ลูกเขยมังกร

บทที่ 442 ตรวจสอบออกมาได้แล้ว



บทที่ 442 ตรวจสอบออกมาได้แล้ว

“ใช่ก็คือใช่ ไม่ใช่ก็คือไม่ใช่ อะไรเรียกว่าเป็นไปได้มากว่าใช่?!” น้ำเสียงของเราดยิ่งเพิ่มความไม่พอใจ จ้าวเขียนชิพูดแบบนี้ แสดงว่าอีกฝ่ายคงเป็นหัวจิ้งแน่แล้ว

จากนั้นเขามองจ้าวเขียนชิวอย่างไม่พอใจเล็กน้อยว่า “ทำไม จู่ๆก็มีหัวจิ้งโผล่มา?! ก่อนลงมือลอบสังหาร คุณไม่ทำการตรวจ สอบเลยหรือไง?”

“มีหรือที่ผมจะไม่ตรวจสอบ” จ้าวเขียนชิวกลับเดือดยิ่งกว่า “ก่อนลอบฆ่าเขา ผมให้คนสามกลุ่มออกไปตรวจสอบฐานะเขา แล้ว แต่เจ้าพวกหน้าโง่นั่นกลับตรวจได้แค่เปลือกนอก ไม่ได้ สืบค้นโดยละเอียด

“เดิมผมคิดจะออกไปตรวจสอบเอง แต่ใครจะรู้ว่า วันนั้นคุณ หนูจะไปหาเขาพอดี”

“ผมกลัวเขาจะเปิดเผยข้อมูลให้ตระกูล หรือเป็นพยานให้ ตระกูล ก็เลยให้ซุนอู่ติดต่อนักดาบประเทศญี่ปุ่นคนหนึ่งที่เคย รู้จักเมื่อหลายปีก่อนไปจัดการเขาให้สิ้นซากซะ”

“แต่ไม่คิดว่า…”

พอพูดถึงตรงนี้ จ้าวเขียนชิวก็มีสีหน้าหงุดหงิดขึ้นมา สรุปแล้ว เรื่องนี้เขาใจร้อนมากเกินไปเอง ถ้ารอตรวจสอบฐานะเงินเพิ่งให้ เรียบร้อยก่อนค่อยลงมือ คงไม่เป็นอย่างตอนนี้แน่
“ไม่คิดว่าอะไร?” เงา ขมวดคิ้วถาม เขายิ่งอยากรู้ว่าต่อมา เกิดอะไรขึ้น เพราะฟังจากน้ำเสียงก้าวเขียนซิวแล้ว ฐานะเงินเฟิง ไม่ธรรมดาเอามากๆเลย

“เจ้านั่นเป็นคนตระกูลเฉิน” จ้าวเขียน วพูดพลางถอนหายใจ

“ตระกูลเฉิน?! ตระกูลเฉินยันเจียงนั่น?!

เงา เอดสะท้านเยือก ในอกไม่ได้ เขาตกใจจนดวงตาแทบ ถลนออกมานอกบ้า

“ใช่ ตระกูลเฉินยันเจียงน่ะแหละ” จ้าวเขียนวพูดอย่าง เหนื่อยใจ หวาเซียมีตระกูลเฉินเป็นร้อยเป็นพัน แต่ที่สามารถ ทำให้คนระดับพวกเขาหวั่นเกรงได้ ก็มีแค่ตระกูลเฉินของยัน เจียงเท่านั้น

ตระกูลเฉินที่เคยมีมหาปรมาจารย์สองคนนั้นแหละ

“เจ้าโง่!”

“โง่สิ้นดี!”

“ทำไมแกต้องยุ่งกับตระกูลเฉินนั่นด้วย?! แกรู้ไหมว่าตระกูล เฉินหมายถึงอะไรสำหรับพวกเรา?!” เงาตะคอกเสียงกร้าว ดวงตาแดง ดุจเลือด

หน้าอกเขาพองฟู เห็นได้ชัดว่าโกรธจนถึงขีดสุด ก่อนนี้ที่ ได้ยินจ้าวเขียนชิวบอกว่าไปหาเรื่องหัวจิ้ง ถึงเขาจะโกรธ แต่ยัง พอมีสติเหลืออยู่ แต่ตอนพอได้ยินว่าหัวจิ้งที่จ้าวเขียนซิวไปหา เรื่องเป็นคนของตระกูลเฉิน เขาขาดสติแล้ว
“คุณอย่าพึ่งใจร้อน ฟังผมก่อน ข้าวเขียนวขมวดคิ้ว เจ้า นั่นเป็นดนตระกูลเฉินจริง แต่ความสัมพันธ์ของเขากับตระกูลเฉิน ไม่ใช่แบบที่คุณคิด”

“หมายความว่ายังไง?” เงา มองหน้าจ้าวเขียนซิวอย่าง งุนงง

“เขาเป็นลูกนอกสมรส ไม่ได้รับการยอมรับที่ตระกูลเฉิน ตอน นี้มีคนไม่น้อยในตระกูลเฉินที่อยากให้เขาตาย” จ้าวเสี้ยนชิวพูด เสียงขรึม ถ้าเฉินเพิ่งได้รับการยอมรับในตระกูล เป็นคนตระกูล เฉินอย่างแท้จริง งั้นครั้งนี้เจ้าสำนักจินเจียจงอย่างเขาคงต้อง ตายเป็นเพื่อนซุนฉ่แน่

เพราะมีแต่ทางนี้ถึงจะบรรเทาความโกรธของตระกูลเฉินได้

น่าเสียดายที่เฉินเฟิงไม่ใช่ เฉินเฟิงเป็นแค่ลูกนอกสมรสคน หนึ่ง แถมเขายังมีเรื่องกับคนในตระกูลไปกว่าครึ่ง ตอนนี้ภายใน ตระกูลเฉิน คนที่อยากให้เฉินเพิ่งตายมีไม่น้อยเลย

ครั้งนี้การที่สหพันธ์สงครามยอมปล่อยจินเจี่ยจงมาง่ายๆ ก็ เกี่ยวพันธ์กับคนในตระกูลเฉินบางคนแอบกดดันเหมือนกัน

พอได้ยินจ้าวเขียนชิวเล่าเรื่อง โดยละเอียด เงาดำถึงถอน หายใจโล่งอก

เขาไม่คิดเลยว่า เรื่องมันจะซับซ้อนขนาดนี้

เดิมเขาแค่คิดจะฆ่าเจ้าหญิงน้อยตระกูลเท่านั้น แต่ไม่คิดเลย ว่าจะไปดึงคนของตระกูลเฉินมาเอี่ยวด้วย
“ทางตระกูลเฉินตอนนี้ยังไม่แสดงท่าทีอะไร แต่เท่าที่ดูตอนนี้ พวกเขาไม่อยากข้องเกี่ยวเรื่องนี้ เหมือนจะเชียร์ให้พวกเราสู้กับ เฉินเฟิงให้รู้แล้วรู้รอดไปด้วยซ้ำ” จ้าวเขียน วพูดต่อ

“เหอะ คิดซะสบายเลยนะ!” เงาแค่นเสียง “เฉินเฟิงนั่นที่ แกพูดถึงไม่ได้รับการยอมรับในตระกูล แถมยังมีความแค้นกับ ตระกูลเฉิน คนมากมายในตระกูลเฉินอยากให้เขาตาย แต่จนถึง ตอนนี้เขาก็ยังไม่ตาย มันบอกได้ว่า เบื้องหลังเขาต้องมีคนคอย คุ้มครองอยู่แน่ และคนที่คุ้มครองเขามีอำนาจในตระกูลเฉินมา กด้วย จนแทบจะถึงขั้นคนอื่นไม่กล้ามีความเห็นด้วย

“ใช่ คนตระกูลเฉินคิดจะยืมมือเราฆ่าคน อันนี้ผมก็ดูออก จ้าวเขียน วพยักหน้า

“เหอะ คิดจะใช้พวกเราเป็นเครื่องมือ คนบางคนน่ะชอบ วางแผน ” เงาค่าแค่นเสียง จากนั้นเขาเหล่จ้าวเขียนชิวอีก กําชับเสียงขรึมว่า: “งั้นต่อไปอย่าไปหาเรื่องเงินเฟิงนั่นอีกเด็ด ขาด เรื่องภายในตระกูลเฉินซับซ้อนเกินไป ถ้าไม่ระวัง พวกเรา อาจจะโดนล้างตระกูลได้

“ผมเข้าใจ”

“จริงสิ ทางสหพันธ์สงครามว่ายังไงบ้าง?” เงาดำถาม

“ทางสหพันธ์สงคราม…พวกเขาลงมติให้ทําลายวรยุทธ์ของ ซุนทั้งหมด และขับไล่ซุนออกนอกประเทศ” จ้าวเสี้ยนชิวพูด เสียงเครียด ต้องยอมรับจริงๆว่า มตินี้ส่งผลกระทบต่อจินเจียง มากโขอยู่ ปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้ของจีนเจียงที่รับรู้กันโดย
ทั่วไปมีทั้งหมด คน

ชุนสนิทกับเขาที่สุด และยังเป็นคนที่แกร่งที่สุดรองจากเขา

ด้วย

ตอนนี้ซุนจู่โดนทำลายวรยุทธ์ การควบคุมของเขาที่มีต่อจีน เจียจงก็จะน้อยกว่าเมื่อก่อนลงไปกึ่งหนึ่ง

“ดูแลครอบครัวเขาให้ดีละกัน อย่าทำให้เขาเสียใจ” เงาดำ ถอนหายใจ อันที่จริงซุน ไม่จำเป็นต้องโดนทำลายวรยุทธ์เลย ถ้าเพียงแต่จ้าวเซียนซิวจะทํางานอย่างระมัดระวังหน่อย ไม่ใช้นัก ดาบประเทศญี่ปุ่น แบบนั้นจินเจี่ยจงก็ไม่ต้องได้ชื่อว่าสมคบคิด ประเทศญี่ปุ่นแล้ว

แต่ว่ามาพูดแบบนี้ตอนนี้ดูจะเป็นการกล่าวโทษเกินไปหน่อย วันนั้นที่จ้าวเขียนซิว ก็เพื่อทำเรื่องให้มันง่ายหน่อย ป้องกันคน โยงมาถึงตัวจินเจียจงได้ แต่ใครเลยจะคิดว่า นักดาบประเทศ ญี่ปุ่นจะแย่ขนาดนี้?

“แล้วร่องรอยของคนนั้นล่ะ ตรวจสอบได้หรือยัง?” เงาดำถาม ต่ออีก

“ตรวจสอบได้แล้ว” จ้าวเชียนซิวพูดเสียงต่ำ

“เขาเคยไปที่ไหน?!” เงาดำดูเคร่งเครียดขึ้นมาทันที

“ซางโจว!” จ้าวเขียนชิวพูดออกมาสองคำ

“สิบเก้าปีก่อน เขาเคยไปช่างโจวครั้งหนึ่ง ตอนนั้นเขาอยู่ที่ ยางโจวประมาณเดือนกว่า”สิบปีก่อนเขาก็ไปซางโจวอีก จนถึงตอนนี้ยังไม่มีใครรู้ว่าเขา ไปที่ไหนแล้ว”

แหล่งข่าวเชื่อถือได้ไหม?” เขาถามอย่างใจเย็น

“เชื่อถือได้ คนที่ให้ข่าวผมคือ ผู้อาวุโสคนหนึ่งในฝ่ายตรวจ สอบของสหพันธ์บูโด” จ้าวเชียนซิวบอก

“สืบ! รีบไปสืบเลย! รีบไปสืบว่าคนนั้นเคยรู้จักใครบ้างตอน อยู่ชางโจว! แผนการของเราจะสำเร็จหรือไม่ ก็ขึ้นกับเรื่องนี้แล้ว เงาดำดูตื่นเต้น เขารออยู่ที่นี่มาห้าปี ในที่สุดก็ได้ยินข่าวที่เขา อยากได้แล้ว

พอสืบได้ถึงสิ่งที่คนนั้นเหลือไว้ เขาก็จะไปได้ทุกที “ผมจะรีบให้คนไปสืบครับ” จ้าวเขียน วพยักหน้า

“อย่าใช้คนอื่น แกไปสืบเอง! เรื่องสำคัญขนาดนี้ นอกจากแก แล้วฉันไม่วางใจให้ใครไปทำ” เขาพูดเสียงเย็น

“ก็ได้ งั้นผมจะไปสืบเอง” จ้าวเสี้ยนชิวหน่ายใจเล็กน้อย ให้ ปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้อย่างเขาไปสืบเอง ก็มีแค่คนตรงหน้านี้ แหละที่ทําได้


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ