ลูกเขยมังกร

บทที่ 902 ออกไปได้แล้ว



บทที่ 902 ออกไปได้แล้ว

ผู้ชายคนนี้ใส่เสื้อหนังสีดำ ทรงผมที่หวีเรียบแปล มีหนวดสอง ข้างตรงริมฝีปากที่ตกแต่งอย่างเป็นระเบียบ แลดูแล้วรู้สึกว่าเขา ค่อนข้างเป็นผู้ใหญ่หน่อย

ทันทีที่เฉินเพิ่งลืมตาขึ้นมา ก็ได้เห็นไอ้หมอนี่ยืนอยู่ตรงหน้า แล้ว

แต่ว่าไอ้หมอนี่ก็ไม่ได้ทำอะไรเขาเหมือนหลายคนก่อนหน้านี้ เงินเฟิงก็ถามอย่างแปลกใจว่า “แกเป็นใครอีกล่ะ?”

คนนั้นก็พูดเสียงเบาว่า “ฉันเป็นคนที่จะมาช่วยแก เรียกฉันว่า

ไปชิงก็ได้”

เฉินเฟิงย่อมไม่เคยได้ยินชื่อนี้เป็นธรรมดา แต่เขาก็ไม่ใส่ใจ ได้แต่ถามว่า “แกจะช่วยฉันออกไปได้ยังไงล่ะ?”

ไป๋ซิงก็พูดว่า “ก็พาแกออกไปอย่างนี้ไง

เฉินเฟิงพูดอย่างแปลกใจว่า “หรือว่าจะไม่มีใครขัดขวางแก เลยเหรอ ฉันเป็นคนที่ฆ่าหลานของตระกูลนี้เลยนะ พวกเขาคงไม่ ปล่อยให้ฉันออกไปง่ายๆหรอก”

ไปซึ่งพยักหน้าแล้วพูดว่า “ฉันรู้ แต่ว่าแกตามฉันออกไปพวก เขาก็ไม่กล้าขัดขวางแล้ว”

เฉินเฟิงก็ได้แต่มองหน้าเขา ดูเหมือนว่าจะให้เขาพิสูจน์ว่าคำพูดของเขาเป็นจริงหรือไม่

ไปซึ่งก็ไม่ได้พูดอะไรอีก หยิบกุญแจออกมาจากกระเป๋าหนึ่ง ดอก เดินมาถึงข้างตัวเฉินเฟิงแล้วใช้กุญแจไซโซ่ตรวนในมือและ ขาของเขาออกไปจนหมด

ร่างกายของเฉินเฟิงตอนนี้อ่อนแอมาก เมื่อไม่มีโซ่ตรวนช่วย ยึดตัวเขาไว้แล้ว เขาจึงล้มลงไปกับพื้นทันที

“ตอนนี้เชื่อคำพูดฉันแล้วยังล่ะ?” ไปซึ่งก็มองลงไปยังเฉินเฟิง

จากนั้นเขาก็นั่งยองๆลงไปใกล้ตัวเฉินเฟิง แล้วหยิบยาเม็ด หนึ่งออกมาจากกระเป๋า พูดกับเขาว่า “ยาเม็ดนี้จะช่วยกระตุ้นให้ พละกำลังที่ซ่อนเร้นอยู่ภายในร่างกายของแกออกมา ทำให้แก สามารถขยับตัวได้กระฉับกระเฉงอย่างน้อยก็สองชั่วโมง

เขาหยิบยาเม็ดนั้นยื่นให้ตรงหน้าเฉินเฟิง เฉินเฟิงพูดว่า “มัน

คงไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้นล่ะมั้ง?”

เกี่ยวกับผลข้างเคียงพวกนั้น สำหรับแกแล้วมันมีความ จําเป็นด้วยเหรอ ขอเพียงไม่ตายไปเสียก่อน มันก็น่าจะดีกว่า ตอนนี้มากแล้วนะ” ไปชิงพูด

ดูเหมือนเฉินเฟิงก็คล้อยตามเขา จึงได้กลืนยาเม็ดนั้นลงไป

แล้วก็เป็นจริงอย่างที่พูด พละกำลังภายในตัวเขาก็เริ่มค่อยๆ ฟื้นขึ้นมา ร่างกายก็เริ่มเปลี่ยนเป็นร้อนผ่าว ราวกับเป็นอาการ ฮึกเหิมครั้งสุดท้ายของคนใกล้ตาย

ผ่านไปสักครู่ ในที่สุดเฉินเฟิงก็ลุกขึ้นมายืนได้แล้ว เขาพูดกับไปชิงที่อยู่ข้างๆด้วยน้ำเสียงเย็นซาว่า “แกไม่กลัวเหรอว่าตอนนี้ ฉันจะฆ่าแก”

ไปถึงกลับไม่มีความกลัวอะไรเลย “แกคิดว่ามีความจําเป็นเห

รอ? ต่อให้ฆ่าฉันตอนนี้ได้แล้ว แกก็ออกไปไม่ได้อยู่ดี”

ขณะที่พวกเขาพูดคุยกันอยู่นั้น หน้าประตูคุกใต้ดินนี้ก็มีคน เดินเข้ามา ดูเหมือนว่าพวกเขาจะเป็นคนของตระกูลเจียน

หนึ่งในจํานวนนั้นตะโกนพูดกับไปซึ่งว่า “คุณชายไป ทำไม คุณถึงทำอย่างนี้ล่ะ นายท่านถึงแม้จะตกลงกับคุณไว้แล้ว แต่ก็ไม่ ได้บอกว่าจะให้คุณพาตัวคนนี้ไปด้วยนะ

ไปชิงตอบอย่างเรียบเฉยว่า “ต่อให้ฉันคิดจะจัดการกับไอ้หมอ นั่น มันก็เป็นเรื่องภายในของตระกูลไป ไม่ต้องรอให้พวกแกมา นิ้วสั่งการหรอก ไสหัวออกไปให้พ้น

พูดจบเขาก็เดินนำหน้าไป เฉินเฟิงก็เดินตามหลังขึ้นไป

เมื่อเดินผ่านสองคนนั้น พวกเขาก็ไม่มีทีท่าว่าจะลงมือ หนำซ้ำ ยังคิดจะพูดอะไรอีก แต่กลับถูกไปชิงมองตาขวาง จึงได้แต่หยุด พูดต่อไป

เมื่อมาถึงด้านบนสุดแล้ว ชายชราหลังค่อมก็ได้มายืนรออยู่ที่ นี่แล้ว เขามองไปยังไปชิงแล้วพูดตำหนิว่า “ถ้าแกคิดจะจัดการ กับน้องชายแก ฉันก็ช่วยแกได้ แต่คนคนนี้ แกจะต้องทิ้งไว้ที่นี่”

ไปซึ่งมองเขาอย่างเหยียดหยามแล้วพูดว่า “ตาแก่เฉียน แก นึกว่าฉันไม่รู้เหรอว่าแกกำลังคิดอะไรอยู่ ไอ้หมอนั่นอยากจะได้ผู้หญิงสองคนนั้น แต่ฉันจะไม่ให้เขาได้สมหวังดั่งใจหรอก ส่วนแก ถ้าคิดจะจัดการกับเขา งั้นก็ทําต่อไปได้เลย สิ่งที่แกสมควรจะได้ รับนั้น ฉันก็จะจัดให้แกไม่ขาดแม้แต่สตางค์แดงเดียว”

จากนั้นก็ไม่ไปสนใจอีกแล้ว เดินตรงไปยังประตูทางออก

เฉินเฟิงก็มองไปยังชายชราคนนั้นแวบเดียว ท่ากลางสายตาที่ โกรธแค้นสุดขีดของฝ่ายตรงข้าม เฉินเฟิงก็เดินจากไปเช่นนี้เลย

ด้านนอกประตูก็มีรถมารอพวกเขาอยู่แล้ว ไปซึ่งให้เฉินเพิ่งขึ้น รถ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะไปที่ไหน ไปชิงก็อยู่ในท่าทีที่เงียบสงบมาโดย ตลอด เฉินเฟิงจึงไม่ได้ถามอะไร

ในที่สุดเมื่อมาถึงหน้าโรงงานร้างแห่งหนึ่ง ไปชิงจึงค่อยๆเปิด ปากพูดว่า “ผู้หญิงสองคนที่ติดตามแกก็อยู่ข้างในนี้แล้ว ตอนนี้ แกมีกำลังพอที่จะพาพวกเธอออกมาได้ แต่ว่าไอ้หมอนั่นที่แซ่ไป คนนั้น แกห้ามแตะต้องเขาเป็นอันขาด

เฉินเฟิงถึงแม้ไม่ค่อยเข้าใจความหมายที่เขาพูดเท่าไหร่นัก แต่ก็รู้ว่าผู้หญิงสองคนนั้นที่เขาพูดถึงก็หมายถึงหลงหลิน สองพี่น้องนั่นเอง

ดังนั้นจึงถามด้วยความประหลาดใจว่า “พวกเธอทำไมถึงมา อยู่ที่นี่ได้ล่ะ?”

“แกไม่ต้องไปสนใจหรอก ขอเพียงแค่พาพวกเธอออกไปได้ก็ พอแล้ว จำไว้ด้วย อย่าแตะต้องไป๋ซูเด็ดขาด”

ไอ้พวกคนที่อยู่ในโรงงานนั้นก็ล้วนเป็นพวกจิ๊กโก๋ปากซอยทั้งนั้น หลังจากบุกเข้ามาแล้ว เฉินเฟิงก็จับคนหนึ่งไว้ได้แล้วถามว่า “ผู้หญิงสองคนนั้นอยู่ไหน?

คนนั้นตกใจกลัวจึงชี้ทางไปให้กับเฉินเฟิง แต่ว่าเฉินเฟิงก็ยัง ซัดเขาจนสลบไป

ส่วนเขาก็บุกลุยเข้าไปตลอดทาง ไม่มีใครที่จะสามารถหยุดยั้ง เข้าได้เลย

ขณะที่หลงหลินสองพี่น้องได้เห็นเฉินเฟิงยืนอยู่ตรงหน้าประตู

ก็รู้สึกเซอร์ไพรส์มาก

เฉินเฟิงบุกเข้าไปแกะที่ปิดปากของหลงหลินออก หลงหลินจึง พูดด้วยความแตกตื่นว่า “เฉินเฟิง เป็นคุณได้ยังไงกันเนี่ยะ

เฉินเฟิงพลางแก้มัดให้กับเฟิงซี พลางตอบคำถามว่า “มีคน

ช่วยฉันไว้”

“แต่ว่าแล้วคุณรู้ได้ยังไงว่าพวกเราอยู่ที่นี่?”

“ก็คนนั้นแหละเป็นคนบอกฉัน

พูดพลาง เขาก็แก้เชือกที่มัดบนตัวเธอทั้งสองคนออกจนหมด

แล้ว

เพิ่งรู้สึกตื้นตันจนกอดเฉินเฟิงไว้ อดไม่ได้ที่ร้องไห้ออกมา เฉินเฟิงก็ลูบหลังเธอแล้วพูดปลอบใจว่า “เอาล่ะ อย่าร้องไห้ อีกเลย ฉันก็กลับมาแล้วนี่ไง

แต่ว่าเพิ่งกลับยิ่งกอดเขาไว้แน่นมากขึ้น
“รีบไปกันเถอะไม่มีเวลาแล้ว” เป็นเพราะสาเหตุทางร่างกาย เฉินเฟิงจึงไม่กล้าที่จะอยู่ที่นี่นานเกินไป

แต่หลงหลินกลับห้ามเขาไว้แล้วพูดว่า “พวกเรายังต้องช่วยไป ซูอีก เขาก็ถูกจับไปเหมือนกัน”

เงินเฟิงกลับส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ไม่ต้องช่วยเขาหรอก ทุก อย่างที่เกิดขึ้นเป็นเพราะว่าเขาเป็นผู้กำกับเองแสดงเองทั้งนั้น

หลงหลินมองเฉินเฟิงอย่างตกตะลึงแล้วพูดว่า “นี่มันเป็นไปได้

ยังไง ก็ฉันเห็นกับตาว่าเขาถูกทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บนี่นา”

เฉินเฟิงพูดว่า “งั้นก็คงเป็นเรื่องโกหกอย่างแน่นอน พวกเรา รีบไปกันเถอะ เดี๋ยวเวลาจะไม่ทันการแล้ว

แต่หลงหลินกลับยังลังเลอยู่ ดูเหมือนเธอยังไม่ปักใจเชื่อว่า

ทุกอย่างที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้เป็นเรื่องโกหกทั้งนั้น

หลังจากครุ่นคิดสักพักใหญ่ ก็ยังคงพูดว่า “ฉันรู้สึกว่าพวกเรา ควรจะไปช่วยเขาดีกว่านะ ต่อให้นั่นอาจจะเป็นเรื่องโกหกก็ตาม แต่ก็อาจจะเป็นเรื่องจริงก็ได้ เขาถูกจับก็เป็นเพราะพวกเรานะ

ดูเหมือนเพิ่งซีก็เห็นด้วยกับความคิดของหลงหลิน

เธอมองเฉินเฟิงด้วยสายตาว้าววอน เฉินเฟิงรู้สึกตัวว่า ร่างกายยิ่งเข้าใกล้ขีดจำกัดมากขึ้นทุกทีแล้ว แต่หลงหลิน สองพี่น้องต่างก็ยังขอร้องเช่นนี้อีก เขาจึงได้แต่พยักหน้าอย่างจน ใจแล้วพูดว่า “งั้นก็ได้”

ทั้งสามคนก็เดินตรงไปยังที่คุมขังไปซู แต่ว่ายังไม่ทันได้เข้าไปเลย ก็ได้ยินเสียงข้างในดังแว่วออกมา

“คุณชายไป ฉันว่าเวลาก็พอประมาณแล้ว ถ้างั้นท่านก็ออก หน้าได้แล้วสิ”

ส่วนเสียงของอีกฝ่ายหนึ่งฟังดูแล้วนุ่มนวลสุภาพพูดขึ้นว่า “ไม่ ต้องรีบร้อน รอให้พวกเธอรู้สึกถึงความสิ้นหวังจริงๆเสียก่อน โดยเฉพาะอยู่ในสถานการณ์ที่ทั้งหิวโหยทั้งลำบากอย่างนั้น การ ปรากฏตัวของฉันก็จะยิ่งปลุกเร้าให้พวกเธอสร้างแรงศรัทธาใน ใจของขึ้นมาได้”

แต่เขาก็ไม่มีทางที่จะรู้ได้เลยว่า ถ้อยคำทุกคำที่เขากำลังพูด อยู่ในเวลานี้ ทั้งสองคนที่เดิมทีรอให้เขาไปช่วยเหลือนั้น ตอนนี้ กลับยืนฟังอยู่ตรงหน้าประตูจนได้ยินชัดเจนกันหมดแล้ว


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ