ลูกเขยมังกร

บทที่ 813 หนึ่งคนรับมือกับสองคน



บทที่ 813 หนึ่งคนรับมือกับสองคน

ด้วยเหตุนี้เขาจึงไม่ต้องสนใจอะไรอีกทั้งนั้น

หมัดและเท้าทั้งสองพร้อมเพรียง ตั้งท่ารับมือการจู่โจมจากคู่ ต่อสู้

เมื่อเนเจิ้งได้ฟาดฟันกระบี่ลงไปแล้ว เนเฉินที่อยู่ด้านข้างก็ไม่ รอช้าพุ่งเข้าฟาดฟันด้วยกระบี่เช่นกัน

ครั้งนี้มีกระบวนท่ารับมือ เฉินเฟิงจึงสามารถหลบหลีกพ้นไป ได้อย่างง่ายดาย

แต่ไม่ทันรอให้เขาได้พักหายใจ กระบี่ของเนเจิ้งก็พุ่งเข้ามาอีก

หนึ่งครบ

พลังกระบี่รวดเร็วกว่าเดิม และร้ายกาจรุนแรงกว่าเดิม

เฉินเฟิงรับมือค่อนข้างลำบากเล็กน้อย แต่เขาพอจะมองออก ถึงพลังความสามารถของฝ่ายตรงข้ามทั้งสองคน คนโตนั้นระดับ หัวจิ้งชั้นสูงสุด ส่วนคนเล็กนั้นจะด้อยกว่าเล็กน้อย แต่ก็ถึงระดับ ขั้นหัวจิ้งชั้นสุด และมีโอกาสที่จะเพิ่มระดับขั้นขึ้นได้อีก

เพิ่งจะตอบโต้กระบี่ยาวของทั้งสองคนกลับไป เฉินเฟิงก็ขยับ ถอยออกมาเพื่อรักษาระยะห่าง เขาถามขึ้นว่า

“ทําไมพวกนายถึงต้องมาฆ่าข้าด้วยล่ะ? ”

“หยุดพูดเรื่องไร้สาระ นายไอ้คนชั่วที่ชอบรังแกคนอื่น และยังกระทำมิชอบผิดสามัญสำนึก ฝึกฝนวิชามารชั่วร้าย ซึ่งคนที่ ปฏิบัติตนโดยชอบธรรมอย่างพวกข้าจะผดุงความยุติธรรมกลับ คืนมา”

เงินเฟิงฟังไม่ค่อยเข้าใจ ซึ่งตอนนี้หากจะฆ่าคนจะต้องหา เหตุผลที่ดูดีน่าฟังมากมายกันขนาดนี้เลยเหรอ

“พวกนายมาหาคนผิดหรือเปล่า? ” เฉินเฟิงยังคงถามขึ้นด้วย ความสงสัย

“คนที่ตามหาก็คือนายนี่แหละ

พูดจบ ก็พุ่งเข้าจู่โจมอีกครั้ง

เฉินเฟิง โมโหขึ้นแล้วจริง ๆ การต่อสู้ที่มีเหตุผลไม่ชัดเจนแบบ นี้คือครั้งแรกของเขา แต่การที่เผชิญหน้ากับการโจมตีของสอง คนนี้ เขาทำได้เพียงป้องกันตั้งรับ แม้จะตอบโต้กลับบ้างก็ยังเป็น เรื่องลำบาก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลยว่าจะจัดการเอาชนะพวกเขาจน อยู่หมัดได้

แต่ในเมื่อฝ่ายตรงข้ามรุมจู่โจมเข้ามากันขนาดนี้แล้ว เขาก็ ทำได้เพียงแค่ป้องกันตนเอง

และก็ได้ต่อสู้กันในระยะประชิดอีกครั้ง กระบี่ยาวสะท้อน แสงจันทร์ระยิบระยับ ฟาดฟันผ่านกำแพงบริเวณโดยรอบ โดย ในทุกครั้งเหมือนกับว่าได้ทิ้งร่องรอยเอาไว้

แต่หลังจากนั้น กลับไม่ได้สร้างความกระทบกระเทือนอะไรขึ้น เด็กน้อยที่นั่งอยู่ในรถของเฉินเฟิงนั้น เธอสามารถมองเห็นได้ชัดเจนถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่เบื้องหน้าของเธอ

เหมือนกับว่าเป็นยอดฝีมือวิทยายุทธ์ที่ออกมาจากป้าย โฆษณา เธอแปลกใจเล็กน้อย

จนถึงขนาดอาหารและน้ำก็ไม่สามารถที่จะดึงดูดเธอไม่ให้ลง จากรถไปได้ เพราะว่าเกิดความสนใจการต่อสู้อันรวดเร็วและ เดือด

ทั้งหมดนี้เป็นเพราะว่าเธอยังไม่รับทราบถึงภัยอันตรายต่าง ๆ

ที่เกิดขึ้น

เมื่อประตูรถเปิดขึ้น เฉินเฟิงก็รับรู้ได้ทันที

เขาอุทานในใจ ไม่ใช่ว่าไม่ให้เขาลงมาจากรถหรอกเหรอ แต่สองมือที่เล็กและสกปรกได้ประคองจับที่ตัวรถแล้วค่อย ๆ เดินตรงเข้ามายังที่นี่

เฉินเฟิงจิตใจเป็นกังวล แต่กระบี่ยาวที่กำลังจู่โจมเขาก็ไม่มี ท่าทีว่าจะหยุดลงเลย

เขาเหมือนว่าจะไม่มีวิธีการใด ทำได้เพียงคิดหาวิธีที่จะออก ห่างไปให้ไกลกับเด็กน้อยนั้นมากที่สุด

โดยเสี่ยงต่อการที่จะโดนกระบี่แทงเข้ามาที่หน้าอก เขาก็ได้ เคลื่อนตัวออกมาจากวงล้อมของทั้งสองคน แต่ขณะที่เขากำลัง จะเคลื่อนไหวให้ไกลออกไปมากขึ้น ปลายกระบี่พุ่งตรงเข้ามาจอ อยู่ที่คอหอย ปิดกั้นเส้นทางที่เขากำลังจะไป
จึงต้องจําใจยอม

แต่เด็กน้อยคนนั้นกลับมองดูอย่างแปลกใจ แต่โชคดีที่ว่า เธอ ยังคงยืนอยู่ที่ตรงนั้น ไม่ได้ก้าวขยับเคลื่อนมาข้างหน้า

เฉินเฟิงเบา ใจลงได้เล็กน้อย แต่สถานการณ์ก็คงยังคงไม่ดี

เท่าที่ควร

“นายยังกล้าที่จะทําเรื่องชั่วร้ายขัดต่อศีลธรรมอย่างนี้อีกเห รอ”

เนเฉินเห็นสาวน้อยคนนั้นเดินออกมาจากข้างรถ เสื้อผ้าที่ขาด รุ่งริ่งและร่างกายที่สกปรกทำให้เขาคิดถึงเรื่องราวที่น่ากลัว

“พวกนายเข้าใจอะไรผิดพลาดเกี่ยวกับข้าหรือเปล่า? ”

เฉินเฟิงยิ่งรู้สึกว่ามันต้องมีปัญหาอะไรที่เข้าใจผิดกันอย่าง

แน่นอน

แต่ไม่ทราบว่าเป็นเพราะความโกรธแค้นที่มากเกินไปหรือ เปล่า ฝ่ายตรงข้ามกลับไม่มีแม้แต่จะป้องกันตัว คิดแต่เพียงว่าจะ ฟาดฟันเฉินเฟิงให้เสียชีวิต โดยการจู่โจมเพิ่มจำนวนมากขึ้นจน เฉินเฟิงเองเริ่มที่จะต้านทานไว้ไม่ไหวแล้ว

“หรือว่าจะต้องใช้พลังย้อนกลับ

เขาคิดขึ้นได้เพราะสถานการณ์บีบบังคับ

แต่ครั้งที่แล้วร่างกายของเขาต้องเจ็บปวดเป็นเวลาหนึ่ง สัปดาห์เต็ม ๆ รู้สึกว่ากล้ามเนื้อทุกส่วนของร่างกายมันเจ็บปวดเหมือนเป็นตะคริว ชีพจรหยุดการไหลเวียน ความเจ็บปวด เหมือนว่าจะอยู่ในสมองมาโดยตลอดนับตั้งแต่นั้นมา

ความเจ็บปวดทรมานนั้นคนธรรมดาทั่วไปไม่สามารถที่จะ อดทนได้อย่างแน่นอน และก็ไม่มีใครที่คิดต้องการจะอดทน ยอมรับความเจ็บปวดแบบนี้อีกเป็นครั้งที่สอง

เป็นไปได้ที่นึกถึงภาพความน่ากลัวนี้แล้วทำให้เฉินเฟิง เคลื่อนไหวช้าลง ท่อนขาถูกกระบี่แทงทะลุ เลือดสีดำพุ่งกระฉูด ออกมาภายใต้แสงจันทร์

สาวน้อยตกใจอย่างมาก หวาดกลัวจนคิดที่จะหลบหนีกลับ เข้าไปอยู่ในรถ

ส่วนเฉินเฟิงไม่มีเวลาที่จะไปสนใจ เพราะสถานการณ์ของเขา

กำลังอันตรายมาก

“ข้าไม่รู้ว่าพวกนายได้ยินอะไรมาจากที่ไหน หรือว่าโดนใคร โกหกหลอกลวงแล้ว แต่ตอนนี้หากพวกเราจะต่อสู้กันต่อไป ข้าก็ จะได้ไม่ต้องไว้หน้าปราณีอีกต่อไปแล้ว”

พูดจบ เขาเตรียมที่จะใช้พลังอย่างเต็มที่ แม้ว่าความเจ็บปวด นั้นเขายากที่จะอดทนได้ แต่ว่าอย่างน้อยแบบนี้จะทำให้เขามี ชีวิตอยู่รอดต่อไปได้

ลมหายใจในร่างกายที่แผ่วเบาค่อย ๆ เริ่มเร็วมากขึ้น รอจน พลังย้อนกลับสมบูรณ์ เขาก็จะเปลี่ยนสภาพเป็นครึ่งเทวดาครึ่ง ปีศาจ
“หยุดก่อน! ”

ท่วงท่าพลังที่กำลังรวบรวมขึ้น กลับได้ยินเสียงดังขึ้นที่ข้างหู

แต่เหมือนว่าเขาจะไม่มีทางที่จะหยุดยั้งได้ เพราะเมื่อพลังวิชา ได้เริ่มต้นขึ้น คงไม่สามารถที่จะหยุดยั้งมันได้อีก

ดวงตาสองข้างแดง ไอความร้อนระบายออกมา เหมือนกับ เทพคุ้มครองดวงชะตาในโลกมนุษย์

กระแสพลังอันแกร่งกล้าที่ระเบิดออกมาทำให้พี่น้องตระกูลเ ถึงกลับต้องถอยหลัง

ซึ่งนอกจากจะรับมือการระเบิดพลังของเฉินเฟิงแล้ว พวกเขา ยังคิดว่านี่อาจคงเป็นการแสดงวิชาพลังอันชั่วร้ายขั้นต้นของ เฉินเฟิง จากนั้นคงจะมีเกล็ดดขึ้นรอบตัว โดยที่พวกเขาได้ เตรียมพร้อมเอาไว้แล้ว

ขณะเดียวกันพวกเขาก็กำลังป้องกันตัวจากผู้ที่เอ่ยเสียงนั้นขึ้น เสียงที่ได้ยินเมื่อครู่นี้เพิ่งทราบได้ว่าเป็นของผู้หญิงคนหนึ่ง แต่ ตอนที่เห็นคนนั้นมาถึง จิตใจเกิดการหวั่นไหว

หญิงผู้นี้มีบุคลิกที่สง่างาม อยู่ในชุดกระโปรงยาวปาดไหล่ และสวมใส่รองเท้าส้นสูงสีแดงยืนอยู่บนพื้นดินที่ขรุขระอย่าง มั่นคง

แต่ที่ทำให้พวกเขาตกตะลึงนั่นก็คือ พวกเขารู้จักผู้หญิงคนนี้

“คุณชิงจือ! ”
พี่น้องสองคนอุทานขึ้นพร้อมกัน

หญิงสาวผู้นี้แซ่หยาง ชื่อชิงจือ เป็นคนที่ลึกลับอย่างที่สุด

พี่น้องตระกูลเน่ก็พบเจอหน้าเพียงแค่ครั้งเดียว โดยเป็นวันที่ ฉลองวันเกิดเจ้าสํานัก แต่คิดไม่ถึงว่าวันนี้จะได้พบเจอกันที่นี่อีก

“คุณชิงจือทำไมถึงเป็นคุณไปได้ล่ะ? ” เนเจิ้งถามขึ้น

แต่ชิงจือไม่ได้ตอบกลับ เธอเดินมาที่ข้างรถของเฉินเฟิง แล้ว มองไปยังสาวน้อยในรถที่มีความหวาดกลัวแต่ก็มีความอยากรู้ อยากเห็นและพูดขึ้นว่า

“ทำไมคุณถึงไม่พูดบอกกับฉัน

เธอพูดขึ้นอย่างน่าประหลาดใจ เหมือนกับว่ากำลังพูดคุยกับ ผู้ใหญ่ แต่เด็กน้อยที่อยู่เบื้องหน้านั้นเห็นได้ชัดว่ากำลังหลบหน้า ไม่กล้าที่จะพูดกับเธอ

“ฉันตามหาคุณมานานขนาดนี้ คุณกลับตั้งใจที่จะหลบซ่อนฉัน ตกลงเป็นเพราะเหตุใด? ”

เธอถามขึ้นอีกครั้งหนึ่ง

แต่ไม่ทันที่เธอได้รอฟังคำตอบ หมัดที่ทรงพลังก็ชกเข้ามาที่ตัว

เธอ

“ข้าจะบอกให้คุณรู้ว่ามันเป็นเพราะอะไร”

เจ้าของหมดนี้แน่นอนว่าเป็นของเฉินเฟิง พลังวิชาย้อนกลับ ของเขา ในจิตใจมีเพียงแค่การต่อสู้ โดยไม่สามารถที่จะควบคุมสติสัมปชัญญะเอาไว้ได้ ดังนั้นครั้งแรกที่เริ่มลงมือก็คือชิงจือที่อยู่ ใกล้กับเขามากที่สุด

“คุณชิงจือ ระวังตัวด้วย! ”

พี่น้องสองคนต่างก็ตกตะลึง เห็นเฉินเฟิงลงมือก็รีบตะโกน บอกเตือน โดยที่ร่างกายก็พุ่งกระโจนตามเข้าไปด้วย

แต่ชิงจือเพียงแค่ขยับตัว เฉินเฟิงก็ถูกเธอผลักกระเด็นออกไป พลังความสามารถขนาดนี้ คงน่าจะเป็นระดับชั้นมหา ปรมาจารย์อย่างไม่ต้องสงสัย

แต่เฉินเฟิงไม่สนใจว่าฝ่ายตรงข้ามจะมีพลังความสามารถแค่ ไหน เขาคิดแต่เพียงว่าจะจู่โจมเข้าใส่

ขณะที่กำลังจะจู่โจม พี่น้องสองคนก็เข้าใกล้ประชิดตัวเขาแล้ว

เฉินเฟิงจึงได้เพียงปะทะต่อสู้กับพวกเขาทั้งสองอีกครั้ง

ชิงจือไม่ได้ไปสนใจพวกเขา มองไปที่สาวน้อยที่อยู่ในรถ และ พูดขึ้นอย่างเย็นชาว่า

“หากว่าคุณไม่เอ่ยปากตอบคำถามฉัน ฉันก็จะรออยู่ที่ตรงนี้

พูดจบ ก็ยืนอยู่ตรงนั้น โดยที่ไม่พูดไม่จาอะไร และจ้องมองไป ที่สาวน้อยคนนั้นอย่างเดียว

ส่วนอีกฟากหนึ่งการต่อสู้ก็ยิ่งดุเดือดรุนแรงมากขึ้น


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ