ลูกเขยมังกร

บทที่ 44 นอนบนถนน



บทที่ 44 นอนบนถนน

หลินหลันอดไม่ได้ที่จะกัดฟันของเธอ วันนี้เธอได้พบกับ อะไรบางอย่างที่เรียกว่าความโลภของมนุษย์ไม่มีที่สิ้นสุด แต่คนที่เธอเกลียดที่สุดในเวลานี้คือเฉินเฟิง ถ้าหากว่า เฉินเฟิงไม่ลงไม้ลงมือกับหลินต้าจูน เรื่องทั้งหมดก็จะไม่ เกิดขึ้น

“ให้ลูกชายของฉันขับรถของไอขยะนั่นไปก่อน แก้ขัด แล้วกัน ไอ้ขยะแบบนั้นไม่สมควรที่จะขับรถดีๆแบบนี้ หรอก” ซุนกุ้ยฟางค่อยๆพูดอย่างช้าๆ เมื่อครู่ตอนที่เฉินเฟิ งออกไปเขาไม่ได้นำกุญแจรถออกไปด้วย เธอสังเกตเห็น สิ่งนี้ดังนั้นเธอเห็นผลประโยชน์สิ่งนี้เธอก็ต้องรีบคว้าไว้ ก่อน

หลินหลันกัดฟันแน่น ไม่พูดอะไร และส่งกุญแจรถให้ซุน กุ้ยฟาง “แล้วก็รอให้เมิ่งเหยากลับมา ให้เธอส่งเงินให้ฉันด้วย 500,000 อย่าขาดแม้แต่นิดเดียว!” ซุนกุ้ยฟางพูดอย่าง

เกรี้ยวกราด ไม่ง่ายเลยที่จะหาจุดอ่อนของหลินหลัน โดย

ปกติแล้วก็ต้องใช้ประโยชน์จากมันให้เพียงพอ

ดวงตาของหลินหลันกำลังจะลุกเป็นไฟแต่ปากของเธอ ทำได้เพียงสัญญา “โอเค รอให้เมิ่งเหยากลับมา ฉันจะให้ เธอส่งเงินให้คุณ500,000”

“เอาตามนั้นแล้วกัน” ซุนกุ้ยฟางพยักหน้าอย่างพอใจ ก่อนหน้านี้เธอยังคงกังวลเกี่ยวกับการแต่งงานของหลินต้าจูน แต่ในพริบตา ทั้งบ้านทั้งรถก็เกือบจะสมบูรณ์แล้ว ไอ้ ขยะเฉินเฟิงเป็นดาวนำโชคของเธอจริงๆ

เฉินเฟิงออกไปเขาก็ยังรู้สึกหดหู่เล็กน้อย

แม้ว่าจะเป็นสุนัขก็ตามเลี้ยงไปสามปีแล้วก็ยังคงมีความ รู้สึกบ้าง

ไม่ต้องพูดถึงคนที่มีชีวิตเลย!

เฉินเฟิงถามตัวเองว่าในเวลาสามปีที่ตระกูลเสี้ย เขา ปฏิบัติต่อ เสี้ยเว่ยกั๋วและ หลินหลันในฐานะพ่อแม่ผู้ให้ กำเนิดจากก้นบึงของหัวใจ แต่ใครจะรู้ว่าที่เขาปฏิบัติต่อ หลินหลันอย่างมนุษย์แต่เธอกลับปฏิบัติต่อเขาเหมือนไม่ใช่ มนุษย์

เฉินเฟิงโกรธอย่างช่วยไม่ได้

“เฉินเฟิง” ในเวลานี้ เสี้ยเมิ่งเหยาก็วิ่งเข้ามา

ก่อนที่เฉินเฟิงจะอ้าปากพูด เขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นหอมนุ่ม และหอมหวาน เสี้ยเมิ่งเหยากอดเขาไว้แน่น

“ฮือ ฮือ เฉินเฟิง ขอโทษ”

ดวงตาของเสี้ยเพิ่งเหยาเป็นสีแดงก่ำ เธอคาดไม่ถึงเลย ว่าหลินหลันจะให้เฉินเฟิงคุกเข่าให้กับซุนกุ้ยฟางแม่ลูก ภายในใจของเฉินเฟิงนั้นจะต้องโกรธมากและรู้สึกไม่เป็น ธรรมอย่างแน่นอน ถ้าหากว่าเปลี่ยนไปเป็นเธอ เธอเองก็ คงทนไม่ได้แน่ๆ

“เด็กโง่ อย่าพูดขอโทษฉันอีก” เฉินเฟิงลูบผมสีดำยาวของ เสี้ยเมิ่งเหยาอย่างอ่อนโยน เสี้ยเมิ่งเหยาไม่ต้อง ขอโทษเขา ความผิดพลาดของหลินหลัน เขาจะไม่ให้เสี้ย เมิ่งเหยามารับผิดชอบแทนอย่างแน่นอน

“แต่ว่า แม่ของฉันเธอทำเกินไป” เสี้ยเมิ่งเหยาสะอื้น

“ไม่เป็นไร แม่เองก็คงโกรธถึงได้พูดแบบนั้น” เฉินเฟิง ปลอบโยน แม้ว่าเขารู้ดีว่าคำพูดของหลินหลันในวันนี้อาจ เป็นสิ่งที่เธอคิดภายในใจและอยากจะพูดมาตลอด แต่เขา ไม่ต้องการกดดันเสี้ยเมิ่งเหยา ทำให้เสี้ยเมิ่งเหยาลำบากใจ อย่างไรก็ตามเขาเคยกล่าวไว้ว่าจะทำให้เสี้ยเมิ่งเหยาเป็นผู้ หญิงที่มีความสุขที่สุดในโลก เมื่อพูดแล้วก็ต้องทำให้ได้!

“เฉินเฟิง วันนี้เราจะนอนที่ไหนกัน?” เสี้ยเมิ่งเหยาเงย หน้าถาม

“เรา?” เฉินเฟิงนิ่งงันไปชั่วครู่จากนั้นยิ้มอย่างขมขื่น “เมิ่ง เหยา ไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้เลย แม่ไล่แค่ฉันออกมาจาก บ้านไม่ได้ไล่คุณออกมาด้วยเลย..

“ไม่ได้” เฉินเฟิงยังไม่ทันจะพูดจบก็โดนเสี้ยเมิ่งเหยา

ขัดบทสนทนา “ครั้งนี้หากแม่ไม่ขอโทษคุณ ฉันก็จะไม่

กลับไป”

เฉินเฟิงรู้สึกอุ่นใจอย่างช่วยไม่ได้ เขานั้นรู้ดีว่าครั้งนี้เสี้ย รังนี้เสีย เมิ่งเหยานั้นกำลังวางแผนรับมือต่อสู้กับหลินหลันเพื่อเขา

“งั้นคืนนี้เราไปพักที่ยู่ฉวนซานเถอะ” เฉินเฟิงกล่าว วิลล่า ที่เขาซื้อในยู่ฉวนซาน ยังไม่เคยไปนอนที่นั่นเลยสักครั้ง เขาจึงใช้โอกาสนี้ทำให้ เสี้ยเมิ่งเหยาประหลาดใจ แต่อย่างไรก็ตาม เฉินเฟิงรู้สึกว่า เสี้ยเมิงเหยาน่าจะตกใจมาก ขึ้นหลังจากที่ได้เห็นวิลล่า

“ยู่ฉวนซาน? ” เสี้ยเมิ่งเหยาขมวดคิ้ว “ที่นั่นมันเป็นเขต บ้าน ไม่มีโรงแรมเลยนะ”

“พวกเราไม่ได้จะนอนโรงแรม” เฉินเฟิงกล่าวอย่างจริงจัง

“งั้นเราจะนอนที่ไหน? ข้างทางเหรอ?” เสี้ยเมิ่งเหยาหน้า แดงเล็กน้อยและเมื่อเธอนึกภาพที่คนสองนอนต้องนอน ข้างทาง เธอก็มีความรู้สึกที่ต่างออกไป

เฉินเฟิงยื่นมือสัมผัสจมูกของเสี้ยเพิ่งเหยาจากนั้นเขา กล่าวด้วยท่าทางคลุมเครือ “คิดอะไรอยู่? เราจะนอนที่ วิลล่ากัน”

“วิลล่า?” เสี้ยเมิ่งเหยาทำหน้าบูดบึ้งและเธอหยิกเฉินเฟิง

ในทันทีจากนั้นกล่าวว่า “อย่ามาพูดโม้ มีวิลล่าเพียงเก้าหลัง ที่ยู่ฉวนซาน และมันได้ขายไปหมดแล้ว พวกเราจะไปอยู่ ได้อย่างไร”

“จริง คุณภรรยา ฉันมีบ้านที่ยู่ฉวนซาน พื้นที่มากกว่า 500 ตารางเมตร” เฉินเฟิงยิ้มด้วยหน้าตาขมขื่น เขาคิดเอา ไว้ แล้วว่าเสี้ยเมิ่งเหยาคงจะไม่มีทางเชื่อ

เสี้ยเพิ่งเหยาเหลือบมองเฉินเฟิงและกล่าว “ทำไมคุณไม่ พูดเลยล่ะว่ายู่ฉวนซานทั้งหมดเป็นของคุณ”

เฉินเฟิงอ้าปากค้างและไม่รู้จะพูดอะไรดี ถ้าให้เอาตาม ความเป็นจริงแล้ว ตอนนี้ยู่ฉวนซานเป็นของเขาจริงๆ

“พอแล้ว ไม่ต้องมาล้อเล่นแล้ว พวกเราไปบ้านเฟยหรงเถอะ บ้านของเธอนั้นใหญ่มากและเธอก็อยู่เพียงคนเดียว เราไปอยู่กับเธอสักวันสองวันเถอะ” เสี้ยเมิ่งเหยากล่าว

“โอเค” เฉินเฟิงทำได้เพียงตอบรับ มันไม่ใช่เวลาที่จะ

มอบวิลล่ายู่ฉวนซานให้กับเสี้ยเพิ่งเหยา รออีกสักหน่อย

แล้วค่อยพูดก็ยังทัน

ทั้งสองเรียกแท็กซี่ไปยังบ้านสวีเฟยหรง

บ้านสวีเฟยหรง เป็นวิลล่าที่ตั้งอยู่ในใจกลางเมืองชาง โจว แม้ว่าราคาที่อยู่อาศัยที่นี่จะเทียบไม่ได้กับยู่ฉวนซาน แต่ก็เป็นพื้นที่อันดับต้นๆของเมืองชางโจวเริ่มต้นที่ราคา เฉลี่ย 100,000

ระหว่างทาง เสี้ยเมิ่งเหยาได้บอกและพูดคุยกับ สวีเฟยห รงแล้วว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง ดังนั้นสวีเฟยหรงจึงไม่ได้แสดง ท่าทางประหลาดใจแต่อย่างใด

หลังจากที่ทั้งสองเข้าบ้านไปแล้ว เสี้ยเมิ่งเหยาก็ไปอาบ น้ำ สวีเฟยหรงก็หยิบรองเท้าแตะออกมาและโยนมันไปใกล้ เท้าของเฉินเฟิง

“ให้ภรรยาของคุณนอนกับฉันส่วนคุณนอนชั้นล่างแล้ว กัน” สวีเฟยหรงกล่าว

สีหน้าเฉินเฟิงนั้นมืดมน มีเพียง สวีเฟยหรงนักเลงหญิง เท่านั้นที่สามารถพูดคำดังกล่าวได้

“แล้วก็ ถ้าไม่มีคำอนุญาตจากฉันห้ามขึ้นไปชั้นสองเด็ด ขาด” สวีเฟยหรงเหลือบมองไปที่ เฉินเฟิงอย่างระมัดระวัง เธอยังคงไม่ไว้วางใจเฉินเฟิง เธอเกรงว่าเฉินเฟิงจะใช้เสี้ยเมิ่งเหยาเป็นข้ออ้างและใช้ประโยชน์จากเธอ

“สบายใจได้ ฉันไม่ขึ้นไปแน่” เฉินเฟิงกล่าว แม้ว่าสวี เฟยหรงจะเป็นหญิงสาวที่งดงามจนผู้อื่นคลั่งไคล้แต่เขาไม่ ได้คิดอะไรเช่นนั้นกับสวีเฟยหรงเลย

“หึ แบบนั้นก็ดี” สวีเฟยหรงกล่าวอย่างเย็นชา แต่การ แสดงของเฉินเฟิงในวันนี้ยังทำให้เธอประหลาดใจอยู่ไม่ น้อยที่เขากล้าเผชิญหน้ากับหลินหลัน หากเป็นก่อนหน้านี้ คงจะไม่มีทางเกิดเรื่องแบบนี้ได้เลย

หลังจากที่ สวีเฟยหรงพูดจบเธอก็ขึ้นไปชั้นบน

เฉินเฟิงหยิบโทรศัพท์ออกมาและเตรียมถามเฉินจงเกี่ยว กับความคืบหน้าล่าสุดของโครงการยู่ฉวนซาน

“ปังปัง”

ในตอนนั้น ประตูบ้านก็มีเสียงเคาะเกิดขึ้น

เฉินเฟิงเปิดประตูและสายตาของเขาก็พบเจอกับช่อดอก

กุหลาบแดง

“เฟยหรงแต่งงานกันฉันเถอะ! ฉันจะทำให้คุณมีแต่ความ

สุข”

เฉินเฟิงยังคงไม่รับรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแต่เขาก็ได้ยินเสียงที่ กำลังตื่นเต้น

ใบหน้าของเฉินเฟิงแปลกไป จากนั้นก็พบว่าเจ้าของเสียง นั้นคือชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาในชุดสูทสีขาว ในตอน นั้น ชายหนุ่มรูปงามกำลังคุกเข่าข้างหนึ่งและดอกกุหลาบสีแดงก็ซูขึ้นสูง

บางทีอาจเป็นเพราะดอกกุหลาบกำลังบังสายตาของเธอ ดังนั้นเขาจึงไม่รู้ว่าคนที่ยืนอยู่หน้าเขานั้นไม่ใช่สวีเฟยหรง แต่เป็นผู้ชายในรองเท้าแตะ

“เฟยหรง ความรักของฉันที่มีต่อเธอนั้น ทั้งโลกนั้นได้รับ รู้..” น้ำเสียงของชายหนุ่มนั้นตื่นเต้นและเขาก็ได้ทำการ บอกรักผ่านบทกวี


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ