ลูกเขยมังกร

บทที่ 864 จื่อเยวถูกจับแล้ว



บทที่ 864 จื่อเยวถูกจับแล้ว

หลังจากที่เฉินเฟิงและเซียงหลันกลับมาถึงที่พักแล้ว ก็มีคน เข้ามาถามเขา

“คุณผู้หญิงคนนั้นที่มากับคุณท่านได้คืนห้องออกไปแล้ว ไม่

ทราบว่าท่านจะคืนห้องเมื่อไหร่?

เฉินเฟิงถามด้วยความสงสัยว่า “เด็กสาวที่ผอมๆคนนั้นเหรอ? เธอทําไมคืนห้องไปแล้วล่ะ?”

คนนั้นตอบว่า “อันนี้พวกเราก็ไม่ทราบแน่ชัดได้ แต่ตัวเธอเอง มาคืนห้องตรงหน้าเคาน์เตอร์จริงๆ ไม่เช่นนั้นท่านก็ลองถามเธอ ด้วยตัวเองดีมั้ย?”

เฉินเฟิงสีหน้าบึ้งตึงทันที เดิมทีนึกว่าน่าจะเป็นตู้กูหยุน เขา รับปากกับหลี่จื่อเยว่ว่าจะพาเธอไปหาชิงจือ แต่ว่าตอนนี้เธอกลับ หายตัวไปเสียแล้ว

เมื่อเห็นสีหน้าของเฉินเฟิงแฝงด้วยความโกรธ เซียงหลันจึง

ถาม “ท่านเฝิง นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอคะ?”

เฉินเฟิงตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ไม่เกี่ยวกับแก

เซียงหลันอยู่ดีๆหาเรื่องใส่ตัว เมื่อครู่ก็ได้ยินว่าเด็กสาวที่อยู่ ด้วยกันกับเฉินเฟิงนั้นถูกคนพาตัวไปแล้ว เธอคาดเดาว่าคงเป็น สาเหตุเรื่องนี้ แต่ก็ไม่รู้แน่ชัดว่าความสัมพันธ์ระหว่างเด็กสาวกับ เฉินเฟิงนั้นเป็นอย่างไร ดังนั้นก็ไม่กล้าถามให้ชัดเจน
จึงได้แต่รอคอย กลับได้ยินเฉินเฟิงถามเธอว่า “แกสามารถจะ หาตัวตู้กูหยุนมาได้ไหมล่ะ”

เซียงหลันตกตะลึงสักพัก เธอจะไปหาเขาอย่างไรกัน แม้แต่ หลบหลีกยังไม่ทันเลย กำลังคิดจะพูดแซวเล่น แต่เห็นสีหน้าของ เฉินเฟิงยังบึ้งตึงเหมือนเดิม จึงพูดอย่างจริงจังว่า “ถึงแม้ว่ากู หยุนได้ฉายาว่ากระเรียนพัน แต่ว่าก็ต้องมีที่พักอาศัยเป็นที่เป็น ทางบ้าง เพียงแต่ว่า เบื้องหลังเขามีหมาป่าทะเลทรายหนุนหลัง อยู่ ในทะเลทรายที่กว้างใหญ่แห่งนี้ คิดจะหาเขาคงเป็นเรื่องที่ ยากลำบากมากทีเดียว”

เฉินเฟิงพูดอย่างรำคาญใจว่า “ฉันก็แค่อยากรู้ว่าหาเขาได้ยัง ไงเท่านั้นเอง”

เซียงหลันรู้สึกไม่สบายใจอย่างมากเมื่อถูกสายตาที่จ้องจะฆ่า

คนเช่นนั้นมองมายังเธอ จึงพูดอย่างลังเลว่า “ถ้าหากคุณอยาก

จะตามหากหยุนจริงละก็ วิธีที่ดีที่สุดก็คือไปขอความช่วยเหลือ

จากตระกูลเซียน”

เฉินเฟิงจ้องมองเชียงหลันเขม็ง แล้วพูดอย่างเรียบๆว่า “ได้ งั้นก็พาฉันไปบ้านตระกูลเชียนแล้วกัน”

ในใจเชียงหลันก็ย่อมไม่เต็มใจเป็นธรรมดา เดิมทีเธอก็ไม่ ชอบอยู่แล้ว ยิ่งไปกว่านั้นเชียนหนึ่งได้พาเพื่อนสนิทของเธอจาก ไป เพียงแต่ว่าเธอก็เกรงกลัวเฉินเฟิง เมื่อคิดดูแล้ว ก็ต้องยอม ตกลงตามนั้น

ถึงแม้ว่าในสองปีนี้ชื่อเสียง ใช่ว่าจะโดดเด่นมากนักก็จริง แต่ว่าตระกูลเซียนยังไงก็เป็น ตระกูลใหญ่ที่สืบทอดกันมายาวนาน นับพันปีแล้ว เพียงแค่ทรัพย์สมบัติแต่ละยุคสมัยที่ได้สั่งสมมานั้น ก็มากพอที่จะให้ตระกูลเซียนนั้นอยู่เหนือคนอื่นอีกเป็นจำนวน มาก

ศาลากลาง สิ่งก่อสร้างริมทางตระการตา ตึกรามบ้านช่อง อาคารคฤหาสน์หรูหราอร่าอร่าม ย่างเข้าเดือนเก้า ใบไม้ร่วง หล่น เห็นใบไม้ร่วงก็ให้รู้ฤดูใบไม้ร่วงมาเยือนแล้ว

เฉินเฟิงนั่งอยู่ในศาลาสุ่ยนั้น ภายในศาลามีคนยืนบริการอยู่ ข้างๆ บนโต๊ะมีผลไม้วางอยู่ ไอร้อนจากน้ำชาร้อนแก้วหนึ่ง ค่อยๆลอยขึ้น แต่ว่าเจ้าของบ้านยังมาไม่ถึง เฉินเฟิงจึงได้แต่นั่ง รอต่อไป

มีหญิงสาวหน้าใสคนหนึ่งจูงเด็กน้อยอายุรามแปดเก้าขวบ กำลังเล่นน้ำอยู่ฝั่งตรงข้าม ส่งเสียงแจ๋วเจ้ามาเป็นระยะๆ เด็ก คนนั้นหน้าตาขาวใสสะอาด แต่งตัวก็ดูสวยงามดี คาดเดาว่าน่า จะเป็นลูกหลานเจ้าของบ้าน

ขณะกำลังนั่งมองเพลินๆอยู่นั้น ก็มีคนเดินเข้ามายังศาลาย

หน้าตาท่าทางดูแล้วอายุก็ราวยี่สิบกว่า รุ่นราวคราวเดียวกับ เฉินเฟิง ใบหน้าเกลี้ยงเกลาไร้หนวดเครา แขนขาเรียวยาว ก็นับ ว่าเป็นคุณชายที่หน้าตาสดใสหล่อเหลาเอาการทีเดียว

ยังไม่ทันที่จะได้เห็นหน้าเฉินเฟิงเลย ก็ส่งยิ้มเดินเข้ามาแต่ไกล เมื่อได้พบว่าเฉินเฟิงแล้ว ก็รีบแนะนำตัวเองว่า “กระผมเชียน สวน ไม่ทราบว่าคุณท่านมีนามว่าอะไรเหรอ?”
เฉินเฟิงตอบว่า “เฉินเฟิง”

เดิมทีนึกว่าฝ่ายนั้นไม่น่าจะรู้จักตัวเอง แต่นึกไม่ถึงว่าเขียน สวนกลับแสดงสีหน้าตกตะลึงแล้วพูดว่า “คุณท่านน่าจะเป็นคน ที่สู้ชนะกษัตริย์ภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่ชื่อเฉินเฟิงคนที่สำนัก เทียนซานกำลังตามจับตัวท่านนั้นสิ

เฉินเฟิงยิ้มแหยๆ ในใจก็คิดว่า คงเป็นเพราะเรื่องนี้ ที่เขา อยากจะทําตัวให้สงบเงียบแต่ก็สงบไม่ลงเสียที

แต่มองดูฝ่ายนั้นก็ไม่ได้มีทีท่าว่าจะปฏิเสธตัวเอง จึงพูดด้วย รอยยิ้มว่า “เป็นผมเองจริงๆ เพียงแต่ว่าเรื่องของสำนักเรียน ซานเป็นเรื่องที่เข้าใจผิดที่ซับซ้อนมาก ผมก็ไม่มีโอกาสที่จะไป อธิบายให้กับปรมาจารย์ทั้งสองท่านนั้นให้เข้าใจเลย

ดูเหมือนว่าเซียนสวนก็ไม่คิดอยากจะล้วงลึกเรื่องนี้ ได้แต่พูด ตามมารยาทว่า “คุณท่านอุตส่าห์ให้เกียรติมาเยือนถึงถิ่น นับว่า เป็นเกียรติอย่างสูงสำหรับบ้านตระกูลเชียนพวกเรา เพียงแต่ไม่ ทราบว่าเหตุใดคุณท่านถึงมาที่บ้านตระกูลเซียนได้ล่ะ”

ทั้งสองคนต่างนั่งเผชิญหน้าคุยกัน เฉินเฟิงสามารถสัมผัสได้ ถึงกลิ่นอายที่ห้าวหาญในตัวของเขา น่าจะเป็นคนที่ฝึกวรยุทธ์ คนหนึ่ง เพียงแต่ไม่รู้ว่าฝึกถึงขั้นไหนแล้ว

เมื่อเชียนสวนถามขึ้นก่อน เฉินเฟิงจึงตอบอย่างตรงไปตรง มาว่า “ความจริงแล้วที่มาในวันนี้ ผมก็มีเรื่องหนึ่งที่จะมาไหว้ วานขอร้อง”

เชียนสวนมองไปยังเฉินเฟิงอย่างแปลกใจ แล้วพูดว่า “เท่าที่พวกเราพอทราบเกี่ยวกับคุณท่านแล้ว ดูเหมือนว่าเรื่องราวที่ ทำให้คุณท่านไม่สามารถแก้ไขได้ มันคงเป็นเรื่องที่ไม่ธรรมดา เลย หรือว่าคุณท่านจะให้พวกเราช่วยรับมือกับสํานักเทียนซาน ถ้าเป็นเรื่องนี้ละก็ พวกเราก็ได้แต่กล่าวคำว่าขอโทษ

เฉินเฟิงกลับนึกไม่ถึงว่าตระกูลเซียนจะรู้เรื่องราวของตัวเองได้ เป็นอย่างดี แต่ว่าเซียนสวนรีบปฏิเสธล่วงหน้าเกี่ยวกับเรื่อง ของสำนักเทียนซาน แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธที่จะช่วยเหลือเฉินเฟิงใน เรื่องอื่น

เฉินเฟิงพูดว่า “ไม่ใช่เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับสำนักเทียนซาน แน่นอน เรื่องนั้นสําหรับผมแล้ว ถึงแม้จะเป็นเรื่องที่ยุ่งยากก็จริง แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีทางแก้ไขได้

เซียนสวนยี่เพียงแต่ยิ้มอย่างเรียบๆ ไม่ได้แสดงความเห็น เกี่ยวกับคำพูดของเฉินเฟิงแต่อย่างไร แต่เฉินเฟิงก็รู้ว่าเขาไม่เชื่อ อย่างแน่นอน นั่นมันไม่ใช่เรื่องสำคัญ ที่เขามาก็ไม่ใช่เพราะเรื่อง นี้ด้วย

“ส่วนวันนี้ที่ผมมาที่นี่ ก็คิดอยากจะขอซื้อข้อมูลข่าวสารจาก บ้านตระกูลเซียน และหวังว่าตระกูลเซียนจะยอมช่วยเหลือเรื่อง เล็กน้อยบ้าง ส่วนราคาเท่าไหร่ก็เสนอมาได้เลย”

เซียนสวนพูดอย่างแปลกใจว่า “คุณท่านจะมาขอซื้อข้อมูล ข่าวสารอะไรเหรอ ทำไมไม่ไปหาที่สหพันธ์สงครามล่ะ? ข้อมูล ข่าวสารของพวกเขาน่าจะมีครบถ้วนมากกว่านะ

เฉินเฟิงพูดว่า “นั่นก็เป็นเพราะว่าสหพันธ์สงครามไม่มีข่าวสารนี้อย่างแน่นอน ดังนั้นผมจึงต้องมาหาจากตระกูลใหญ่ที่มีบารมี มากที่สุดในทะเลทรายแห่งนี้ไงล่ะ”

เมื่อได้รับคําชมเชยเช่นนี้ เซียนสวนก็ย่อมดีใจเป็นธรรมดา แต่ว่าเขาก็ไม่เอ่ยปากตอบตกลงทันที แต่กลับถามว่า “แม้แต่ สหพันธ์สงครามก็ยังไม่มีข่าวนี้เลย ตระกูลเซียนพวกเราก็ไม่กล้า รับประกันว่าจะมี แต่ว่าคุณท่านลองพูดมาก็ไม่น่าจะมีอะไรเสีย หายเลย”

เฉินเฟิงจึงพูดว่า “ผมอยากจะหาคนคนหนึ่ง

“ใครเหรอ?”

“กระเรียนพันลี้ ตูกหยุน”

เชียนสวนได้แต่มองไปยังเฉินเฟิง แต่ไม่ได้รีบตอบรับทันที ผ่านไปสักครู่ เขาจึงพูดว่า “คนคนนี้เป็นคนของหมาป่าทะเล ทราย ถ้าหากให้เขารู้ว่าตระกูลเชียนเรากำลังตามหาเขาอยู่ละก็ ไม่แน่อาจจะคิดว่าตระกูลเชียนเรากำลังจะลงมือจัดการกับ หมาป่าทะเลทรายก็ได้ ดังนั้นเรื่องนี้ไม่ใช่เพราะว่าผมไม่อยาก จะช่วยหรอกนะ แต่มันไม่สามารถช่วยได้จริงๆ”

เฉินเฟิงกลับนึกไม่ถึง เขาถามว่า “หรือว่าตระกูลเซียนก็เกรง กลัวหมาป่าทะเลทรายนี้ด้วยเหรอ?”

เซียนสวนพูดด้วยรอยยิ้มว่า “คุณท่านก็ไม่จำเป็นต้องใช้วิธี ยั่วยุเช่นนี้หรอก ตระกูลเชียนพวกเรากับหมาป่าทะเลทรายต่าง ฝ่ายต่างก็มีอิทธิพลในทะเลทรายแห่งนี้ ที่ผ่านมาก็ไม่เคยต้อง แวะก้าวก่ายซึ่งกันและกันอยู่แล้ว จึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องไปยุ่งเกี่ยวกับพวกเขาเลย

เฉินเฟิงพูดว่า “เพียงแค่ข่าวสารชิ้นเดียวก็ไม่ได้เลยเหรอ? ถ้า หากเขารู้ความจริงแล้ว คุณสามารถที่จะโยนมาให้ผมรับไปคน เดียวได้เลย”

เขียนสวนพูดว่า “คุณท่านครับ ผมก็พูดไปแล้ว เรื่องนี้เป็น เรื่องที่ช่วยไม่ได้จริงๆ

เฉินเฟิงผิดหวังบ้างเล็กน้อย เดิมทีเขาน่าจะหาซื้อข่าวคราวนี้ ได้ เขาก็ยังเชื่อว่าในโลกนี้ไม่มีใครยอมที่จะปฏิเสธเงินตราได้ทั้ง นั้น แต่นึกไม่ถึงว่าตระกูลเชียนกลับปฏิเสธอย่างสิ้นเชิง

ส่วนตอนนี้เรียนสวนก็พูดอีกว่า “ถึงแม้ไม่รู้ว่าคุณท่านมีบุญ คุณความแค้นอะไรกับกหยุนคนนี้ก็ตาม แต่ว่าสวนก็อยากจะ ขอเตือนคุณท่านว่า ในเขตบริเวณทะเลทรายทางเหนือ ข้อห้าม ที่ควรจะหลีกเลี่ยงที่สุดก็คืออย่าไปมีเรื่องกับหมาป่าทะเลทราย เป็นดีที่สุด หากเป็นเหยื่อที่พวกเขาต้องไล่ล่าแล้ว ไม่มีทางที่จะ หลุดรอดไปได้เลย”

เฉินเฟิงสามารถรับรู้ได้ถึงความจริงจังของเซียนสวน


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ