ลูกเขยมังกร

บทที่ 847 การจากไปของซิงฉือ



บทที่ 847 การจากไปของซิงฉือ

เฉินเฟิงมองไปยังเธอด้วยความไม่เข้าใจ ก่อนจะกล่าวถาม “ทำไม? หรือว่ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นงั้นหรอ? ”

ชิงจือเพียงแค่ตอบกลับเขาสั้นๆ : “มีเรื่องเกิดขึ้นจริงๆ

และเธอก็พูดเพียงเท่านั้นโดยไม่มีการอธิบายอะไรเพิ่มเติมทั้ง

สิ้น

เฉินเฟิงจึงต้องถามเอาความ “แล้วคุณไม่คิดที่จะอธิบายกับ ผมหน่อยหรอ เผื่อบางทีผมอาจจะช่วยคุณได้

แต่ดูเหมือนว่าคำพูดนี้ของเฉินเฟิงจะดูเป็นไปไม่ได้ ชิงจือจึง แหงนหน้าขึ้นมองเขาก่อนจะพูด : “ไม่จำเป็น คุณไม่มีความ สามารถนั้นที่จะช่วยฉันได้ คุณไปอยู่ที่ตึกไหลือรอฉัน ฉันจะไป ตามหาคุณที่นั่นเอง”

เฉินเฟิงที่กำลังจะพูดบางอย่างออกมา แต่ว่าชิงจือกลับลุกขึ้น ยืนเตรียมจะออกไปแล้ว

มีบางครั้งที่เฉินเฟิงไม่คิดว่าแม้แต่ชิงจือที่ต่อให้จะรับรู้ถึงเรื่อง ราวที่รุนแรงแล้วเธอจะสามารถจัดการได้ด้วยตัวเอง

หลังจากที่ชิงจือกลับห้องของตัวเองไปแล้ว เฉินเฟิงก็เตรียม ตัวที่จะพักผ่อน ด้วยเดิมทีคิดว่าค่ำคืนนี้จะเป็นคนที่เงียบสงบ อย่างน้อยจะได้หลับอย่างเต็มอิ่มสักที
แต่ยังไม่ทันถึงเที่ยงคืน เฉินเฟิงกลับได้ยินเสียงดังแทรกเข้า มาจากด้านนอก

เขาพยายามลุกขึ้นมา ก่อนจะเดินไปยังประตูด้วยความ ระมัดระวัง แล้วใช้หูแนบกับประตูเพื่อฟังเสียงการเคลื่อนไหว ด้านนอกนั้น

แล้วเสียงที่เกิดขึ้นราวกับกำลังมีการต่อสู้กัน เฉินเฟิงจึงคิดขึ้น มาได้ว่าจะต้องเป็นซิงฉือแน่นอน

เขาคิดเพียงไม่นานก็เปิดประตูเดินออกไปหวังจะเข้าไปช่วยเห ลือชิงจือ

และเป็นอย่างที่คิดไว้ เสียงทุกอย่างที่เกิดขึ้นนั้นดังมาจากห้อง ของชิงฉือ เฉินเฟิงเดินมาถึงหน้าประตูห้องของซิงฉือ เขาเดินตรง เข้าไปทันทีเพราะประตูได้ถูกเปิดค้างเอาไว้อยู่แล้ว

แต่ในตอนที่เขาเดินเข้าไปด้านในก็พบว่าคนที่อยู่ในนั้นต่าง พากันล้มระเนระนาดกันไปหมดแล้ว

เขาหันไปเห็นซิงฉือที่กำลังนั่งอยู่ตรงหน้าต่าง มองออกไปด้าน นอก ราวกับว่าเรื่องที่เกิดขึ้นในห้องไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับ เธอเลย เธอเพียงแต่นิ่งเงียบ ท่าทีแอบแฝงไปด้วยความเศร้า หมอง ขาดอยู่อย่างเดียวคือบุหรี่สักมวน

และทุกอย่างก็นิ่งสงบอยู่อย่างนั้น เฉินเฟิงแม้ไม่อยากจะ ทําลายความเงียบสงบลง แต่เขาก็ยังต้องถามเพราะความ สงสัย : “เกิดเรื่องอะไรขึ้นที่นี่?
เมื่อได้ยินเสียงนั้นชิงจือจึงหันหลังกลับมามองเฉินเฟิงก่อนจะ พูดออกมา “เรื่องทุกอย่างเป็นอย่างที่ฉันได้คิดเอาไว้จริงๆ ด้วย จากนี้ไปคุณต้องพาเยว่เอ๋อไปที่ตึกไหลือเพื่อรอฉันก็พอแล้ว แต่หากว่าคุณไม่เต็มใจ ฉันก็จะไม่บังคับ

ท้ายที่สุดเฉินเฟิงก็ไม่ได้ถามกับเธอว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกัน แน่ เพราะเงินเฟิงอาจจะรู้ว่าคำตอบของชิงจือก็คือไม่มีคำตอบ

ในเช้ามืดวันถัดมาชิงจือก็เดินทางจากไป หลี่จื่อเยว่เข้าไป เรียกชิงจือที่หน้าประตู แต่ก็ไม่มีการตอบสนองกลับมา

เฉินเพิ่งเดินมายังข้างกายของหลี่จื่อเยว่ แล้วมองดูเธอเคาะ

ประตูซ้ำแล้วซ้ำเล่า ก่อนจะพูด : “เธอไปแล้ว หลี่จื่อเยาหันไปถามเงินเฟิงด้วยความประหลาดใจ “พี่ชิง

อไปแล้ว? ไปไหนแล้ว?

เงินเฟิงตอบกลับ “ไม่รู้ เธอไม่ได้บอกเอาไว้ หลังจากที่เฉินเฟิงพูดจบ สีหน้าของหลี่จื่อเยวก็เศร้าหมองทันที ราวกับกำลังคิดว่าเรื่องแบบนี้ไม่ควรจะเกิดขึ้น

เฉินเพิ่งพูดขึ้น : “เธอจะต้องไปกับฉันแล้วนะ ถ้าหากว่าเธอ ไม่เต็มใจฉันก็จะส่งเธอกลับบ้าน”

เดิมทีเขาไม่เคยมีความคิดที่จะพาตัวหลี่จื้อเยวมาด้วยอยู่แล้ว ดังนั้นเฉินเฟิงจึงพูดออกมาตามตรง

หลี่จื่อเยว่ได้เพียงจ้องมองไปยังเฉินเฟิง ราวกับว่าเธอกำลัง ครุ่นคิดเกี่ยวกับปัญหานี้
เฉินเฟิงที่เห็นแบบนั้นจึงพูดกับเธออีกครั้ง “เธอไม่จำเป็น ต้องรีบร้อน ยังไงซะพวกเราก็ยังไม่ได้ไปในช่วงเช้านี้อยู่ดี ไปหา อะไรกินก่อนเถอะ

พูดจบ เขาก็เดินมุ่งหน้าลงไปด้านล่าง โดยไม่สนใจว่าหล จื่อเยวจะตามหลังมาด้วยหรือไม่

หลังจากที่เขาเดินไปได้ไม่กี่ก้าว หลี่จื่อเยวก็สับเท้าเดินตามไป ก่อนจะพูดด้วยเสียงทุ้ม “คุณคงจะไม่ทิ้งหนูใช่ไหม”

เฉินเพิ่งหันไปมอง ราวกับว่าตอนนี้เธอกำลังกังวลเกี่ยวกับ ปัญหานี้ ทั้งยังรอคอยคำตอบจากเงินเฟิงด้วยความกังวล

เฉินเฟิงคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบ: “เธอวางใจได้ ฉันเคยให้ คำมั่นกับชิงถือว่าจะดูแลความปลอดภัยของเธอ แต่ถึงอย่างนั้น ฉันก็ยังอยากให้เธอกลับไปน่าจะดีที่สุด เพราะที่นั่นจะปลอดภัย มากกว่า”

แต่หลี่จื่อเยว่กลับไม่มีการตอบโต้อะไร เพียงแค่เดินตามหลัง เฉินเฟิงลงไปด้านล่างเท่านั้น

ร้านขายอาหารเช้าด้านนอกโรงแรมในขณะนี้กำลังคึกคัก มี คนมากมายมาเรียงรายต่อแถวกันอย่างเนืองแน่น

เฉินเฟิงจึงหันไปพูดกับหลี่จื้อเยว่ : “เธอเข้าไปต่อแถวแล้วก็ ฝากซื้อซาลาเปาให้ฉันสองลูกด้วย

หลี่จื่อเยวมองไปยังเฉินเฟิงด้วยความประหลาดใจ ราวกับว่า กำลังสงสัยว่าตัวเองฟังผิดไปหรือเปล่า
“ทำไม ไม่อยากไปงั้นหรอ งั้นช่างเถอะ ฉันไปเอง

เมื่อเฉินเฟิงพูดแบบนี้

ทางด้านหลี่จื่อเยว่เหมือนจะคิดอะไรบางอย่างออก จึงรีบ เข้าไปขวางหน้าของเฉินเฟิงทันทีก่อนจะพูดออกมาด้วยความ เคือง : “หนูไปเอง”

เฉินเพิ่งที่เห็นอย่างนั้นจึงยิ้มออกมาจางๆ

ส่วนเขาก็เดินไปยังร้านสะดวกซื้อเพื่อซื้อของกินและน้ำ เพราะ บางทีอาจจะได้เจอสถานการณ์แบบเดียวกับที่ได้นอนในป่าอีก

กระทั่งเขาเดินออกมา ตรงร้านขายอาหารเช้าก็ยังไม่ถึงคิว ของหลี่จื่อเยวสักที ซึ่งตอนนี้ดูเหมือนว่าเธอจะรู้สึกเบื่อจนต้องเตะ ก้อนหินที่อยู่ตรงเท้าเล่นแก้เบื่อ

เฉินเฟิงเดินเข้าไปพร้อมกับถาม : “จริงด้วย เธอมีเงินหรือ

เปล่า? ”

เธอตอบกลับอย่างใดฟัด : “ก็ต้องมีเงินอยู่แล้ว ไม่อย่างนั้น หนูจะมายืนอยู่ตรงนี้ทำไม

ในเมื่อเธอมีเงิน ดังนั้นเฉินเฟิงจึงไม่กวนเธออีก ก่อนจะเดิน กลับเข้าไปในโรงแรม ด้วยระยะเวลาที่ชิงจือให้นั้นค่อนข้างจะ นาน เขาจึงไม่รีบร้อนมากนักที่จะต้องเดินทางในทันที

ผ่านไปไม่นานนัก หลี่จื่อเยว่ก็กลับมา

เธอเคาะประตูห้องของเฉินเฟิง เฉินเฟิงเดินออกมาเปิดประตูแล้วมองไปยังถุงซาลาเปาในมือของเธอ

หลี่จื่อเยาหยิบเอาซาลาเปาส่งให้กับเขาพร้อมกับพูด “ของ

เฉินเฟิงรับซาลาเปาพลางถาม : “เธอคงจะไม่ได้โกรธฉันอยู่

หรอกนะ? ”

หลี่จื่อเขาตอบกลับ: ไม่ ก็แค่ซื้อซาลาเปาเอง”

จากนั้นเดินเฟิงก็ถามอีกครั้ง : “เรื่องที่ถามเธอไปก่อนหน้านี้ เธอคิดดีแล้วหรือยัง? เธอจะไปหาชิงจือกับฉัน หรือว่าจะให้ฉัน ส่งเธอกลับบ้านไป 2

หล่อเยาพิมพ์ออกมาเบาๆ : “หนูไปกับคุณได้หรือเปล่า แล้วคุณจะรังแกหนูหรือเปล่า? ”

ดูเหมือนเธอจะพบความจริงบางอย่างแล้ว แต่ถึงอย่างนั้น เฉินเฟิงยังคงยิ้มตอบ: “เธอคิดมากเกินไปแล้ว ฉันจะรังแกเธอ ได้ยังไง ในเมื่อตอนนี้เธอตัดสินใจแล้ว งั้นจากนี้ก็จะต้องตามฉัน ไปหาชิงจือ”

หล่อเยวพยักหน้ารับ

“รีบกินตอนซาลาเปายังร้อนอยู่

พูดจบเธอก็วิ่งกลับห้องของตัวเองทันที

เฉินเฟิงก้มหน้าลงมองซาลาเปา ในมือของตัวเอง ตอนนี้มัน กำลังอุ่นอยู่โดยบนถุงยังคงมีไอร้อนออกมา
จากนั้นเขาก็กลับเข้าห้องไปนั่งกินซาลาเปา แต่ผ่านไปไม่นาน หลี่จื่อเยวก็กลับมาหาเขาอีกครั้ง

“มีเรื่องอะไรอีก? ” เฉินเฟิงถาม

หลี่จื่อเยว่พูดออกมาด้วยความเคอะเขิน “คุณไปซื้อของบาง อย่างเป็นเพื่อนหนูหน่อยได้ไหม?

เฉินเพิ่งมองดูสีหน้าของเธอ ก็รู้ได้ทันทีว่าเธอต้องการจะซื้อ อะไร

เขาคิดอยู่สักพัก ที่นี่สำหรับหล่อเยวแล้ว เป็นที่ที่เธอไม่คุ้น ชินถ้าหากพบเจอกับปัญหา ซึ่งหากวิเคราะห์จากประสบการณ์ อันน้อยนิดของเธอแล้วคงจะมีแต่ถูกคนอื่นรังแกเท่านั้น

ดังนั้นเขาจึงตอบกลับ: “ก็ได้ แต่ว่าเธอจะต้องฟังที่ฉันพูด

หล่อเยวจึงรีบพยักหน้ารับทันที

เมืองเล็กแห่งนี้มีความคึกคักอย่างมาก บนถนนเต็มไปด้วย ผู้คน พวกเขาสองคนเดินด้วยกัน ด้วยส่วนสูงที่ไม่ต่างกันมาก พร้อมด้วยอายุที่ใกล้เคียงกันจึงทำให้พวกเขาดูเหมือนกับคู่รักที่ ออกมาเที่ยวเล่นไปโดยปริยาย

และด้วยความคึกคักของที่นี่ทำให้อารมณ์ของหลี่จื่อเยว่ เปลี่ยนเป็นเฮฮาขึ้นมาไม่น้อย

เธออดไม่ได้ที่จะมองไปยังร้านที่อยู่ด้านซ้ายและขวาด้วย ความอยากรู้อยากเห็น พร้อมทั้งพูดคุยกับเฉินเฟิงเกี่ยวกับ สิ่งของที่อยู่รอบๆ ทั้งชี้ไปทางนั้นทางนี้ ราวกับว่าเพิ่งเคยได้เห็นของพวกนี้เป็นครั้งแรก

ส่วนเฉินเฟิงเองก็ไม่ได้ออกมาชมบรรยากาศยามบ่ายอันแสน สงบแบบนี้นานแล้วเหมือนกัน ซึ่งทุกอย่างดูเรียบง่ายจริงๆ

จากนั้นไม่นานพวกเขาก็เดินมาถึงห้างแห่งหนึ่งที่ดูจะเป็น แหล่งสำคัญของเมืองแห่งนี้ ทางด้านหลเยว่ก็ตื่นเต้นจนรีบเข้าไป

ด้านในอย่างอดไม่ได้

เฉินเฟิงที่อยากจะกล่าวเตือนเธอก่อนสักหน่อย แต่เมื่อคิดไป คิดมาก็ไม่ได้พูดออกมา เพราะอย่างไรเสียเธอก็ยังเป็นเด็กซุกซน คนหนึ่ง ปล่อยให้เธอได้วิ่งเล่นอย่างอิสระอย่างนั้นดีกว่า


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ