ลูกเขยมังกร

บทที่ 348 ไม่เลี้ยงคนว่างงาน



บทที่ 348 ไม่เลี้ยงคนว่างงาน

หัวหน้าแผนกขาย?

เฉินเฟิงส่ายหน้ายิ้มๆ ไม่ได้พูดอะไร อย่าว่าแต่หัวหน้าฝ่ายขายเลย ต่อให้เอา ตำแหน่งประธานใหญ่ของบริษัทเภสัชกรรม คางเหมยมาให้เขา เขาก็ไม่ทำ

ที่เขาถามเรื่องผู้บริหารระดับสูงกับหลั่ เล่อ เพราะอยากรู้ว่าคนพวกนั้นนิสัยยังไง มี ความเป็นไปได้ว่าจะข่มขู่เสี้ยเมิ่งเหยาไหม ถ้า มี เขาจะใช้วิธีอะไรขจัดการข่มขู่พวกนั้น

หลี่เล่อไม่รู้ความคิดของเฉินเฟิง ถ้าเขารู้ ล่ะก็ คงต้องตกใจจนพูดไม่ออกแน่ พนักงาน ฝ่ายขายตัวเล็กอย่างนาย พึ่งเข้าทำงานไม่คิด เรื่องสร้างผลงานเลื่อนตำแหน่ง ดันมาคิดว่า จะกำจัดผู้บริหารระดับสูงยังไงเนี่ยนะ?

บ้าหรือเปล่า?

“เฉินเฟิง หลี่เล่อ สื้อผงให้พวกนายสอง คนไปที่ห้องทํางานเขาหน่อย

ตอนนี้เองมีเสียงแหลมแทรกขึ้นมาด้าน

หลังพวกเขา

หลี่เล่อตัวแข็งค้าง ไม่ต้องหันไปก็รู้ว่า เจ้าของเสียงคือหวางซื่อหยวน

หลายวันนี้หวางซื่อหยวนคอยหาเรื่อง เฉินเฟิงตลอด และเพราะเขาสนิทกับเฉินเฟิง หวาง อหยวนเลยพลอยเกลียดเขาไปด้วย

หลี่เล่อยิ้มแหยถาม: “เลขาหวาง ผู้จัด การหลี่หาพวกเราสองคน มีเรื่องอะไรหรอ ครับ?”

นําแหน่งหวาง อหยวนในบริษัทคือ ผู้ชายฝ่ายขาย ถึงจะบอกอย่างนั้น ที่จริงก็ คล้ายๆกับเลขาส่วนตัวของหลี่สื่อผิง เพราะ เวลาในการทํางานทั้งหมด เธอเอาเวลาครึ่ง หนึ่งไปอยู่ในห้องทำงานหลีสื้อผิง

“ให้นายไปก็ไป ถามอะไรวุ่นวาย?”

หวาง อหยวนมองหลี่เล่ออย่างรังเกียจ เมื่อก่อนเธอยังรู้สึกดีกับเขา แต่สองวันนี้ทุก ครั้งที่เห็นหลี่เล่าล้อมหน้าล้อมหลังเฉินเฟิง เธอก็โกรธมาก

พอหวางซื่อหยวนพูดจบ ก็สะบัดกันเดิน

จากไป

หลี่เล่อทําหน้าเศร้า: “พี่เฟิง ทำไงดีล่ะ ผู้ จัดการหล็ต้องหาเรื่องเราอีกแน่ๆ

“มีเรื่องมาก็สู้”

เฉินเฟิงพูดสั้นๆและเดินไปทางห้องทำ งานหล่สื่อผิง

หลีสื่อผิงเป็นผู้จัดการฝ่ายขาย ดังนั้นใน ชั้น ห้องทํางานเขาใหญ่ที่สุด มีพื้นที่ประมาณ

ห้าสิบตารางเมตร

พอมาถึงหน้าประตู เฉินเฟิงผลักประตู เข้าไปเลย ไม่มีทีท่าเคาะประตูสักนิด

พอเข้าไปก็เห็นหวาง อหยวนนั่งอยู่บน ดักหลี่สื่อผิง เธอโอบคอเขาไว้อย่างสนิทสนม กระซิบพลอดรักที่ข้างหูหลีสื้อผง ส่วนสองมือของหลีสื่อผิงก็กำลังล้วง เข้าไปในเสื้อหวาง อหยวนอย่างย่ามใจ สีหน้าดูมีความสุขสุดๆ

พอเห็นเฉินเฟิงทะเล่อทะล่าเข้ามา หลั สื้อผงหน้าตึงฉับพลัน รีบเอามือออกมาจาก ข้างในเสื้อหวางซื่อหยวน ลุกขึ้นตะคอกใส่ เฉินเฟิงอย่างโกรธจัด: “ใครให้แกไม่เคาะ ประตูก็เข้ามาหา? รู้จักมารยาทไหม?”

“ไสหัวออกไป! หลี่สื้อผิงตะคอกพลางซื้ มือไปที่ประตู

“ผู้จัดการหลี่ ใจเย็นครับ ใจเย็นๆ พี่เฟิง พึ่งมาทํางานยังไม่รู้กฎระเบียบบริษัท คุณเป็น ผู้ใหญ่ใจกว้าง..” หลี่เล่อยิ้มประจบ พยายาม ช่วยเฉินเฟิงขอร้อง

แต่หลี่ อผิง ทั้งอายทั้งโกรธกลับไม่ไว้ หน้าหลี่เล่อสักนิด หันไปด่าวๆ “ไอ้ขยะ! ฉัน

ให้แกพูดหรือไง?!”

หลี่เล่อสะอึก ใบหน้างอ น แ ต่อหน้า หล่ อ ง เขาไม่มีสิทธิ์โกรธสักนิด

เฉินเฟิงสีหน้าเย็นชาทันที พูดอย่างเย็น ชาว่า ” หลี่สื้อผิง เก่งมากก็มาลงที่ผม ผมเป็น คนเปิดประตูเข้ามา ไม่เกี่ยวอะไรกับหลี่เล่อ”

“ไม่เกี่ยว?!” หลี่สื่อผิงยิ้มเจ้าเล่ห์: “แก บอกไม่เกี่ยวก็ไม่เกี่ยวหรอ แกคิดว่าแกเป็น ใครหา!”

เฉินเฟิงสีหน้าทะมึน หลี่สื้อผิงหาเรื่อง เขาเขาไม่แคร์ แต่หลีสื้อผิงหาเรื่องคนบริสุทธิ์ อย่างหลี่เล่อเพราะเขา นี่เป็นสิ่งที่เฉินเฟิงรับ ไม่ได้

“ไอ้เวรเอ้ย โง่แล้วยังอวดฉลาด… ” หลี่ สื้อยังคิดจะด่าอีกหลายคำ แต่พอเขาเงยหน้า ขึ้นมา ก็สบตาเย็นเยียบของเฉินเพิ่งเข้า แวว ตา ทาให้หลี่ อผิงอดสั่นสะท้านไม่ได้ เขา รู้สึกหนาวเหน็บไปทั้งตัวเหมือนตกไปอยู่ใน หลุมน้ำแข็งที่ไฟดับฉับพลัน

เจ้าขยะ ทำไมถึงมีสายตาที่น่ากลัว ขนาดนี้?!

หล่ อ งอดตกใจไม่ได้

แต่พอนึกได้ว่าตัวเองตอนนี้อยู่บริษัท ไม่ใช่ข้างนอก เขาก็รู้สึกเหมือนมีที่พึ่ง

“เฉินเฟิง แกอย่าคิดว่าแกมีคุณอาหวาง ให้ท้ายแกแล้ว ฉันจะท่าอะไรแกไม่ได้นะ!”

เฉินเฟิงยิ้มเย็นบอก: “ไม่มีคุณอาหวาง ให้ท้าย คุณก็ทําอะไรผมไม่ได้อยู่ดี”

“แก…” หลี่สื่อผิงโกรธแทบควันออกหู ถึงจะโกรธมาก แต่เขาก็ไม่ได้ทําอะไรเกินเลย ออกมาอีก และมองเฉินเฟิงอย่างเย็นชาพลาง เอ่ยปากเสียงเย็น: “แกมาทำงานที่บริษัท หลายวันแล้ว คงรู้ระบบบริษัทแล้วใช่ไหม”

“พนักงานทุกคนของฝ่ายขายนี่ต้องทำ ผลงาน!”

“แล้วไงล่ะ?” เฉินเฟิงไม่แยแส เขายัง นึกว่าหลี่ อผิงจะทำอะไรเขา? ก็แค่เอาเรื่อง ผลงานมาหาเรื่อง แล้วไง?” ท่าทีไม่ยี่หระของเฉินเฟิงทำ ให้หล่อผิงโมโห แต่เขาพยายามข่มกลั้น ความโกรธและพูดว่า: “เฉินเฟิง แกไม่รู้ สีกหรอว่าตัวเองควรหาอะไรบ้าง? คุณอา หวางให้แกมาทํางาน ไม่ใช่ให้แกมานั่งกิน นอนกินนะ”

“คุณจะให้ผมออกไปคุยงาน?” เฉินเฟิง ถามยิ้มๆ

“ใช่!” หลีสื้อผงยอมรับหน้าตาเฉย

“โรงพยาบาลตุงถึงช่วงนี้อยากสั่งซื้อยา ต้านมะเร็งล็อตใหญ่ พอดีว่าบริษัทเรามีของ อยู่ แต่ไม่มีใครยอมไปคุยให้ แกกับหลี่เล่อ ว่างๆอยู่ก็ลองไปดูละกัน” หลี่สื้อผิงบอก

เฉินเฟิงขมวดคิ้ว ลางสังหรณ์บอกเขาว่า โรงพยาบาลตุงถึงนั่นต้องมีปัญหาอะไรแน่ๆ ไม่งั้นหลี่ อผิงไม่ยอมเอางานนี้ให้เขาทำ

หรอก

“ผู้จัดการหลี่ ทางโรงพยาบาลตุงถึงนั่น พวกหัวหน้าจ้าวไปคุยหลายครั้งแล้วนะครับ แต่ทุกครั้งที่ไป แม้แต่หน้าคนรับผิดชอบก็ยัง ไม่เคยได้เจอเลย ก็โดนไล่ออกมาแล้ว ผมกับ พี่เฟิงไปก็คงโดนหยามเหมือนกัน…” ตอนนี้ หลี่เล่อทำใจกล้าพูดขึ้นมา ทั่วทั้งบริษัทต่างรู้ กันดีว่า โรงพยาบาลตุงถึงน่ะหยิ่งขนาดไหน

ถึงบริษัทเภสัชกรรมคางเหม่ยจะเป็น บริษัทใหญ่ในโลกการผลิตดา แต่โรงพยาบาล ตุงถึงกลับไม่เห็นบริษัทเภสัชกรรมคางเหมยอ ยู่ในสายตา

คนของฝ่ายขายบริษัทเภสัชกรรมคาง เหมียวิ่งไปคุยธุรกิจที่โรงพยาบาลตุงถึง แม้แต่ หน้าคนรับผิดชอบก็ยังไม่ได้เจอ ก็โดนไล่ออก มา

ต่อให้เป็นผู้จัดการอย่างหลี่ อผิงไปด้วย ตัวเอง ก็เจอการต้อนรับแบบเดียวกัน

ถ้าหลีสื่อผิงให้พนักงานตัวเล็กอย่างเขา กับเฉินเฟิงไปคุย เท่ากับอยากให้โรงพยาบาล งถึงเหยียดหยามพวกเขาเลยนี่นา? “โดนหยาม?” หลี่สื่อผิงยิ้มเย็น: “แกยัง ไม่ได้ลองไปคุยเลย ก็รู้ว่าจะโดนหยามหรอ?”

“แต่ว่า…

“ฉันไม่อยากได้ยินคำว่าแต่ว่า ฉันไม่สน ว่าพวกแกจะใช้วิธีอะไร ไม่ว่ายังไงพวกแก สองคนต้องไปคุยเรื่องสัญญายาต้านมะเร็งกับ โรงพยาบาลตุงถึงมาให้ฉันให้ได้

“ถ้าทำไม่ได้ ก็เก็บข้าวของไสหัวไปซะ บริษัทเราไม่เลี้ยงคนว่างงาน!” หลี่สื่อผิงยิ้ม เย็น นี่ต่างหากคือเป้าหมายที่แท้จริงของเขา เขาไม่คิดจะให้เฉินเฟิงได้สัญญายาต้านมะเร็ง ของโรงพยาบาลตุงถึงมาหรอก เพราะมันเป็น เรื่องที่เป็นไปไม่ได้


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ