ลูกเขยมังกร

บทที่ 917 การซื้อหยกที่แสนวุ่นวาย



บทที่ 917 การซื้อหยกที่แสนวุ่นวาย

แต่สิ่งที่ทำให้เธอนึกไม่ถึงเลยนั้นก็คือเงินเพิ่งจะกล่าวปฏิเสธ “อันนี้ไม่เอาดีกว่าครับ ในเมื่อเธอไม่กล้าที่จะเอา งั้นผมก็จะไม่ บังคับให้เธอพกติดตัว”

เมื่อได้ยินประโยคนี้ของเฉินเฟิง พนักงานขายสาวถึงกับผิด หวังเล็กน้อย แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังคงแสดงสีหน้ายิ้มแย้มออก มา: “ถ้าเกิดว่าทั้งสองชื่นชอบ ฉันจะเก็บเอาไว้ก่อนก็ได้ค่ะ รอ จนกระทั่งทั้งสองอยากจะซื้ออีกครั้ง ส่วนลดนี้ก็ยังคงให้เหมือน เดิม”

เฉินเฟิงได้เพียงพยักหน้ารับเบาๆ ก่อนจะพาเสียวเยเดินออก มาจากที่นั่น

แต่ในตอนนั้นเองที่มีหญิงสาวสวมใส่รองเท้าส้นสูงคนหนึ่งวิ่ง

เหยาะๆ เข้ามาด้านในร้าน

ทันทีที่เธอเดินเข้ามาก็ตะโกนใส่พนักงานว่า “หยกแขวนอัน นั้นที่ฉันถูกใจคราวที่แล้วเล่า

พนักงานที่ได้ยินจึงรีบเดินก้าวเข้าไปหาทันที : “คุณหวาง นี่เอง! ต้องขออภัยอย่างยิ่งเลยนะคะ หยกชิ้นนั้นของคุณถูกขา ยออกไปแล้วค่ะ”

เมื่อได้ยินอย่างนั้นหญิงสาวก็เดือดดาลขึ้นมาทันที “ฉัน บอกให้เก็บเอาไว้ให้ฉันก่อนไม่ใช่หรือไง? ทำไมเธอถึงเอาขายไปได้ นี่ฉันไม่ได้บอกว่าตัวเองจะกลับมาซื้อหรอกหรอ ? ”

พนักงานขายสาวถึงกับประหม่าขึ้นมา: “คุณบอกให้ฉันเก็บ เอาไว้ให้ก็จริงค่ะ แต่นี่ก็ผ่านมานานกว่าหนึ่งสัปดาห์แล้วนะคะ การจะให้พวกเราไม่ขายมันออกไปคงจะไม่ได้หรอกค่ะ!

ทันใดนั้นน้ำเสียงของหญิงสาวคนนั้นก็สูงขึ้นมา “ความ หมายของเธอก็คือฉันมาสายเกินไปงั้นสินะ ฉันบอกตกลงไปแล้ว ว่าอีกหนึ่งสัปดาห์ฉันจะหาเงินมาซื้อได้แน่นอน แต่พวกเธอกลับ เอามันขายไปก่อนซะแล้ว นี่พวกเธอเปิดร้านการแบบนี้นั้น หรอ ? ”

พนักงานถึงกับไปต่อไม่ถูกกันเลยทีเดียว

ทางด้านเฉินเฟิงพอจะดูออกแล้วว่าเป็นเพราะพวกเธอคิดว่า อีกฝ่ายคงจะไม่มีทางหาเงินจำนวนมากขนาดนั้นมาได้ ดังนั้นใน ตอนที่สามารถขายได้ พวกเธอจึงได้ขายออกไป

และแน่นอนว่าเรื่องพวกนี้ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับเฉินเฟิง

เลย

ซึ่งในตอนที่กำลังจะบอกเสียวเยว่าให้ทั้งสองออกไป ทางด้าน หลังกลับมีเสียงของหญิงสาวตะโกนแทรกขึ้นมาเสียก่อน

“พวกคุณสองคนหยุดเดี๋ยวนี้นะ”

ทั้งเฉินเฟิงและเสี่ยวเยต่างก็พากันหันหลังกลับไปมอง ซึ่งปรากฏว่าหญิงสาวคนนั้นกำลังเรียกพวกเขาอยู่
“มีปัญหาอะไรหรือเปล่าครับ? ” เฉินเฟิงถามด้วยความแปลก ใจ

หญิงสาวคนนั้นสังเกตมองเฉินเฟิงและเสี่ยวเย่ ก่อนจะถาม กลับ “หยกแขวนชิ้นนั้นพวกคุณเป็นคนซื้อไปแล้วใช่หรือ เปล่า ? ”

“หยกแขวนอะไร? ” เฉินเฟิงกล่าวถาม ถึงแม้ว่าตัวเขาพอจะ

คาดเดาได้แล้วก็ตาม

“ก็หยกแขวนลายมังกรนั่นไง

เฉินเฟิงตวาดสายตามองไปยังพนักงานขาย แต่พวกเธอไม่ กล้าที่จะมองมาทางเขาทั้งยังพากันหลบหน้าอีกต่างหาก

ซึ่งนั่นเป็นเพราะว่าพวกเธอได้ขายให้กับเฉินเฟิงไปแล้วจริงๆ “คุณมองอะไรกัน? ฉันถามว่าคุณซื้อหยกชิ้นนั้นไปแล้วใช่

ไหม”

เฉินเฟิงที่ได้ยินอย่างนั้นจึงหันกลับมามองเธออีกครั้งก่อนจะ ตอบ: “ใช่ ผมเอง

ขายมันให้ฉันซะ ฉันจะเพิ่มเงินให้คุณอีกหนึ่งพัน ” หญิงสาว พูดด้วยน้ำเสียงที่แข็งกร้าว

เฉินเฟิงยิ้มตอบ: “คุณคิดว่าผมดูเหมือนคนขาดเงินหนึ่งพัน นั้นหรอครับ? ”

แต่หญิงสาวกลับไม่ได้สนใจ :

“ห้าพัน ให้เยอะกว่านี้ไม่ได้แล้ว ฉันไม่อยากไปหาเรื่องให้กับคนเบื้องหลังของฉัน ถ้าหากว่า คุณยังไม่ยินยอมอีก ฉันจะไปเรียกคนอื่นให้มาคุยกับคุณ

เฉินเฟิง ใช้สายตามองไปที่เธอราวกับมองดูคนปัญญาอ่อน “ในเมื่อคุณพูดอย่างนี้ อย่างนั้นคุณก็ไปหาคนที่มีสมองมาคุยกับ ผมแทนเถอะ ผมไม่อยากจะคุยกับคุณ ”

แน่นอนว่าคำพูดแบบนี้ใครฟังก็เข้าใจได้ทันทีว่าเฉินเฟิงกำลัง ด่าว่าเธอไม่มีสมอง แม้แต่เสี่ยวเที่ยืนอยู่ข้างๆ ยังต้องแอบ กระตุกแขนเขา ด้วยความไม่ต้องการที่จะให้เฉินเฟิงสร้างปัญหา อะไรขึ้นมา

แต่เฉินเฟิงกลับไม่ได้สนใจเลยสักนิด

“คุณกล้าด่าฉันงั้นหรอ นี่คุณคงจะเบื่อการมีชีวิตแล้วสินะ

ถึงอย่างนั้นเฉินเฟิงยังคงไม่สนใจเธอ ทั้งยังดึงตัวเสี่ยวเย เตรียมจะออกไป

แต่หญิงสาวคนนั้นกลับรีบวิ่งเข้ามาตรงหน้าเฉินเฟิง แล้วขวาง

ทางพวกเขาเอาไว้

“พวกคุณจะไปไม่ได้”

เฉินเฟิงเริ่มรู้สึกหมดความอดทนขึ้นมา “หลีกไป! ”

“ฉันไม่หลีก” หญิงสาวคนนั้นตะโกนออกมาอย่างไร้เหตุผล

เฉินเฟิงยื่นมือออกไปขยับตัวหญิงสาวออกไปอีกทาง แต่ทว่า กําลังของเขามากเกินไปเสียหน่อย จึงทำให้หญิงสาวมีอาการโชเซเล็กน้อยจนเกือบจะล้มไปกับพื้น

หลังจากที่เธอยืนจนมั่นคงก็ร้องตะโกนลั่นออกมา : “รีบเข้า มาดูเร็ว คนทำร้ายผู้หญิง ”

คำพูดนี้ดึงดูดความสนใจของผู้คนตามท้องถนนเป็นอย่าง มาก เพียงไม่นานคนที่อยู่บริเวณโดยรอบก็ต่างหันมามองยัง พวกเขา ซึ่งนั่นทำให้เงินเฟิงรู้ได้เลยว่ากำลังเจอกับปัญหายุ่ง ยากแล้ว ถ้าหากว่าตัวเขายังถูกรั้งเอาไว้ที่นี่ต่อไป สำหรับเขา แล้วนั้นเป็นเรื่องที่ยากจะอธิบายและไร้หนทางที่จะทำให้คนกลุ่ม นี้เข้าใจเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

ซึ่งปัญหาไร้สาระพวกนี้เป็นเรื่องที่เฉินเฟิงไม่สามารถจัดการ ได้ด้วยมากที่สุด

เฉินเฟิงจึงหันไปกระซิบกับเสี่ยวเที่อยู่ข้างๆ : “พวกเราต้อง

วิ่งแล้ว คุณจับมือผมเอาไว้ให้ดีล่ะ

เสี่ยวเยที่ยังไม่ทันได้ตั้งตัว เธอก็ถูกเฉินเฟิงจับมือเอาไว้ก่อน จะวิ่งหนีออกมาท่ามกลางสายตาที่อยากรู้อยากเห็นของผู้คน เหล่านั้น

เมื่อวิ่งมาได้หลายร้อยเมตร เสี่ยวเยก็เหนื่อยจนแทบจะวิ่งต่อ ไม่ไหว

“คุณชายเฉิน ฉันวิ่งต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว” เธอใช้มือทั้งสองข้าง ยันหัวเข่าเอาไว้พร้อมกับหายใจหอบอย่างหนัก

แน่นอนว่าไม่มีใครวิ่งตามหลังมา และหญิงสาวคนนั้นก็ไม่มีทางวิ่งตามมาทันอีกด้วย ดังนั้นเฉินเฟิงจึงหยุดเท้าลง

“ทำไมคุณถึงได้อ่อนแอแบบนี้นะ! ” เฉินเฟิงยืนหัวเราะเยาะ อยู่ข้างๆ

“คุณชายเฉิน ฉันเป็นแค่ผู้หญิงคนหนึ่งนะคะ ฉันวิ่งไม่ไหว มัน ก็เป็นเรื่องปกติไม่ใช่หรอคะ ? ” เสี่ยวเพูดไปพลันหอบไป ใบ หน้าเล็กๆ นั้นของเธอแดงขึ้นมา พร้อมกับดวงตาที่เบิกกว้าง ทําให้น่าเอ็นดูอย่างมาก

“เป็นผู้หญิงแล้วยังไง จะบอกว่าเธอเป็นแค่ผู้หญิงธรรมดา ทั่วไปงั้นหรอ ? ” เฉินเฟิงตอบกลับ

เสี่ยวเยถึงกับมองไปยังเฉินเฟิงด้วยความสงสัย “แล้วฉัน ไม่ใช่หรอคะ? ฉันคิดมาตลอดว่าตัวเป็นแค่คนธรรมดานะคะ

ทันใดนั้นสีหน้าของเฉินเฟิงก็จริงจังขึ้นมา: “คุณจะเป็นผู้

หญิงธรรมดาทั่วไปได้ยังไงกัน เท่าที่ผมเคยเจอมาคุณน่ะเป็นผู้

หญิง …….

เฉินเฟิงหยุดชะงักลงแล้วมองไปยังเสี่ยวเย่ ซึ่งนั่นทำให้เสียว เย่แทบจะอดอยากรู้ไม่ได้ว่าแท้จริงแล้วตัวเองเป็นคนแบบไหน ในสายตาของเฉินเฟิง เธอเฝ้ารอคำตอบก่อนจะถามออกไปด้วย ความเขินอาย : “คุณชายเฉิน……..น่าเกลียดเกินไปแล้ว”

“เสี่ยวเย่ คุณเข้าใจผมผิดแล้ว อันที่จริงคุณเป็นผู้หญิงที่พูด เยอะที่สุดคนหนึ่งเท่าที่ผมเคยเจอมาเลยต่างหาก

เสี่ยวเย่ที่ได้ยินก็จ้องเฉินเฟิงด้วยความโกรธทันที
ถึงแม้ว่าเสี่ยวเย่จะเป็นผู้หญิงที่มีอารมณ์ขัน สามารถพูดหยอก ล้อได้ตลอดเวลา แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็มีอารมณ์โกรธเช่นกัน และ เมื่อเป็นแบบนี้คำพูดหยอกล้อนี้จึงทำร้ายจิตใจเสี่ยวเย่เข้าไป อย่างจัง

เธอโกรธขึ้นมา และด้วยความน้อยใจจึงทำให้เธอมองไปยัง เงินเฟิงอย่างไม่พอใจและไม่พูดอะไรเลยสักค

ส่วนเฉินเฟิงนั้นก็เข้าใจได้ทันทีว่าคำหยอกล้อของตัวเองนั้นมี ความเกินเลยไปแล้ว เขาจึงรีบหุบยิ้มของตัวเองลงแล้วหันไป กล่าวขอโทษอย่างจริงจัง : “เสี่ยวเย่ ผมผิดไปแล้ว ผมไม่ควร จะพูดล้อเล่นแบบนี้กับคุณ

แต่ว่าน้ำตาของเสี่ยวเย่นั้นกลับเอ่อล้นขึ้นมาและพร้อมจะร่วง ลงมาได้ทุกเมื่อแทน

“คุณยกโทษให้คุณชายเฉันเถอะนะ คุณชายเฉินสำนึกผิดแล้ว

* เฉินเฟิง ใช้คำเรียกที่เสี่ยวเยมักใช้เรียกตัวเองขึ้นมา แต่ถึง 11 อย่างนั้นเสี่ยวเย่ก็ยังไม่ยอมพูดกับเขาอยู่ดี และในตอนนั้นเอง หญิงสาวสวมรองเท้าส้นสูงคนนั้นก็วิ่งเข้า

มาทางพวกเขา

“พวกคุณอย่าวิ่งหนีนะ ” เธอหอบหนักจนแทบไม่ไหว จึงทำให้ เสียงตะโกนนั้นเบาลงไปด้วย

แต่ถึงอย่างนั้นเฉินเฟิงและเสี่ยวเยก็พอจะได้ยินเสียงนั้นอยู่ดี เฉินเฟิงหันไปดึงมือเสี่ยวเยทันที แต่เสี่ยวเข่กลับไม่มีการตอบสนองใดๆ และเพียงปล่อยให้เงินเฟิงดึงตัวไว้อย่างนั้น แต่ในขณะเดียวกันตัวเธอเองก็วิ่งต่อไม่ไหวอีกแล้ว จึงร้อง

ออกมา : “ฉันวิ่งต่อไม่ไหวแล้วค่ะ”

เฉินเฟิงหันไปมองเพียงแวบเดียวก็อุ้มตัวเธอขึ้นมาอยู่ในอ้อม แขน ก่อนจะสาวเท้าวิ่งอีกครั้ง

และด้วยความเร็วของเฉินเฟิง ทำให้เพียงไม่กี่นาทีต่อมาเขาก็ นำห่างมาได้สามสี่ไมล์แล้ว

โดยที่หญิงสาวคนนั้นที่วิ่งตามหลังมาก็ถูกสลัดทิ้งไปได้อย่าง ง่ายดาย แต่ว่าเงินเฟิงที่ยืนอยู่ตรงนั้นกลับยังอุ้มเสียวเย่เอาไว้ ไม่ปล่อย

“วางฉันลงได้แล้วค่ะ” เสี่ยวเพูดพลางผลักแผ่นอกของเฉินเฟิง


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ