ลูกเขยมังกร

บทที่ 827 น้าป่าย



บทที่ 827 น้าป่าย

แต่กลับไม่มีใครตอบกลับคำถามของเขาเลย มีเพียงแต่ความ ตึงเครียดที่กำลังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

น้าปายตวาดสายตามองไปยังเด็กสาว

“มานี่! “น้าฝ่ายเรียกตัวเด็กสาว

เด็กสาวก้าวถอยหลังด้วยความตกใจ แต่แล้วเธอยังคงเงย หน้าขึ้นมองเฉินเฟิง ราวกับว่าเตรียมใจที่จะก้าวกลับไปหาน้า

ป่ายแล้ว

เฉินเฟิงจึงรีบก้มลงไปปลอบใจเธอทันที

“ไม่เป็นไรนะ เธอไม่ต้องกลัว ฉันจะปกป้องเธอเอง ยืนอยู่ ข้างๆ ฉันก็พอแล้ว”

แต่เด็กสาวกลับส่ายหน้าปฏิเสธ

เธอปล่อยมือของเฉินเฟิงออกแล้วค่อยๆ เดินถอยหลังไป พร้อมกับมองหน้าของเฉินเฟิง

“เธอกำลังกลัวหล่อน แต่ไม่เป็นไร ไม่ต้องกลัวไป

เฉินเฟิงยังคงพูดโน้มแล้วเด็กสาว

แต่เด็กสาวกลับเดินถอยหลังไปหลายก้าวแล้ว ราวกับว่านอก จากความหวาดกลัวแล้ว เธอยังมีเหตุผลอื่นที่ต้องทำแบบนี้
เฉินเฟิงยังคงไม่ลดละ แต่ว่าจะทำอย่างไรต่อไปหากดึงตัวเธอ เอาไว้ได้

รอจนเด็กสาวเดินไปถึงข้างกายน้าปาย น้าปายถึงค่อยพูดอีก ครั้ง “เรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ฉันจะไม่เอาเรื่องอะไรกับคุณ แต่ฉันหวังว่า

จะไม่มีครั้งต่อไป

หลังพูดจบ เธอก็จูงมือเด็กสาวกลับไป

ชิงชิววิ่งตามไปพร้อมคำถาม “น้าปาย ตอนนี้คุณซึ่งถือเป็นยัง ไงบ้าง ? ”

ในตอนที่น้าป้ายหันมามองชิงชิว สีหน้าของเธอดูอบอุ่นขึ้นมา เล็กน้อย แต่ยังคงมีกลิ่นอายของความเย็นชาเอาไว้

“บาดแผลของเธอดีขึ้นมากแล้ว แต่ฉันกักบริเวณให้เธอห้าม ออกจากเขาเด็ดขาด ต่อให้คุณรออยู่ที่นี่ เธอก็ไม่กลับมาหรอก นะ คุณกลับไปทำสิ่งที่ตัวเองต้องทำเถอะ แล้วฝากกลับไป ทักทายอาจารย์ของคุณแทนฉันด้วย”

หลังจากพูดจบประโยค เธอก็ไม่ได้สนใจชิงชิวอีก ก่อนจะพา เด็กสาวเดินกลับไปยังทางเดิมที่เข้ามา

เด็กสาวหันหลังกลับมามองเฉินเฟิง เธอขมิบปากราวกับว่า ต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เดินไปได้หลายก้าวเธอกลับไม่ พูดอะไรออกมาสักอย่าง แต่คนที่สิ้นหวังไม่ได้มีเพียงแค่เฉินเฟิง คนเดียว ชิงชิวเองก็รู้สึกเช่นเดียวกัน
“เธอจะไม่กลับมาที่นี่อีกแล้ว คุณจะยังอยู่ที่นี่รออีกหรอ ??

เฉินเฟิงจึงกล่าวถามหลังจากที่เหลือเพียงแค่พวกเขาสองคน

“ไม่รู้สิ บางทีคงจะถึงเวลาที่ต้องกลับแล้ว ผมเคยให้สัญญา กับอาจารย์ว่าจะกลับไปหาก่อนที่เขาจะเสียชีวิต

หลังจากที่ได้ยินคำพูดของชิงชิวความรู้สึกโดดเดี่ยวก็แผ่ซ่าน

ขึ้นมาในหัวใจของเฉินเฟิง

การจากไปของชิงซิวเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน เพราะหลังจาก สามวันที่น้าป้ายเดินทางมาที่นี่ เขาก็เตรียมตัวที่จะเดินทางกลับ ทันที

ในตอนที่เขาเดินทางกลับนั้นของที่เขานำติดตัวกลับไปไม่มี สิ่งของอื่นใดเลยนอกจากดาบเล่มเดียว

และสุดท้ายที่นี่ก็เหลือเพียงแค่เฉินเฟิงคนเดียว ทำให้เฉินเฟิง ครุ่นคิดอย่างหนักว่าเขาเองถึงเวลาที่ควรจะออกไปแล้วใช่หรือ ไม่ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่รู้ว่าด้านนอกนั้นยังมีคนที่รอคอยเขา อยู่หรือเปล่า

ในที่สุดเขาก็ใช้ชีวิตคนเดียวอยู่ที่นี่จนเวลาผ่านไปหนึ่ง สัปดาห์ กระทั่งชายร่างใหญ่ใบหน้าเต็มไปด้วยหนวดเคราคนนั้น เดินทางกลับมายังกระท่อมอีกครั้ง

ครั้งนี้เฉินเฟิงไม่ได้แสดงท่าที่เย็นชากับเขาอีกแล้ว ทั้งยังใน น้ำให้เขาถ้วยหนึ่งอีกด้วย ก่อนจะถามเรื่องราวที่เกิดขึ้นข้างนอก กับเขา
“คุณรู้จักมหาปรมาจารย์จากสำนักเทียนซานหรือเปล่า ? เฉินเฟิงถาม

ชายร่างใหญ่วางถ้วยเปล่า ในมือลง

“อืม รู้จัก แต่ดูเหมือนว่าสำนักเทียนซานจะมีปัญหาใหญ่เกิด ขึ้น เพราะนายน้อยทั้งสองคนของพวกเขาถูกสังหาร

“แล้วสรุปว่าพวกเขาหาตัวคนร้ายได้หรือเปล่า? ใช่คนที่ถูก ปล่อยข่าวลือนั้นหรือเปล่า?

ครั้งก่อนที่ฉินเฟิงได้เจอกับเน่หวาเฟิง เขาได้เคยบอกแล้วว่า ตัวเองไม่ได้ไปคนฆ่า แต่เขารู้สึกว่าไม่ว่ายังไงอีกฝ่ายคงจะมีการ ไตร่ตรองมาแล้วไม่น้อย

“เรื่องนี้ผมเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน แต่ก่อนที่ผมจะเดินทางขึ้น เขามาได้ยินคนซุบซิบกันว่าสำนักเทียนซานได้ฆ่าลูกชายของ กษัตริย์ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งไม่รู้ว่าเพราะเหตุผลใดพวก เขาถึงได้ขัดแย้งกันแบบนี้ ถึงอย่างนั้นเรื่องนี้ก็น่าสนใจอย่าง มากจนทุกคนต่างให้ความสนใจ

และผมยังได้ยินมาอีกว่ากษัตริย์ภาคตะวันออกเฉียงเหนือได้ ไปขัดขวางเส้นทางความเจริญของสำนักเทียนซาน ดังนั้นสำนัก เทียนซานจึงได้ทำการสั่งสอนกษัตริย์ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

แต่ก็มีคนบางคนเล่ากันว่าลูกชายของกษัตริย์ภาคตะวันออก เฉียงเหนือได้มีส่วนเกี่ยวข้องในแผนการสังหารนายน้อยทั้งสอง แห่งสำนักเทียนซาน จึงทำให้เขาได้รับการเอาคืนจากสํานัก เทียนซานเท่านั้น แต่สุดท้ายแล้วสาเหตุที่แท้จริงคืออะไร อันนี้ก็ยังไม่มีใครรู้อย่างแน่ชัด

เฉินเฟิงรู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก บางทีคงเป็นเพราะพวกเขาค้น พบความจริงแล้วถึงได้ชิงลงมือแบบนั้น ทว่าเขาไม่รู้เท่านั้นว่า ทำไมลูกชายของกษัตริย์ภาคตะวันออกเฉียงเหนือถึงต้องมา ทำร้ายเขา และไม่รู้ด้วยว่าหลังจากที่เขาออกไปจากที่นี่แล้ว มหา ปรมาจารย์คนนั้นยังจะมาตามไล่ล่าเขาอีกด้วยหรือเปล่า

เขาไม่กล้าที่จะเสี่ยง เพราะความร้ายกาจของมหาปรมาจารย์ คนนั้นยังฝังลึกอยู่ในความทรงจำของเขาไม่หาย

ถึงจะเป็นแบบนั้นตอนนี้เขากลับรู้สึกสดชื่นขึ้นมา และยิ่งเมื่อ มองดูชายร่างใหญ่ที่ใบหน้าเต็มไปด้วยหนวดเคราแล้วเขาก็รู้สึก สดใสมากยิ่งขึ้นไปอีก

ทว่าเมื่อเทียบกับความสุขของเฉินเฟิงแล้ว ชายร่างใหญ่ที่ไม่

ได้พบกับมหาปรมาจารย์คนนั้นที่เขามาตามหา อารมณ์ของเขา

นั้นสิ้นหวังเป็นอย่างมาก

เฉินเฟิงที่นึกถึงคำพูดของน้าฝ่ายที่ว่าชิงจือจะไม่กลับมาที่นี่อีก แล้ว จึงเตรียมที่เอ่ยปากบอกเรื่องนี้ให้กับเขา ให้คราวหน้าเขา ไม่ต้องกลับมาที่นี่อีก

แต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้พูด กที่อยู่ไกลออกไปกลับ ปรากฏร่างหนึ่งขึ้นมาซึ่งดูคล้ายคลึงกับชิงจืออย่างมาก

เขาลุกขึ้นยืนด้วยความประหลาดใจ หวังจะดูให้ชัดเจนกว่านี้ ส่วนชายร่างใหญ่ที่อยู่ข้างๆ ก็เหลียวมองตามไปด้วยเช่นกัน ก่อนที่เขาจะถามด้วยความสงสัย
“คนๆ นั้นใช่มหาปรมาจารย์คนนั้นหรือเปล่า? ”

รอจนชิงจือเดินเข้ามาใกล้ เฉินเฟิงถึงได้มั่นใจว่าเป็นเธอจริงๆ เขาคิดไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าชิงจือจะกลับมา แต่ว่าชิงซิวกลับไป แล้ว น่าเสียดายที่เขาพรากไปนิดเดียว

“เขาคนนี้คือใครกัน? ”

ชิงจือที่เดินมาตรงหน้าของทั้งสอง เธอไม่ได้มีความประหลาด ใจเลยที่เฉินเฟิงมาอยู่ที่นี่เลยแม้แต่น้อย แล้วจ้องมองไปยังทาง ชายร่างใหญ่

เฉินเฟิงนิ่งไปครู่หนึ่ง เขาไม่เคยถามชายร่างใหญ่เรื่องนี้มา ก่อนเหมือนกัน เพราะเอาแต่คิดว่าเขามาที่นี่เพราะต้องการเรียน วิชาต่อสู้

“ทำไมคุณถึงมาตามหาเธอ

เฉินเฟิงหันไปถามชายร่างใหญ่

ชายร่างใหญ่ราวกับว่ากำลังตื่นเต้น เขารีบหยิบกระเป๋าของ ตัวเองขึ้นมา ก่อนจะรื้อค้นบางอย่างที่อยู่ด้านในอย่างไม่หยุด หย่อน

หลังจากที่รื้อค้นอยู่นานสุดท้ายเขาก็นำของบางอย่างที่เหมือน กับตุ๊กตาออกมา

“คุณยังจำตุ๊กตาตัวนี้ได้หรือเปล่า? ” เขามองไปยังซิงฉืออ ย่างคาดหวัง
แต่คำตอบสุดท้ายกลับทำให้เขาผิดหวัง ซึ่งจือส่ายหน้าแล้ว กล่าวปฏิเสธ

“จำไม่ได้แล้ว ของชิ้นนี้มีความเกี่ยวข้องกับฉันหรอ ?

“เมื่อสามปีก่อนที่ทะเลทรายตะวันตกเฉียงเหนือ เรื่องที่คุณ เคยบอกกับเด็กสาวคนหนึ่ง คุณจำไม่ได้จริงๆ หรอครับ ?

ชิงจ๋อยังคงส่ายหน้า

“เมื่อสามปีก่อน ฉันเดินทางไปที่ทะเลทรายตะวันตกเฉียง เหนือจริง แต่เรื่องเด็กสาวที่คุณพูดถึงนั้น

ชายร่างใหญ่ต้องผิดหวังอีกครั้ง เขาปล่อยตุ๊กตาที่อยู่ในมือลง พร้อมกับถอนหายใจ

“ถ้าหากคุณลืมไปแล้ว ก็ช่างมันเถอะ เดิมทีมันก็ไม่ใช่เรื่อง

สําคัญอะไรอยู่แล้ว”

ชิงจือถามด้วยความรู้สึกสงสัย

“ฉันเพียงแค่ยังนึกไม่ออก คุณสามารถเล่าให้ฉันฟังว่ามันเกิด อะไรขึ้นกันแน่ บางทีฉันอาจจะจำขึ้นมาก็ได้

ชายร่างใหญ่เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้กับเธอฟังโดยที่ไม่ได้ คาดหวังอะไรอีกแล้ว

แต่ทว่าเรื่องราวที่เขาเล่านั้นดูเรียบง่ายจนเกินไป ทั้งยังไม่มี จุดสำคัญของเรื่องที่ทำให้รู้สึกนึกถึงได้เลย จึงไม่น่าแปลกใจที่ ชิงจือจะลืมไปได้อย่างง่ายดาย
เพราะจากคำบอกเล่ามีเพียงแค่ว่าชิงจือได้เผอิญเจอกับเด็ก สาวและทั้งสองได้อยู่ด้วยกันเป็นเวลาหนึ่งวัน ซึ่งอาจเป็นเพราะ ชิงจือได้ให้คำมั่นสัญญาไปโดยไม่ได้คิดจริงจัง ว่าหากเด็กสาว ตามหาเธอเจออีกครั้ง เธอจะให้สิ่งที่เด็กน้อยต้องการหนึ่งอย่าง

และด้วยความที่เรื่องแบบนี้เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ยาก ชิงจือจึงไม่ เคยคิดว่าเด็กสาวจะมาตามหาเธอ แต่คิดไม่ถึงเลยว่าชายร่าง ใหญ่คนนี้จะมาตามหาเธอจริงๆ

จนกระทั่งชายร่างใหญ่เล่าจบ ชิงจือจึงกล่าวถามทันที “แล้วที่คุณมาหาฉัน เพราะว่าต้องการให้ฉันช่วยอะไรนั้น หรอ ? ”

ชายร่างใหญ่ที่ได้ยินชิงจือถามเขาแบบนี้ เขากลับไม่กล้าที่จะ เอ่ยปาก คงเป็นเพราะสิ่งที่เขาต้องการเป็นเรื่องยากที่จะกล่าว ออกมาได้

“คุณเดินทางมาไกลขนาดนี้ ไม่ใช่เพราะว่าคำขอนั้นหรอกหรือ ในเมื่อเป็นสิ่งที่ฉันให้คำมั่นไว้ แน่นอนว่าฉันต้องรักษาสัญญา คุณไม่ต้องรู้สึกว่ามันเป็นภาระอะไรทั้งสิ้น


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ