ลูกเขยมังกร

บทที่916 หญิงสาวตระกูลโจว



บทที่916 หญิงสาวตระกูลโจว

แต่โจวฟางกลับพูดดูถูก: “จ่อเอื้อยังเด็กมากนัก หมาป่า ทะเลทรายคนนี้ไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไปหรอกนะ”

โจวจื่อเอ๋อยิ้มจางๆ : “สิ่งที่ลุงสี่พูดนั้น จื่อเอ่อเข้าใจเป็น อย่างดี แต่ว่าพวกเรายังมีตระกูลไปด้วยไม่ใช่หรอคะ ? ซึ่งจื่อเอ อเองก็คิดว่าเรื่องนี้ตระกูลไปเองก็รู้ดีเหมือนกัน ถ้าหากพวกเขา มาเพื่อแค่จะติดต่อกับพวกเราแค่นี้เท่านั้น อย่างนั้นก็คงจะข่มขู่ อะไรหมาป่าทะเลทรายไม่ได้หรอกค่ะ

โจวสุนคิดตามคำพูดของโจวจื่อเอ๋อ พลางพูดต่อ : “จ่อเอื้อ คิดว่าตระกูลไปนั้นมีการวางแผนการใหญ่เอาไว้แล้ว แถมยัง สามารถที่จะถอนรากถอนโคนหมาป่าทะเลทรายได้ด้วยงั้นสินะ ”

โจวจื่อเอ๋อพยักหน้ารับเบาๆ

แต่ลุงสามกลับขมวดคิ้วขึ้นมา : “ถ้าหากเป็นอย่างที่ว่า อย่าง นั้นพวกเราก็ยิ่งต้องมีความรอบคอบมากยิ่งขึ้น ตระกูลไป ต้องการที่จะทำลายล้างหมาป่าทะเลทราย ซึ่งความแค้นของพวก เขาที่มีต่อหมาป่าทะเลทรายนั้นก็ไม่ใช่น้อยๆ เลยด้วย และเพื่อ เรื่องนี้แล้วพวกเขาอาจจะทำเรื่องบ้าคลั่งที่เกินจะรับมือได้ แน่นอน”

ทางด้านโจวฟ่างที่กำลังคิดว่าสิ่งที่โจวจื่อเอ๋อพูดนั้นมีเหตุผล อย่างมาก เพราะถ้าหากสามารถทำลายล้างหมาป่าทะเลทราย ได้ เช่นนั้นเขาก็เต็มใจอย่างมากที่จะทำ แต่เมื่อได้ยินคำพูดของลุงสาม จากที่มีความเห็นต่างกับเขาอยู่แล้ว ตอนนี้เขาจึงยิ่งเกิด ความไม่พอใจมากขึ้นไปอีก จึงพูดแทรกขึ้นมา “ถ้าหากว่า ตามความหมายของลุงสาม อย่างนั้นพวกเราก็ไม่ต้องเข้าร่วม แผนการนี้ แล้วไปหาที่หลบซ่อนตัวแทน แบบนั้นถึงจะเป็นการดี และพวกเราก็จะได้ไม่ต้องมีปัญหาอะไรอีกด้วย ”

“ผมไม่กล้าที่จะส่งตระกูลโจวไว้ในมือคนอย่างคุณหรอกนะ อย่างน้อยผมก็ทำเพื่อหาทางให้ตระกูลโจวของเรามีชีวิตต่อไป ได้อย่างไร ในขณะที่ตัวคุณนั้นกำลังหาทางให้ตระกูลโจวไปตาย อย่างไร ” ลุงสามกล่าวเยาะเย้ยกลับ

เมื่อเห็นว่าผู้อาวุโสทั้งสองคนกำลังทะเลาะกัน โจวจื่อเอ๋อจึงได้ เพียงแค่นั่งอยู่เงียบๆ เธอรู้ตัวดีว่าเธอเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งใน การจัดการปัญหาของตระกูลโจวเท่านั้น ในขณะที่ผู้จัดการดูแล ตระกูลโจวตัวจริงคือพวกเขาเหล่านี้

โจวสุนตะเบ็งเสียงขึ้นมา “พอได้แล้ว”

เดิมทีโจวฟ่างกำลังคิดจะพูดแย้ง เมื่อได้ยินแบบนี้จึงได้เพียง ขวางตามองไปยังลุงสามอย่างเดือดดาลเท่านั้น พร้อมกับ หุบปากลง เพราะอย่างไรเสียตัวเขายังมีความนับถือในตัวผู้นำ ครอบครัวอยู่

“ผมเข้าใจดีว่าพวกคุณทั้งหลายมีความคิดกันอย่างไร แต่ครั้ง นี้นับว่าเป็นโอกาสที่ดีทีเดียว ”

เขาหันไปมองลุงสาม : “ลุงสาม ตัวผมรู้ดีเช่นกันว่าคุณหวังดี กับตระกูลโจวของเรา แต่ถ้าอยากจะต่อกรกับหมาป่าทะเลทรายแต่ไม่ยอมเสียสละอะไรเลย อย่างนั้นคงจะไม่ได้ ”

“ผมไม่ได้…” ลุงสามที่อยากจะอธิบาย แต่กลับโดนโจวสุ นขัดเอาไว้เสียก่อน

“ผมไม่ได้จะตำหนิอะไรกับความคิดของลุงสามหรอกครับ ขอ เพียงพวกเรามีการเตรียมใจที่จะเสียสละ การบอกว่าตระกูลไป จะทําเรื่องบ้าคลั่ง ในขณะที่ความจริงพวกเราเองก็บ้าคลั่งไม่แพ้ กันด้วยซ้ำ อีกอย่างทั้งหมดนี้ก็เป็นสิ่งที่หมาป่าทะเลทรายมอบ ให้พวกเราเอง”

เมื่อเขาพูดจบ บรรยากาศรอบๆ ก็นิ่งเงียบลงทันที

“เดิมทีพวกเรามาที่นี่ก็เพียงแค่ลองปรึกษากันดูก่อนเท่านั้น อย่างไรเสียอีกไม่กี่วันตระกูลไปก็จะมาที่นี่อยู่แล้ว ในส่วนที่ว่า พวกเขามีแผนการอะไรกันแน่นั้น พวกเราก็จะได้รู้เอง เพราะ อย่างนั้นวันนี้ก็พอเท่านี้ก่อนแล้วกัน ”

ทันทีที่เขาพูดจบ ทั้งสี่คนที่นั่งอยู่นั้นก็พากันลุกขึ้น แต่โจวสุนกลับเรียกโจวจื่อเอ๋อเอาไว้เสียก่อน : “จ่อเอ๋ออยู่ ก่อนครู่หนึ่ง ลุงมีเรื่องที่จะคุยด้วย

โจวจื่อเอ๋อจึงยืนอยู่ตรงนั้นไม่ขยับไปไหน กระโปรงยาวและ พื้น เธอสวมชุดกระโปรงยาวคลุมข้อสีเหลืองอ่อนที่ประดับด้วย ดอกไม้เล็กๆ สีขาว ดูแล้วมีความสง่าอย่างมาก

รอจนกระทั่งทั้งสามคนออกไป โจวสุนจึงค่อยเอ๋อปากพูดขึ้น มา : “จื่อเอ๋อ ปีนี้เธออายุก็ไม่ใช่น้อยๆแล้วสินะ ”
เมื่อได้ยินประโยคนี้ โจวเจ๋อถึงกับตื่นตระหนกขึ้นมาทันที เธอ พยายามอย่างเต็มที่ในการแสดงศักยภาพของตัวเองให้ตระกูล โจวได้เห็นมาโดยตลอด ซึ่งทั้งหมดนั้นก็เพื่อที่เธอจะได้เป็นคน กำหนดชะตาชีวิตของตัวเอง แต่กลับคิดไม่ถึงเลยว่าสุดท้ายตัว เองจะต้องเจอเรื่องแบบนี้

ถึงแม้ภายในใจจะเต้นหนักแค่ไหน แต่ใบหน้ากลับยังแสดง ท่าที่เรียบเฉยออกมา “เรียนคุณลุง ปีนี้ชื่อเอ่ออายุยี่สิบสี่ปีแล้ว ค่ะ เดือนที่แล้วเพิ่งจะผ่านวันคล้ายวันเกิดมา ”

โจวสุนถอนหายใจออกมา “ไม่คิดเลยว่าเจ้าเด็กเล็ก ในวัน

นั้นจะโตขนาดนี้แล้ว ”

โจวจื่อเอ๋อที่ได้ยินอย่างนั้นก็พยายามปั้นรอยยิ้มออกมา “เป็นเพราะว่าคุณลุงงานยุ่งเกินไป ถึงอายุของจื่อเอ๋อไม่ได้ ”

โจวสุนพยักหน้า: “ก็จริงอยู่ที่งานยุ่งไปบ้าง เพราะหลายปี มานี้ตระกูลโจวของเราต้องคอยต่อสู้ดิ้นรนมาโดยตลอด แต่ถึง อย่างนั้นก็ต้องชื่นชมในความสามารถของจื่อเอ๋อ ถึงได้ทำให้ ตระกูลโจวของเราสามารถฟื้นฟูกิจการใหญ่ขึ้นมาได้แบบนี้

“จื่อเอ๋อไม่กล้ารับค่าชมหรอกค่ะ ทุกอย่างเป็นเพราะว่าคน ตระกูลโจวนั้นสามัคคีกันจึงทำให้สามารถผ่านพ้นช่วงเวลายาก ลําบากนั้นมาได้”

โจวสุนมองไปยังหลานสาวที่แสนเชื่อฟังว่าง่ายคนนี้ ในใจก็ พลันคิดขึ้นมาว่าทำไม หลานสาวคนนี้ถึงไม่เป็นผู้ชายกันนะ ถ้า หากลูกชายของเขาที่ตายไปคนนั้นมีความสามารถและฉลาดหลักแหลมได้สักครึ่งหนึ่งของเธอ เขาก็คงจะพอใจมากแล้ว

แต่ในความเป็นจริงแล้วทุกอย่างนั้นไม่มีคำว่าถ้าหาก และตัว เขาเองก็รู้ดีว่าจื่อเอ๋อกำลังคิดอะไรอยู่ แต่ว่าอย่างไรเสียหญิงสาว ก็ต้องแต่งงานออกเรือน แล้วหลังจากที่แต่งงานไป ตอนนั้นการ จะบอกว่าเธอยังเป็นคนตระกูลโจวนั้นคงจะเป็นเรื่องยากที่จะ บอกให้ชัดเจนแล้ว

เขาคิดไปคิดมาพลันพูดว่า “สัปดาห์นี้คุณชายสองของ ตระกูลไปก็จะเดินทางมาที่นี่ด้วย จื่อเอ๋อจะไปพบเขาสักหน่อย ไหม”

โจวสุนไม่ได้พูดดักทางอะไร เขารู้ว่าโจวจื่อเอ๋อไม่ต้องการที่จะ เดินเข้าสู่เส้นทางนี้ถึงได้พยายามขนาดนี้ และเขาคิดว่าหากโจ วอเอ๋อไม่ยินยอมจนหัวชนฝา อย่างนั้นตัวเขาก็จะไม่พูดถึงเรื่อง นี้อีก

แต่โจวจื่อเอ๋อกลับสะกดความทุกข์ไว้ในใจ แล้วยิ้มตอบออก มา : “ได้ค่ะ ถึงตอนนั้นจื่อเอ๋อจะปฏิบัติตัวให้ดีที่สุดค่ะ

โจวสุนมองไปยังโจวจื่อเอ๋อด้วยความตะลึง สิ่งที่ไม่เหมือนกับ สิ่งที่เขาคิดเอาไว้เลยสักนิด แต่แล้วโจวจื่อเอ๋อก็เอ่ยปากพูดขึ้น มาอีกครั้ง : “ถ้าหากคุณลุงไม่ได้มีเรื่องอะไรแล้ว จื่อเอ๋อขอตัว ออกไปก่อนนะคะ ”

“อืม ได้!”

กระทั่งโจวจื่อเอ่อเดินออกมาจากห้องหนังสือ น้ำตาที่เอ่อล้น อยู่ตรงหางตา ในที่สุดก็เอ่อล้นออกมาอย่างห้ามไม่ได้ พ่อแม่ของเธอตายไปเมื่อสามปีก่อน ตอนนี้เธอจึงเป็นเพียงหญิงสาวที่ต้อง พึ่งอาศัยตระกูลโจวในการมีชีวิตรอด และคนที่เธอไม่อาจจะ ทรยศมากที่สุดนั้นก็คือตระกูลโจว

ดังนั้นจึงเป็นเหตุผลที่เธอเลือกจะตอบตกลงไป อีกอย่างการ รวมเป็นปึกแผ่นกับตระกูลไปถึงแม้จะไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีที่สุด แต่ก็ ถือเป็นอำนาจที่เพียงพอให้ตระกูลโจวสามารถไขว่คว้ามาได้

แต่ถึงอย่างนั้นเรื่องพวกนี้ก็ไม่ใช่สิ่งที่เธอปรารถนาเลย

ในขณะที่ทางด้านเฉินเฟิงก็กำลังพาเสียวเยเดินทางมายังร้าน ขายหยกแล้ว

“หยกชิ้นนี้เป็นสินค้าที่ดีเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะพกติดตัวเอง ใช้สำหรับเสริมดวงบารมี มอบเป็นของขวัญให้ผู้อื่น หรือสำหรับ เป็นสื่อแทนใจ ล้วนเป็นตัวเลือกที่ไม่เลวเลยนะคะ”

พนักงานสาวสวยคนหนึ่งกำลังกล่าวแนะนำให้กับเฉินเฟิง

เฉินเฟิงมองไปยังหยกสลักลายมังกรชิ้นนั้นก็รู้สึกว่ามันไม่เลว จึงพูดออกมาทันที : “อันนี้ต่อให้ผมเลยครับ

ใบหน้าของพนักงานขายสาวเต็มไปด้วยความสุข พร้อมพูด ด้วยรอยยิ้ม : “คุณผู้ชายเป็นคนตาดีจริงๆ เลยค่ะ หยกนี้มีคน ถูกใจเป็นจำนวนมากเลย แต่พวกเขาก็ไม่กล้าที่จะซื้อสักที ต่างก็ บอกว่าราคาสูงเกินไป แต่พวกเขาเองต่างหากที่ไม่รู้ว่าหยกงาม ขนาดนี้ ย่อมมีราคาสูงเป็นเรื่องปกติ ”

เฉินเฟิงยิ้มรับ เขารู้ว่าอีกฝ่ายกำลังยกย่องว่าเขานั้นร่ำรวยแต่เขากลับคิดว่าเรื่องแบบนี้มีอะไรให้ต้องยกย่องด้วย

“คุณชายเงิน คุณรีบดูอันนี้เร็ว กระต่ายวันนี้ เหมือนมากๆ เลยค่ะ !” เสี่ยวเย่เกาะลงไปบนตู้โชว์มองด้วยความตื่นเต้น

เฉินเฟิงเดินเข้าไป แล้วมองไปยังหยกใสชิ้นนั้นที่ถูกแกะสลัก ให้เป็นรูปทรงเหมือนดั่งกระต่ายมีชีวิตตัวหนึ่ง ซึ่งดูแล้วมีความ

หรูหราอย่างมาก

ทางด้านพนักงานสาวคนนั้นก็ต้องการให้เงินเฟิงซื้อเพิ่มอีก ชิ้น จึงรีบแนะนำทันที “ถ้าหากว่าคุณผู้ชายซื้อชิ้นนี้เพิ่มอีกอัน ฉันสามารถให้ส่วนลดพวกคุณได้นะคะ”

แต่เมื่อเธอพูดอย่างนั้นกลับทำให้เสี่ยวเยตกใจขึ้นมาทันที เธอรีบสะบัดมือ : “ฉันไม่ได้อยากได้หรอกค่ะ ฉันก็แค่ลองดู เท่านั้น ของแพงขนาดนี้ ฉันไม่กล้าพกติดตัวหรอกค่ะ ”

พนักงานสาวถึงกับตะลึงไม่ต่างกัน เธอนั้นพอจะมองออกว่า เสี่ยวเย่นั้นแต่งตัวธรรมดา ในขณะเดียวกันคนที่มาด้วยอย่าง เฉินเฟิงกลับเป็นคนร่ำรวย และนั่นทำให้เธอคิดว่านี่คือสไตล์การ จับคู่ที่คนกำลังนิยม ในตอนนี้ แต่แล้วเธอก็มองไปยังเฉินเฟิง เพราะอย่างไรเสียคนที่จะตัดสินใจก็ยังคงเป็นเฉินเฟิง


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ