ลูกเขยมังกร

บทที่ 895 คฤหาสน์ที่ไม่คุ้นเคย



บทที่ 895 คฤหาสน์ที่ไม่คุ้นเคย

เปิดผ้าห่มออกมา แล้วคลานลงมาจากเตียง

ข้างเตียงวางมีรองเท้าแตะไว้หนึ่งคู่ ทำจากผ้าสำลี สวมใส่ขึ้น มาแล้วรู้สึกอบอุ่นดี

เพิ่งใส่รองเท้าแตะแล้วเดินสำรวจภายในห้องนั้น

ดูเหมือนเป็นห้องรับรองแขกห้องหนึ่ง ไม่มีเครื่องใช้ส่วนตัว ของเจ้าของบ้านเลย มีเพียงภาพสีน้ำไม่กี่ภาพแขวนอยู่บนผนัง ห้อง ห้องทั้งหลังแลดูสะอาดสะอ้านสว่างตา เรียบง่ายดี

มองออกไปนอกหน้าต่าง เป็นสวนดอกไม้ที่ใหญ่โตมาก สวน ดอกไม้นั้นก็มองไม่เห็นผู้คนเลย แต่ก็น่าจะมีการทำความสะอาด เป็นประจํา ต้นไม้ใบหญ้าล้วนดูเป็นระเบียบเรียบร้อย

ในห้องนั้นไม่พบสิ่งของอะไรเลย เพิ่งจึงเดินมาจนถึงหน้า ประตูห้อง

ได้ยินเสียงฝีเท้าคนเดินมาจากประตูด้านนอก ดูเหมือนว่าไม่ เพียงแค่คนเดียว

จากนั้นประตูห้องของเธอก็ถูกเปิดออก เพิ่งตกใจจนถอยไป ยังข้างฝาผนังห้อง

ส่วนคนที่เดินเข้ามาเป็นผู้หญิงสองคนที่ใส่ชุดเสื้อผ้าเหมือน กัน ด้านหน้าใส่ผ้ากันเปื้อนไว้ ท่าทางอายุราวประมาณสามสิบกว่า ดูเหมือนเป็นเพียงแค่คนรับใช้ภายในบ้านหลังนี้เท่านั้น

เมื่อพวกเธอมองเห็นเฟิงแล้ว ดูเหมือนไม่ได้ตกใจอะไรเท่า ไหร่นัก หนึ่งในนั้นที่รูปร่างผอมบาง พูดด้วยรอยยิ้มว่า “คุณหนู ตื่นแล้วเหรอคะ”

เพิ่งซีก็ยังรู้สึกหวาดกลัวอยู่บ้างเล็กน้อย แต่ดูแล้วสองคนนี้ไม่ น่าจะทําร้ายเธอได้ จึงกล้าที่จะถามว่า “ที่นี่เป็นสถานที่อะไรเห รอ?”

ผู้หญิงที่ผอมบางพูดว่า “ที่นี่คือคฤหาสน์ของคุณท่านเขียน

เพิ่งพูดว่า “คุณท่านเฉียน?”

แต่ผู้หญิงสองคนนั้นไม่ได้ตอบเธอ เพียงแต่เดินเข้าไปเพื่อนำ เสื้อผ้าที่ซักเสร็จแล้วกลับเข้ามาเก็บไว้ในตู้เสื้อผ้าภายในห้อง จากนั้นก็พูดกับเฟิงซี “ถ้าคุณหนูหิ้วล่ะก็ เดินออกไปที่ห้องอาหาร ที่อยู่ข้างนอก ที่นั่นมีอาหารให้รับประทานมากมายเลยค่ะ

เพิ่งซีก็พยักหน้า

เมื่อรอให้ผู้หญิงทั้งสองคนจากไปแล้ว เพิ่งซีก็เดินออกมาจาก ห้อง

ที่นี่เป็นบ้านหลังที่ใหญ่โตมาก ขนาดระเบียงทางเดินก็ยาว ประมาณสิบกว่าเมตรแล้ว

ระเบียงทั้งสองข้างยังมีห้องหลายห้องอยู่ ประตูห้องก็ถูกปิดไว้ เพิ่งกลับไม่ได้ไปใส่ใจ ได้แต่เดินไปตามระเบียงทางเดินจนไป ถึงสุดปลายทาง
ที่นั่นดูเหมือนเป็นห้องอาหารที่ผู้หญิงสองคนนั้นพูดถึง มีโต๊ะ อาหารยาวประมาณสี่ห้าเมตรวางอยู่ตรงกลางห้องอาหาร ทั้ง สองข้างก็มีเก้าอี้วางเรียงรายมากมาย ส่วนใหญ่แล้วก็จะเป็นที่ ว่างทั้งนั้น มีเพียงที่นั่งด้านหน้าสุดที่มีคนนั่งอยู่สี่ห้าคน

เพิ่งจำได้หนึ่งในนั้นได้ ชายชราที่นั่งอยู่ตรงหัวโต๊ะคนนั้น ก็ คือคนที่มาหาที่บ้านวันนั้น

ชายชราเมื่อเห็นเพิ่งซีแล้ว ร่างที่หลังค่อมก็ลุกขึ้นยืน พู ดกับเฟิงซีว่า “คุณหนูฉาง”

เพิ่งชีพยักหน้า แต่ไม่รู้จะพูดอะไรดี เธอก็ยังคงจำได้ว่าหลาน

ชายของชายชราคนนี้บุกเข้าไปในบ้านของเธอ ชายชราค่อยๆเดินมาตรงหน้าเพิ่งซี เพิ่งกลับรู้สึกหวาดกลัว

เล็กน้อย คิดจะเดินถอยหลังออกไป

แต่ชายชราเมื่อมาถึงตรงหน้าเธอ กลับโค้งตัวลงคำนับ ให้เธอ เดิมทีรูปร่างที่หลังค่อมอยู่แล้ว กลับแลดูยิ่งโค้งลงมากขึ้นไปอีก

“ต้องขอโทษจริงๆ สำหรับความสูญเสียที่เกิดขึ้นกับคุณหนูทั้ง

สอง ฉันจะขอรับผิดชอบทั้งหมดอย่างเต็มที่”

เพิ่งซีก็นึกถึงหลงหลินขึ้นมา จึงรีบถามว่า “แล้วพี่สาวฉันล่ะ? พวกคุณทำอะไรกับพี่สาวฉัน?”

เมื่อพูดถึงหลงหลินขึ้นมา เพิ่งซีก็แทบจะไม่เกรงกลัวชายชราที่ อยู่ตรงหน้าเธออีกแล้ว

ชายชรายึดตัวตรงขึ้น แล้วพูดว่า “คุณหนูหลงหลินเพียงแต่ยังไม่ฟื้นขึ้นมาเท่านั้น ก็อยู่ห้องข้างๆกับห้องท่านนั่นแหละ”

เพิ่งได้ยินเช่นนั้น ก็ไม่สนใจชายชราที่ยืนพูดอยู่ตรงหน้าเธอ อีก หันหลังกลับแล้ววิ่งกลับไป

ด้านซ้ายขวาของห้องเธอก็มีห้องอยู่ทั้งสองข้าง เมื่อเปิดดูห้อง แรกแล้ว เห็นมีคนนอนอยู่บนเตียง เพิ่งวิ่งเข้าไปดู เห็นเป็นหลง

หลินจริงๆด้วย

เธอจึงรีบตรวจดูอาการทั่วไปของหลงหลิน การหายใจที่ สม่ำเสมอ ชีพจรก็เต้นปกติ ไม่มีอะไรที่ผิดปกติเลย

จึงทำให้เพิ่งวางใจได้

ส่วนชายชราคนนั้นก็มายืนอยู่ตรงหน้าประตูห้อง แล้วพู ดกับเพิ่งซีว่า “สำหรับเรื่องนั้นแล้ว รอให้คุณหนูหลงหลินฟื้นขึ้น มาก่อน แล้วฉันจะอธิบายให้ทั้งสองได้เข้าใจอย่างแจ่มแจ้งเลย

พูดพลางเขาก็หันหลังกลับแล้วกำลังจะจากไป เพิ่งซีจึงตะโกน เรียกเขาไว้ “กรุณารอสักครู่ค่ะ”

ชายชราก็หันหน้ากลับมามองเธอ เพิ่งถามว่า “แล้วเฉินเฟิง ล่ะ? เฉินเฟิงตอนนี้อยู่ที่ไหนแล้ว?”

แต่ว่าดูเหมือนเมื่อพูดถึงเฉินเฟิงแล้ว สีหน้าของชายชราก็ เปลี่ยนสีทันที ดวงตาทั้งคู่ส่องประกายความเยือกเย็นออกมา แล้วพูดอย่างเย็นชาว่า “ขอให้คุณหนูเพิ่งดูแลคุณหนูหลงหลิน ให้ดีก็แล้วกัน”

พูดเพียงแค่นี้ก็หันหลังกลับแล้วเดินจากไป
เพิ่งยังอยากจะถามต่อไปอีก แต่ประตูห้องกลับถูกปิด เรียบร้อยแล้ว

ส่วนเฉินเฟิง ในตอนนี้ อยู่ในห้องใต้ดินที่มืดมิดและเปียกชื้น แห่งหนึ่ง รอบๆบริเวณมิดชิดไม่มีอากาศถ่ายเทเลย ได้ยินแต่ เสียงน้ำหยดท่ามกลางความมืดมิดเท่านั้น

เฉินเฟิงยังไม่ฟื้นขึ้นมาเลย มือทั้งสองข้างของเขาถูกล่ามด้วย โซ่เหล็กที่แขวนไว้แน่นหนา ขาทั้งคู่ก็ถูกมัดไว้เช่นกัน

สุดปลายทางของห้องใต้ดินนั้น ประตูไม้ที่ผุพังบานหนึ่งค่อยๆ เปิดออก ชายชราเมื่อครูที่อยู่ในห้องอาหารตอนนี้ก็ได้พาไอ้หนุ่ม รูปร่างสูงใหญ่ ยาคนหนึ่งเดินเข้ามา

ชายชราถามว่า “เขายังไม่ฟื้นเลยเหรอ?”

ชายร่างก๋าย่าคนนั้นก็ตอบว่า “สลบไปหนึ่งวันกว่าแล้ว แต่ว่า ตอนนี้ยังไม่ฟื้นขึ้นมาเลย

ชายชราพยักหน้า แล้วถามว่า “แล้วอะล่ะ?”

“ขาหักไปข้างหนึ่งแล้ว เดิมทีวรยุทธ์ที่เขาฝึกฝนก็ถนัดแต่การ ใช้ขาเตะ ตอนนี้ก็คิดว่าคงเป็นได้แค่คนพิการคนหนึ่งเท่านั้น” น้ำ เสียงของผู้ชายคนนั้นก็ยังคงราบเรียบเหมือนเดิม ราวกับว่าอะ ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับเขาเลย

แต่แท้ที่จริงแล้ว อะสี่เป็นน้องชายแท้ๆของเขาเอง

ชายชราพูดปลอบใจว่า “ไปหาหมอที่เก่งที่สุดมาช่วยต่อขาให้ เขาด้วย ถ้าไม่ไหวจริงๆก็ใช้ขาเทียมแทน จากนั้นก็มาเป็นยามรักษาความปลอดภัยที่บ้านตระกูลเฉียนก็แล้วกัน”

เมื่อชายชราพูดจบ ชายร่างกายก็รีบตอบขอบคุณว่า “อะ ซานขอบคุณแทนน้องชายด้วยครับ

ชายชราโบกมือแล้วพูดว่า “นี่เป็นสิ่งที่ฉันควรจะต้องทำอยู่ แล้ว เพราะมันเกิดจากอะเจที่เป็นคนก่อเรื่องเอาไว้เอง ขณะที่พูดคุยกัน ทั้งสองคนก็เดินมาถึงที่ที่กักขังเฉินเฟิงไว้ อะซานเดินไปข้างหน้าช่วยชายชราเปิดประตูออก

แสงไฟจากดวงไฟตรงระเบียงทางเดินสาดส่องเข้าไปในห้องที่

มืดมิดนั้น สามารถเห็นหน้าของเฉินเฟิงได้ ซึ่งอยู่ในสภาพที่ยับ เยินน่าสยดสยอง มองไม่ชัดแม้แต่รูปลักษณ์เดิม ยิ่งไม่ต้องพูดถึง บาดแผลตามร่างกายเลย แต่ที่น่าอัศจรรย์ใจก็คือ เฉินเฟิงยังไม่ตาย การหายใจของเขา

ยังคงอยู่เช่นเดิม เพียงแต่ว่าแผ่วเบามากเท่านั้น

อะซานยืนอยู่ตรงหน้าเฉินเฟิง แล้วถามคนชราว่า “นายท่าน ต้องการปลุกให้เขาตื่นไหมครับ”

ชายชราพยักหน้า อะซานก็เลยไปหิ้วถังน้ำจากในห้องมาหนึ่ง ถัง แล้วสาดไปยังใบหน้าของเฉินเฟิง

น้ำที่หนาวเย็นบาดลึกถึงกระดูกถึงหนึ่งก็สาดใส่หน้าของ เฉินเฟิง กระตุ้นให้เฉินเฟิงฟื้นจากสลบไสล

เขาสั่นสะท้านไปทั่วทั้งตัว ร่างกายอ่อนแอมาก น้ำเย็นถึงนี้ก็สามารถทำให้เขาบาดเจ็บสาหัสได้แล้ว

อะซานกลับยังไม่พอใจ เดินตรงไปตบหน้าเฉินเฟิงไปหลาย ฉาก จึงทำให้เฉินเฟิงรู้สึกตื่นตัวขึ้นมา

หลังจากฟื้นขึ้นมาแล้ว มองเห็นทั้งสองคนที่อยู่ตรงหน้า เฉินเฟ งก็ไม่มีอะไรจะพูดอีกแล้ว

“แกฆ่าอะเจ ชีวิตของแกตอนนี้ไม่ใช่ของแกอีกต่อไปแล้ว ที่ฉัน ยังไม่ฆ่าแกตอนนี้ เพียงแต่ยังไม่ได้ให้แกลิ้มรสความเจ็บปวด เท่านั้นเอง”

น้ำเสียงของชายชราเต็มไปด้วยความเคียดแค้น คิดว่าอะเจที่ ถูกฆ่าตายนั้น เขาก็คือหลานชายของชายชรานั่นเอง

เฉินเฟิงกลับไม่ได้รู้สึกเสียใจแต่อย่างไร มองไปยังชายชรา

แล้วแสยะยิ้ม “ถึงแม้จะให้โอกาสฉันอีกครั้งหนึ่ง ฉันก็ยังต้องฆ่า

เขาเหมือนเดิม”

เมื่อสิ้นเสียงพูด อะซานก็ชกหน้าเงินเฟิงไปหนึ่งที

“รนหาที่ตาย”

เฉินเฟิงหันหน้ากลับมา จ้องมองอะซานด้วยสายตาเยือกเย็น ราวกับว่าอยากจะกัดเนื้อตรงใบหน้าของอะซานให้หลุดออกมา เป็นชิ้น


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ