ลูกเขยมังกร

บทที่ 923 ความช่วยเหลือจากโจวจื่อเอ่อ



บทที่ 923 ความช่วยเหลือจากโจวจื่อเอ่อ

เสียง “แคร็ก” ดังขึ้น โจวจื่อเอ๋อจึงถอยหลังไปสองก้าวทันที เธอน่าจะหาเจอแล้ว

จากนั้นการเคลื่อนไหวอย่างช้าๆก็เกิดขึ้น ตู้หนังสือแยกออก จากกันไปอีกข้าง ปรากฏให้เห็นทางเข้าอันมืดมิดนั้นอีกครั้ง

โจว อเอ๋อเดินไปยังทางเข้าอย่างระมัดระวัง พลางพาดมือลง ไปยังตู้หนังสือแล้วมองเข้าไปด้านใน พร้อมเรียกด้วยเสียงเบาๆ : “คุณชายเฉิน!

ภายในห้องลับเกิดเสียงสะท้อนเบาๆ กลับมา แต่กลับไม่มีการ ตอบกลับใดๆ จากเฉินเฟิงเลย

โจวจื่อเอ๋อจ้องมองอยู่ครู่หนึ่ง บนใบหน้าเผยให้เห็นสีหน้าที่

แน่วแน่ จากนั้นเธอก็ตรงเข้าไปด้านในอย่างช้าๆ

ภายในความมืดมิด เธอเดินไปอย่างระวังตัวอย่างมาก พร้อม กับคอยฟังเสียงอย่างใจจดใจจ่อ เพราะเธอกังวลว่าจะมีคนอยู่ ด้านล่าง

ถึงแม้จะคาดเดาได้แล้วว่าคนที่ขังเฉินเฟิงไว้ที่นี่คือโจวฟ่าง แต่ก็ยังไม่สามารถตัดคนอื่นๆ ออกไปได้อยู่ดี

ภายในเส้นทางอันคับแคบ หลังจากเดินมากว่าสิบนาที ใน ที่สุดก็เดินมาถึงหน้าประตูเหล็กหนาบานนั้น
แต่เมื่อเจอกับประตูบานนี้ เธอก็ไร้หนทางที่จะไปต่อ

เธอตะโกนเรียกชื่อเฉันเพิ่งเข้าไปด้านในอีกครั้ง แต่ดูเหมือน ว่าเพราะที่นี่จะมีกำแพงกันเสียงที่ไม่เลว รวมกับการที่โจวจื่อเอื้อ ไม่กล้าที่จะเรียกเสียงดังเกินไป ดังนั้นจึงไม่มีเสียงตอบกลับใดๆ จากด้านในทั้งสิ้น

โจวจื่อเอ่อที่อยู่ด้านหน้าประตูต้องการที่จะหากลไกการเปิด แบบเดียวกับข้างบน แต่เมื่อลูบคลำไปทั่วบริเวณนั้นแล้ว กลับ ไม่รู้วิธีการที่จะเปิดประตูออกเลย

ภายใต้ความหงุดหงิดในใจ และด้วยความไม่รู้เลยว่าเฉินเฟิ งอยู่ด้านในนี้จริงหรือเปล่า พร้อมกับความกลัวว่าจะมีคนเข้ามา เจอด้วยหรือเปล่านั้น เธอจึงเข้าไปถึงกับประตูเพื่อให้ตัวเองสงบ สติลง

เมื่อเวลาผ่านไปสักพัก เธอจึงหันกลับไปมองยังประตูเหล็กอัน หนาอึ้งนั้นอีกครั้ง พร้อมกับครุ่นคิด จากนั้นจึงวิ่งกลับขึ้นไปยัง ห้องหนังสือแล้วหาตะเกียงโลหะอันหนึ่งจากตรงนั้นก่อนจะกลับ ไปด้านในอีกครั้ง

แต่เธอไม่ได้ทุบมันลงไปโดยตรง เพียงแค่กอดตะเกียงนั้นเอา ไว้แล้วเคาะประตูอยู่ตรงนั้นอย่างเบาๆ เป็นครั้งๆ ราวกับกำลัง เคาะในจังหวะที่แตกต่างกันไป

ส่วนเฉินเฟิงที่ตอนนี้กำลังอยู่ภายใต้ความมืดสนิทนั้น ก็ เปลี่ยนเป็นคนที่มีความอ่อนไหวต่อทุกเสียงที่เกิดขึ้น

ในขณะที่กำลังงีบหลับ ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงโลหะกำลังกระทบกันดังขึ้น ทำให้เขาคิดว่าตัวเองคงจะหูฝาดไป แต่เมื่อ ตั้งใจฟังไปเรื่อยๆ เขาก็รู้ตัวทันทีว่าเขาได้ยินเสียงนั้นจริงๆ

ซึ่งเสียงนั้นกำลังดังมาจากประตู

เฉินเฟิงนึกตามความทรงจำของตัวเองเดินตรงไปยังประตู เหล็ก และเสียงนั้นยังคงดังไม่หยุดเสียที

เมื่อลองเข้าไปสัมผัสกับประตูเหล็ก ก็รู้สึกเหมือนว่ากำลังมี การเคลื่อนไหวอยู่ เขาจึงไปบนประตูเหล็กแล้วพยายามใช้ แนบชิดเข้าไป

ปรากฏว่ามีเสียงกำลังดังขึ้นมาจริงๆ ซึ่งแต่ละเสียงนั้นกำลัง ดังขึ้นมาเป็นจังหวะอย่างมาก

“มีคนหรือเปล่า? “เขาตะโกนอย่างเสียงดัง

แต่ในขณะเดียวกันโจวจื่อเอ๋อที่อยู่ด้านนอกก็ไม่ได้ยินเสียง ใดๆ เช่นกัน และเสียงเคาะนั้นก็ยังคงดังไปเรื่อยๆ

เฉินเฟิงครุ่นคิดหนัก ก่อนจะไปค้นหาตามบริเวณโดยรอบ แล้วไปสัมผัสเข้ากับขาเก้าอี้ตัวหนึ่งซึ่งเป็นโลหะเช่นกัน

เขาถอดขาเก้าอี้ออกมาได้อย่างไม่เปลืองแรงเลย จากนั้นก็ กลับไปยังประตูเหล็กอีกครั้ง

ก่อนจะเคาะไปยังประตูเหล็กรัวๆอย่างไม่เป็นจังหวะ

ส่วนคนที่อยู่ด้านนอกอย่างโจวจื่อเอ๋อดูเหมือนจะสัมผัสได้กับ อะไรบางอย่าง ซึ่งจังหวะการเคาะนั้นถูกเคาะอย่างไม่เป็นท่วงทํานองเลย

เธอตกตะลึงจนหยุดการกระทำของตัวเองลง ขณะที่เฉินเฟิง เองก็ยังคงเคาะไปเรื่อยๆ เธอแนบหูเข้าไปชิดกับประตูเหล็ก จาก นั้นจึงได้ยินเสียงที่เกิดขึ้นด้านใน

มีคนอยู่ด้านในนั้น นี่คือสิ่งที่โจวจื่อเอ๋อคิดขึ้นมาได้ในตอนนี้ แต่ว่าจะติดต่อกับเขาอย่างไร แล้วหลังจากนั้นจะช่วยเขาออก

มายังไงดี ?

เธอคิดหนัก ก่อนจะใช้ท่วงทำนองบางอย่างเคาะไปบนประตู เหล็ก

หลังจากที่เฉินเฟิงเกิดความตื่นเต้น เขาก็รู้ตัวว่าแม้จะมีคนพบ เขาแล้ว แต่การจะช่วยเขาออกไปนั้นยังถือเป็นเรื่องยากอย่าง มาก

เขาได้ยินเสียงเคาะจากด้านนอกดังขึ้นอีกครั้ง จึงหยุดการกระ

ทำของตัวเองลงพร้อมกับเริ่มตั้งใจฟังเสียงที่ดังขึ้น

เสียงนั้นมีจังหวะที่แปลกประหลาดอย่างมาก และไม่เหมือน กับท่วงทำนองที่คงที่ จนกระทั่งเขาหยุดชะงักไปชั่วขณะ หลังจาก ที่เฉินเฟิงได้ฟังท่วงทำนองที่คล้ายคลึงกันนั้นถึงสองครั้ง เขาก็ เข้าได้ทันทีเลยว่า นี่คือรหัสมอร์ส

โชคดีที่เขานั้นเคยศึกษาเกี่ยวกับรหัสพวกนี้มาก่อน ดังนั้นเมื่อ นำรหัสที่เพิ่งได้ยินเมื่อสักครู่นี้มาเปรียบเทียบกับตัวอักษรแล้ว เขาถึงกับตะลึงกับการค้นพบนี้เลยทีเดียว เพราะอีกฝ่ายกำลังเรียกชื่อของเขาอยู่

เงินเฟิงแปลเอาคำพูดที่ต้องการจะพูดออกมา จากนั้นก็เริ่ม เคาะท่วงทํานองส่งสารออกไป

เมื่อได้ยินอีกฝ่ายมีการตอบกลับมา โจวจื่อเอ๋อจึงหยุดนิ่ง เธอกำลังกังวลว่าเฉินเพิ่งจะเข้าใจความหมายนั้นหรือไม่ หรือ ว่าเขาไม่เข้าใจรหัสมอร์สแบบนี้เลย

แต่เมื่อสิ่งที่ได้ยินกลับเป็นคำว่า “ผมเอง” สองคำออกมา เธอ ก็รู้ได้ทันทีเลยว่าเฉินเฟิงเข้าใจแล้วจริงๆ

เธอยิ้มออกมา เพราะอย่างน้อยก็มีวิธีการในการติดต่อสื่อสาร แล้ว

“คุณยังไหวหรือเปล่า? ” เธอถาม

“ผมยังพอไหว คุณคือใคร ? ”

“โจวจื่อเอ๋อ”

คำตอบนี้ทำเอาเงินเฟิงประหลาดใจเลยไม่น้อย คนตระกูลโจ วเป็นคนนำตัวเขามาขังไว้ที่นี่ แต่กลับเป็นคนตระกูลโจวที่เข้ามา ค้นหาตัวเขาเช่นกัน ไม่ว่าจะคิดยังไงก็เป็นเรื่องน่าแปลกเอา มากๆ

“คุณไม่รู้วิธีเปิดประตูหรอ? ” เฉินเฟิงถาม เขาคิดได้ว่าในเมื่อ โจวจื่อเอ๋อทําได้เพียงใช้วิธีนี้ในการติดต่อกับเขา อย่างนั้นต้อง เป็นเพราะว่าเธอไม่มีทางเข้ามาด้านในนี้ได้
และแล้วโจวจื่อเอ๋อจึงตอบกลับ “ฉันเพิ่งเข้ามาครั้งแรก

เฉินเฟิงถึงกับเกิดอาการสิ้นหวัง แต่การที่โจวจ่อเอื้อมาถึงที่นี่ ได้สําหรับเขาแล้วอย่างน้อยก็ยังพอได้เห็นความหวังอยู่บ้าง เขา จึงตอบกลับไป: “โจวฟาง กุญแจอยู่กับตัวเขา

เมื่อได้ยินค้าบอกกล่าวของเฉินเฟิง โจวจื่อเอื้อนั้นไม่ได้มีท่าที ตกใจเลย เพราะมันเป็นอย่างที่เธอได้คิดเอาไว้ทั้งหมด

“ฉันจะหาวิธีเอากุญแจมาจากตรงนั้นให้ได้” เธอกล่าว

เฉินเฟิงได้เพียงกล่าวขอบคุณอยู่ภายในใจ ตอนนี้ความหวัง เดียวของเขามีเพียงแค่โจวจื่อเอ่อแล้วเท่านั้น

แต่เมื่อนึกขึ้นได้ว่าที่นี่ไม่เหมาะสมที่จะอยู่ได้นานนัก เขาจึง กล่าวย้ำเตือน : “ด้านในนี้ไม่มีน้ำ

โจวจื่อเอ๋อที่เข้าใจความหมายของเฉินเฟิง จึงตอบกลับไป :

“ฉันจะเร่งมือ”

หลังจากที่บอกประโยคนี้ออกไป โจวจื่อเอ๋อก็ทำการเคาะอีก ประโยค : “ฉันจะไปแล้ว คุณอดทนเข้าไว้

แต่ทว่าด้านในกลับไม่มีการตอบสนองใดๆ กลับมา หลังจาก ที่โจวจื่อเอ๋อจ้องมองไปยังประตูอีกครั้ง เธอก็เดินออกมาจากตรง นั้น

เฉินเฟิงนั่งพิงลงไปกับประตูเหล็กด้วยความหดหู่ใจ เขาไม่รู้ เลยว่าโจวจื่อเอ๋อจะสามารถช่วยเขาออกไปได้หรือไม่
เมื่อกลับมายังด้านนอก โจวจื่อเอ๋อจึงปิดกลไกในห้องหนังสือ ลงอีกครั้ง แล้วทำตัวเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น ก่อนจะ เดินออกมาจากตรงนั้นอย่างผ่อนคลาย

ถ้าหากตอนที่ออกมานั้นโจวฟ่างมุ่งหน้าตรงไปยังงานเลี้ยง เลย อย่างนั้นก็จะมีความเป็นไปได้สูงที่กุญแจจะยังอยู่กับตัวเขา

โจวจื่อเอ๋อเดินตรงเข้าไปในงาน ซึ่งในตอนนี้กำลังอยู่ในช่วง งานเลิกพอดี เหล่าแขกที่มาเยือนก็กำลังเดินออกมาจากด้านใน ในขณะที่สายตาของเธอพุ่งเป้าไปยังโจวฟ่างที่ยืนอยู่ด้านหน้า กับคนอื่นๆ

เธอจัดการกับท่าทีรีบร้อนจากการเดินมาที่นี่ออกไปทันที หลัง จากที่ท่าทางของเธอดูเหมือนไม่ได้มีความร้อนรนอะไร เธอจึง ค่อยๆ เดินเข้าไป

เมื่อเห็นว่าโจวจื่อเอ๋อเดินเข้ามาหา โจวฟ่างถึงกับแปลกใจไม่ น้อย : “จื่อเอ๋อ ทำไมเธอถึงไม่ได้อยู่กับคุณชายรองจากตระกูล ไป๋คนนั้นล่ะ ? ”

โจวจื่อเอ๋อยิ้มออกมา “หนูตั้งใจมาหาลุงโดยเฉพาะเลย

ทางด้านโจวฟ่างเป็นเพราะสาเหตุจากการดื่มเหล้าในงาน เลี้ยง ตอนนี้ใบหน้าของเขาจึงดูแดงขึ้นมา แต่ถึงอย่างนั้น สติสัมปชัญญะของเขานั้นยังอยู่ครบ ซึ่งคงเป็นเพราะไม่ได้เมา อะไรขนาดนั้น

และเมื่อได้ยินคำพูดนี้ของโจวจื่อเอ๋อ โจวฟางก็ยิ่งเกิดความแปลกใจมากขึ้น : “เธอมาหาลุง? จะทำอะไร? เธอไม่เคย ชอบพูดกับลุงสี่ตั้งแต่เมื่อก่อนแล้วนี่ !

โจวจื่อเอ๋อกดเสียงให้ต่ำลงแล้วโน้มเข้าไปพูดข้างกายโจว ฟาง : “คุณลุง คุณจะต้องช่วยจื่อเอ๋อนะ !

พลางพูดไป ดวงตาคู่นั้นที่มักจะแฝงไปด้วยรอยยิ้มอยู่ตลอด เวลากลับมีน้ำตาร่วงไหลลงมาอย่างเนืองนอง

โจวฟ่างถึงกับตะลึง คิดว่าโจวจื่อเอ๋อต้องไปพบกับเรื่องที่ไม่ดี มาเป็นแน่ เขาจึงรีบพูดทันที “จ่อเอ๋อย่าร้องไห้ บอกกับลุงสมา ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่

“คุณลุงสี่ จื่อเอ๋อไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงแล้วจริงๆ ถึงได้เข้ามา ร้องขอให้คุณลุงสี่ช่วยเหลือ


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ