะตัดสินใจดึงเอาวิธีย้อนพลัง เพื่อเสริมกำลังออกมาใช้โดยตรง ทันใดนั้นทั้งความเร็วและ ความแข็งแกร่งก็ดูเหมือนจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก จนกลายเป็นพลัง สังหารขึ้นมา

ซึ่งในตอนนั้นชายที่เป็นเหมือนหนูพุ่งทะยานเข้ามาอีกครั้ง แต่ เขาก็ไม่ได้เบามือเหมือนตอนแรกเริ่มอีกแล้ว เฉินเฟิงแทบจะไม่ ให้โอหาสให้เขาได้ถอยหลังไปตั้งหลักเลยแม้แต่น้อย และในทุก ครั้งที่เข้าใกล้เขาเฉินเฟิงก็พยายามที่จะฉีกเนื้อเขาออกเป็นชิ้นๆ
เมื่อผ่านไปเพียงไม่กี่กระบวนท่า ใบหน้าของชายร่างเตี้ยคน นั้นก็ไม่เหลือเค้าโครงเดิมอีกเลย อีกทั้งบนร่างกายก็เหมือนจะไม่ เหลือส่วนไหนที่มีภาพสมบูรณ์อีก

จนกระทั่งเขาตายไป เฉินเฟิงถึงค่อยยอมปล่อยตัวเขา แต่ใน ระหว่างการต่อสู้เมื่อสักครู่นั้นกลับใช้เวลาเพียงหนึ่งนาทีเท่านั้น

แต่ถึงแม้จะเป็นแค่หนึ่งนาทีเท่านั้น แต่ก็มากพอที่จะสามารถ ทําเรื่องมากมายได้ อย่างเช่นการฆ่าคนหนึ่งคน

ในขณะเดียวกันเฉินเฟิงก็ได้กลิ่นเลือดโฉยออกมา เขาจึงรีบ วิ่งทะยานเข้าไปในห้องหลงหลิน ปรากฏว่าตอนนี้หลงหลินได้ฟุบ ลงไปกับพื้นเรียบร้อยแล้ว ส่วนเพิ่งซีก็กำลังถูกเขาคนนั้นกดไว้ กับพื้น

เฉินเฟิงวิ่งเข้าไปหาชายที่มีมีดอยู่ในมือคนนั้นโดยไม่พูดอะไร สักค่า และหลังจากการใช้วิธีย้อนพลังเพื่อเสริมกำลัง ชายคนนี้ก็ ดูเหมือนจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเฉินเฟิงอีกต่อไป

แล้วเกิดโศกนาฏกรรมอันโหดร้ายแบบเดียวกันนั้นก็ได้เกิด ขึ้นกับชายคนนี้อีกครั้ง พร้อมกับเสียงกรีดร้องที่ดังออกมาอย่าง ต่อเนื่อง

เพิ่งที่เห็นอย่างนั้นเกิดรู้สึกกลัวอย่างมาก เธอไม่เคยได้เห็น ด้านมืดที่น่าสะพรึงกลัวแบบนี้ของเฉินเฟิงมาก่อน เขาเป็นเหมือน กับปีศาจตนหนึ่ง ปีศาจที่กระหายเลือดและโหดเหี้ยม

ซึ่งในตอนนี้ดวงตาแดงก่ำคู่นั้นก็กำลังจ้องมองมาที่เธอ เธอ เธอ คิดเลยว่าตัวเองคงจะต้องถูกเฉินเฟิงฆ่าตายแน่นอน ความหวาดกลัวนั้นทําให้เธอไม่กล้าที่จะกรีดร้องออกมาเลย

เวลานี้ถือเป็นช่วงเวลาที่ยากเย็นที่สุดในการควบคุมตัวเอง ของเฉินเฟิง และการฆ่าก็คือทุกอย่างของเขา แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มี หนทางควบคุมมันได้เลย ซึ่งในตอนนั้นเองที่เฉินเพิ่งหันมาตะ โกนใส่เฟิง : “รีบไปซะ รีบออกไปจากตรงนี้เร็วเข้า

ทว่าสภาพของเพิ่งซีในตอนนี้แค่จะลุกขึ้นยืนยังนับว่าเป็นเรื่อง ยากลำบากอย่างมาก “ผมไม่รู้ว่าจะควบคุมได้อีกนานแค่ไหน คุณรีบไปเร็วเข้า ตอน

นี้ผมไม่ใช่ตัวเองอีกแล้ว” เฉินเฟิงตะโกนออกมาอีกครั้ง

ในที่สุดเพิ่งซีก็รู้ตัวว่าตัวเองจะต้องลุกขึ้นยืนเสียที เธอพยุงตัว เองจากการเกาะกำแพงที่อยู่ข้างๆ พร้อมกับพยายามอย่าง ลำบากกว่าจะลุกขึ้นมาได้

ทั้งที่เฉินเฟิงที่อยู่ตรงนั้นดูเหมือนจะเจ็บปวดทรมานอย่างมาก แต่เพิ่งซีก็ไม่กล้าเข้าไปดู


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ