ลูกเขยมังกร

บทที่ 642 บีบให้เขารับคำท้าประลอง



บทที่ 642 บีบให้เขารับคำท้าประลอง

ทางด้านส่วนหนานเทียน ปรมาจารย์คงเหมิง จางเทียนชื่อและ จ้าวอู่เต้ามหาปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้ต่างพากันลอบถอน หายใจ จึงเถิงคนนี้ยโสโอหังมาก อีกทั้งฟังจากน้ำเสียงแล้ว ยัง เป็นคนที่จิตใจเหี้ยมโหดอีกแล้ว

“สมแล้วที่เป็นผู้สืบทอดตระกูลจึง คำพูดคำจาแรงยิ่งกว่ากลิ่น เท้าอีก เขามั่นใจว่าตนเองสามารถเอาชนะเงินเฟิงได้? ยิ่งไปกว่า นั้น จนถึงตอนนี้เฉินเฟิงยังไม่รับคำท้าประลองเลย! ”

อาจจะเป็นเพราะตระกูลจึงวางท่ามากเกินไป หรืออาจจะเป็น เพราะจิ่งเถิงเหิมเกริมจนเกินไป ทำให้เหล่าจอมยุทธ์ที่อยู่บนเรือ อีกนําพากันเหลืออด ด้านในยังมีคนพากันบ่นพึมพำ เหน็บแนม ไปต่างๆนานา

“ทางที่ดีที่สุดนายอย่ายุ่งเลยดีกว่า ปิดปากของนายให้ แน่น! ” แม้ว่าคนๆนั้นจะพูดเสียงเบา แต่ก็ทุกคนบนเรือก็ยังคง ได้ยิน จึงเถิงเป็นหนึ่งในนั้นที่ปรายตามองเขา น้ำเสียงเต็มไป ด้วยการข่มขู่

เผชิญหน้ากับค่าของจึงเถิง แม้ว่าคนที่พูดจะรู้สึกไม่สบ อารมณ์ แต่เมื่อคิดถึงอำนาจของตระกูลลิ่ง บอกกับสายตาของ จึงเซอเหมิงที่กวาดมองมานั้น จึงทำได้เพียงก้มหน้า ไม่กล้าส่ง เสียง

ไม่เพียงแค่เขา ศิษย์ในสำนักอื่นๆ ต่างพากันไม่พอใจจึงเถิงพวกเขาเอาแต่คาดหวังให้เฉินเพิ่งรีบปรากฏตัวออกมา แล้วสั่ง สอนจึงเถิง ให้หลาบจํา ส่งจึงเถิงไปหายมบาลจะได้ให้ยมบาล สอนว่าการเป็นคนถ่อมตนนั้นเป็นยังไง

ในเวลาเดียวกันที่พวกเขากำลังคาดหวังอยู่นั้น พวกเขาอดไม่ ได้ที่จะถามตนเองในใจ เลยเวลาเที่ยงวันแล้ว เฉินเฟิงยังไม่ ออกมารับคำท้า และไม่ปรากฏตัวออกมา หรือว่าเป็นอย่างที่เขา เล่าลือ กลัวที่จะต้องประลองกับวิ่งเถิง? ไม่เพียงแต่ลูกศิษย์สำนัก ต่างๆ จากการมาของคนตระกูลวิ่ง ทำให้รู้ถึงความแข็งแกร่ง ของคนตระกูลจิ่ง แม้แต่ปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้บางคนยังเริ่ม คิดว่าเฉินเฟิงไม่กล้าสู้กับจิ่งเถิง

เก็บความสงสัยนี้เอาไว้ ทุกคนยังคงเฝ้ารอ ทว่าทางด้านวิ่งเก๋ง เดินเข้าไปในเรือเพื่อปรับสภาพของตนเอง

หลังจากหนึ่งชั่วโมงผ่านไป ลู เจิ้งเฟิง เจี่ยหวั่นเหาเหล่าผู้

อาวุโสของยุทธภพต่างก็มาถึงที่นี่แล้ว เข้ามายังสถานที่ปิดล้อม ด้วยบัตรแขกรับเชิญ ขึ้นไปยังเรือล่าที่สาม นอกเหนือจากนี้ ซึ่งฉือและคนตระกูลส่วนหนึ่งก็มาแล้ว พวกเขาเองก็ขึ้นไปยังเรือลำที่สาม

ตอนเวลาสี่โมงเย็น พระอาทิตย์เริ่มตกไปทางทิศตะวันตกแล้ว ทุกคนรอจนหมดความอดทน อดไม่ได้ที่จะพูดเสวนาไปต่างๆ นานาอีกครั้ง ซึ่งหัวข้อหลักมีเพียงอย่างเดียวก็คือ เฉินเฟิงยัง จะมาไหม? ไม่มาแล้ว!

ในใจคนส่วนมากมีความคิดนี้ แต่ก็ยังคงไม่ได้ไปไหน พวกเขายังคงรอต่อไป คิดว่าจะรอจนกว่าพระอาทิตย์จะตก ถ้าถึง เวลานัดแล้วเฉินเฟิงยังไม่มา พวกเขาก็จะไป

“ในเมื่อไอ้ขี้ขลาดมันไม่กล้ามา ฉันก็จะบีบให้มันออกมา เอง! ” ในเวลาเดียวกัน จึงเถิงมองดูพระอาทิตย์ที่เริ่มตก เขาพูด ขึ้นในใจ หยิบโทรศัพท์ออกมา โทรหาลูกพี่ลูกน้องของตนเองจึง หริน “พี่หริน ดูท่ามันคงไม่มาแล้ว ให้หยางลงมือได้เลย! ”

“ได้! ” ปลายสาย จิ่งหงินตอบกลับทันที จากนั้นวางสาย แล้ว บอกกับมหยางที่อยู่ข้างๆตน : “น้องเถิงบอกว่าลงมือได้เลย”

“ขอเชิญคุณชายจิ้งหรินนำทางด้วยครับ! ”

มู่หยางลุกขึ้น พูดด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก

เขารู้ดีคำว่าลงมือสองคำนี้หมายความว่าอะไร ใช้ชื่อของ จิ่งเถิง จับเสี้ยเพิ่งเหยาที่เป็นภรรยาของเฉินเฟิงมาเป็นสาวรับ ใช้

“เสี้ยเพิ่งเหยาคนนั้นต้องขัดขืนอย่างรุนแรงแน่นอน นาย จัดการอย่างมีขีดจํากัดด้วย พยายามอย่าทำให้เธอเจ็บตัว และ ห้ามฆ่าเธอเด็ดขาด” จิ่งหรินพูดเตือน

“วางใจเถอะครับ คุณชายจิ้งหริน คนอ่อนแออย่างเธอ ถ้าผม คิดฆ่าเธอ ตบแค่มือเดียวก็ตายแล้ว ถ้าผมไม่คิดจะฆ่าเธอ เธอ อยากฆ่าตัวตายยังเป็นเรื่องเพ้อฝัน

มู่หยางหัวเราะในลำคอ จากนั้นเดินตามจิ้งหรินเข้าไปใน วิลล่าของหวู่เหวินโป๊
จากข้อมูลที่พวกเขาได้มา เมื่อคืนเสียเพิ่งเหยาถูกคนส่งมาที่นี่ แต่พวกเขาไม่รู้ว่า เฉินเฟิงเองก็เก็บตัวถือศีลอยู่ที่นี่เหมือนกัน

เวลานี้ ภายในวิลล่าส่วนตัวของหวู่เหวินโป๊ เสี้ยเพิ่งเหยาและ พี่น้องหวู่เหวินโป๊ หวู่เหวินเซียน ทั้งยังมีมหาปรมาจารย์ด้าน กระบี่อัจฉริยะหวังเฉียน รวมถึงสี่พี่น้องตระกูลเฉิน กำลังรออยู่ ด้านนอกวิลล่า

เมื่อวานเสี้ยเมิ่งเหยาเพิ่งได้รู้ข่าวว่าเงินเฟิงถูกบีบให้ประลอง วรยุทธ์

หลังจากรู้ข่าว เธอก็รีบมาจงไห้ในกลางดึก แต่เพราะเงินเฟิงเก็บตัวถือศีลมาโดยตลอด ทำให้เธอไม่ได้ เจอกับเฉินเฟิง

ในเวลานี้เอง เฉินจื่อหลี่เดินเข้ามาด้วยความร้อนใจ เมื่อเดิน เข้ามา เขาก็รีบพูดกับเฉินจือเหวินทันที “พี่ใหญ่ ท่านอาจารย์ บอกผมว่า ตอนนี้ที่ทะเลสาบตะวันตกมีคนเต็มไปหมด คนแทบ จะครึ่งหนึ่งของวงการศิลปะการต่อสู้หวาเซียไปกันหมดแล้ว พวก เขากำลังรออาจารย์อาเฉิน”

“คนแทบจะครึ่งหนึ่งของวงการศิลปะการต่อสู้หวาเซียไปกัน หมดแล้ว? ! “ได้ฟังคำพูดของเฉินจือเหลี่ เฉินจือเหวินและคนที่ อยู่ในเหตุการณ์พากันตกใจ เห็นได้ชัดว่าพวกเขาคิดไม่ถึงว่า ทางด้านทะเลสาบตะวันตกหน้างานจะใหญ่ขนาดนี้

“ถ้าอย่างนั้น ฉันเข้าไปปลุกเขาเถอะ” เสียเพิ่งเหยากวาดตา มองทุกคน พูดด้วยความลังเล ท่ามกลางคนมาก มากมายที่อยู่ที่นี่ มีแค่เธอคนเดียวที่สนิทสนมกับเฉินเฟิงที่สุด ดังนั้นจึงสมเหตุสมผล ที่เธอจะเข้าไปเรียกเฉินเฟิง

“รออีกสักหน่อย” เวลานี้ หวังเฉียนยกมือขึ้น ห้ามเสียเพิ่ง เหยา จากนั้น เขาก็พูดเสียงเคร่งขรึม : “เมื่อกี้ฉันเข้าไปสำรวจ รอบหนึ่งแล้ว ฉันเห็นว่าเฉินเฟิงกำลังเข้าสู่สถานะที่มีร่วมจิตร เวลานี้ เวลานี้พวกเราห้ามไปขัดจังหวะเขาเด็กขาด”

“สถานะที่มีร่วมจิตร?” ได้ยินคำพูดของหวังเฉียน ทุกคนชะงัก สถานะที่มีร่วมจิตร คือสถานะอะไร?

คล้ายว่าเห็นความสงสัยของทุกคน หวังเฉียนจึงพูดอธิบาย “สถานะที่มีร่วมจิตรเป็นสถานะที่จอมยุทธ์เข้าสู่ไร้จิตแดน โดย บังเอิญ”

“ไร้หัวใจก็คือ ไม่ได้ใช้หัวใจ ไม่มีตนเอง ว่างเปล่า ถึงขั้นละทิ้ง สติสัมปชัญญะของตนเอง ถ้ามีสติสัมปชัญญะ แล้วมีความคิด ต่างๆ ไม่สามารถรวบรวมจิตวิญญาณ ในการพัฒนาความ สามารถ หนังสือบันทึกเอาไว้ว่า การไม่มีตนเองไม่ได้หมายถึง ตนเองว่างเปล่า แต่หมายถึงความปรารถนาของหัวใจ หัวใจไม่มี เสี้ยววินาทีใดจดจ่อกับสรรพสิ่ง”

“ถ้าหากจอมยุทธ์เข้าสู่สถานะที่มีร่วมจิตร สำหรับการเรียนรู้ และเข้าใจศิลปะการต่อสู้นั้นจะมีผลลัพธ์ที่เหนือความคาดหมาย ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้มากมาย ล้วนบรรลุผ่านสถานะที่มีร่วมจิตร เข้าสู่แดนใหม่ทั้งหมด”

“พูดได้ว่า สำหรับจอมยุทธ์แล้วสถานะที่มีร่วมจิตรเป็นสิ่งที่พบเจอได้แต่ไม่อาจสมหมายได้ โดยปกติทั่วไปชั่วชีวิตของจอมยุทธ์

เกินกว่าเก้าสิบเก้าเปอร์เซ็นต์ไม่สามารถเข้าสู่สถานะที่แสน

มหัศจรรย์นี้ได้ มีเพียงอัจฉริยะศิลปะการต่อสู้จำนวนน้อยเท่านั้น

ที่สามารถพบเจอสถานะที่มีร่วมจิตรโดยบังเอิญขณะฝึกวรยุทธ์

จนไปถึงสุดแดนของโลกวรยุทธ์ ซึ่งนำไปสู่การเข้าสู่แดนอย่าง

รวดเร็ว กลายเป็นมหาปรมาจารย์”

“ในเมื่อสถานะที่มีร่วมจิตรยากขนาดนี้ ก็อย่าไปรบกวนเขา เลย รอให้เขาฟื้นมาจากสถานะที่มีร่วมจิตรก่อนค่อยว่ากัน”

หลังจากฟังหวังเฉียนอธิบายจนจบ เสี้ยเพิ่งเหยาพูดขึ้น ตบ โต๊ะแล้วตัดสินใจทันที

สําหรับการตัดสินใจของเสียเพิ่งเหยา คนอื่นๆ ไม่มีใครขัดข้อง ถึงอย่างไรเสียเพิ่งเหยาก็เคยเป็นภรรยาของเฉินเฟิง พูดได้ว่า ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ เธอเป็นคนที่สนิทสนมกับเฉินเฟิงที่สุด อีกด้านหนึ่ง เสี้ยเมิ่งเหยาตัดสินใจแบบนี้ก็เพราะหวังดีต่อ

เฉินเฟิง

ดังนั้น ไม่มีใครมีเหตุผลในการขัดเสี้ยเมิ่งเหยา

อย่างรวดเร็ว เวลาผ่านไปสองชั่วโมง

จากนั้น สิ่งที่ทำให้ทุกคนคิดไม่ถึงก็คือ เฉินเฟิงยังคงอยู่ใน สถานะที่มีร่วมจิตร ไม่มีท่าทีจะตื่นขึ้นมาแม้แต่น้อย

เวลานี้ หวู่เหวินโป๊ได้รับสาย
หลังจากตัดสาย สีหน้าของหมู่เหวินโป๊แปลกๆไปทันที

“พ่อของฉันบอกว่า ตอนนี้คนมีหน้ามีตาในโดหวาเซียไปถึง สถานที่ประลองวรยุทธ์กันหมดแล้ว คนของตระกูลจึงก็ถึงแล้ว รอพี่เฟิงคนเดียว”

“ตอนนี้สี่โมงกว่าแล้ว ถ้ายังไม่บอกพี่เฟิง กลัวว่าจะไม่ทัน เวลา”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ