ลูกเขยมังกร

บทที่806 กระบวนท่าหยินหลาง



บทที่806 กระบวนท่าหยินหลาง

บาดแผลไม่ล็ก สําหรับพวกเขาเป็นแผลเล็กนิดเดียว เฉินเฟิง ไม่ได้ใส่ใจ เตรียมจู่โจมรวดเร็วด้วยกระบวนท่าหยินหลาง

แต่จู่ๆไม่รู้ทําไม แผลบนแขนเป็นแผลฉกรรจ์ขึ้นมา เจ็บเกิน

กว่าทีบาดแผลหนึ่งควรจะเจ็บ

ตอนนี้เขารู้สึกแปลก

“คุณยาพิษเหรอ”

เฉินเฟิงถามหวางลั่วปิงเสียงเย็น

“หี น้องชาย เจ้าปรักปรำคนไม่ได้นะ เรื่องที่ไม่มีหลักฐาน ถือว่าหมิ่นประมาท

เขาไม่ยอมรับแน่นอน แต่ร่างกายเฉินเฟิงคุ้นมาก ถ้าไม่ใช่ยา พิษ เขาจะไม่เจ็บปวดรุนแรงแบบนี้

ความเจ็บปวดแบบนี้ราวกับถูกมดนับพันตัวกัดแทะกล้ามเนื้อ

และเสร็จประสาทกำลังถูกทรมาน

เฉินเฟิงต้องรีบโต้ตอบรวดเร็ว รออย่างเดียวคงแพ้

แต่หวางลั่วปิงก็ไม่ประมาทเพียงเพราะเฉินเฟิงติดกับ เขาใช้ หลักโยนหินถมบ่อ ต่อไปก็คือการจู่โจมขึ้น มา

เฉินเฟิงต้องรีบป้องกัน มือซ้ายแทบใช้การไม่ได้แล้ว อีกอย่าง พิษได้เข้าไปสู่ขั้วหัวใจอย่างอันตราย
สถานการณ์ขับขัน เขาได้แต่พยายามปัดป้อง คอยหลบหลีก ป้องกันจากการโจมตีของหวาง วปิง

ต่อให้นําบากแค่ไหน เฉินเฟิงยังหาจังหวะใช้ปากฉีกเสื้อมา เป็นผ้าพันแผล หากเขาต้องการชนะการประลอง เขาจะให้พิษซึม เข้าร่างกายไม่ได้อีก

กระบวนท่าฝ่ายตรงข้ามอันตรายขึ้นเรื่อยๆ เฉินเฟิงเองดูท่า ว่าเอาไม่อยู่

ดีที่ผ้าในปากที่เขาพันไว้ค่อยๆรัดพันท่อนแขน ชะลอการไหล ซึมของพิษเข้าสู่หัวใจ แต่ต่อให้เป็นแบบนี้ เขาเองก็ไม่มีเวลา มาก เขาจะต้องรีบรุก

ท่ามกลางการรุกเร้าที่ดุเดือด เฉินเฟิงยังสามารถควบคุม บาดแผล หวางลั่วปิงหน้าถมึง เดิมที่ยึดเวลาออกไปได้ เฉินเฟิงผู้ที่กำลังรอโดนปลิดชีพ ตัดสินใจเร่งความเร็ว

ในมือกําหมัดแน่น เท้าเตะพัลวัน

หมดไปโชวที่เขาฝึกมา ล้วนลอกเลียนวิธีการเดรัจฉานทั้งสิ้น มีนับไม่ถ้วน ดังนั้นกระบวนท่าเขาจึงเปลี่ยนรูปแบบหลายๆนานา ดังนั้นกระบวนท่าเขาเปลี่ยนไปมาก ไม่มีกฎเกณฑ์ใดๆ

หมัดมวยของเขาที่ผู้คนรู้จักโดยมากเป็นหมัดมวยพยัคฆ์สิงห์ ดุเดือดและเผ็ดร้อน มีกระบวนท่ารุกไม้ตาย

แต่หมัดงูเลื้อยที่เขาเลียนแบบเฉินเฟิงเป็นหนึ่งในกระบวนท่า เดรัจฉานวิชา เพียงแต่ไม่เคยปรากฏสู่
สายตาผู้คนเท่านั้น

สถานการณ์มาถึงขั้นนี้ เฉินเพิ่งเห็นว่าเริ่มถดถอย

สือโฟจุนที่อยู่ด้านล่างแม้ไม่รู้ว่าควรทำอย่างไร แต่ก็ดูออกว่า

มีปัญหา เขาคิดว่าจะพุ่งเข้าไปในช่วงที่อันตราย เพื่อรักษาชีวิตเฉินเฟิง ตอนเริ่มต้น เขายืนจ้องทั้งสองคนอยู่

ด้านหลังนิ่ง

พวกเขาเตรียมการไว้แต่เนิ่นๆ วันนี้จะเอาเงินเฟิงถึงตาย

เฉินเฟิงที่อยู่หน้างานร้อนใจ สื่อโฟจุนที่อยู่ด้านล่างก็ร้อนใจ แต่สองคนราวกับอ่อนใจ

สองคนราวกับโดนบังคับจนล่าถอย ตอนนี้เฉินเฟิงรู้สึกเหมือน มือซ้ายหายไป ดูท่าพิษคงซึมเข้าไปทั่วมือซ้ายแล้ว

เขามองดูหวางลั่วปิง หลังจากที่ปรับบรรยากาศ เขาจึงตัดสิน

“คุณบังคับผมเอง อย่าหาว่าผมใจร้าย”

จู่ๆ โดนเฉินเฟิงทำเสียงง หวางลั่วปิงถึงขั้นรู้สึกว่าพิษได้เข้าสม องเฉินเฟิงแล้วใช่หรือไม่ สถานการณ์ตอนนี้ ยังพูดจาแบบนี้อีก

เขายิ้มอย่างง่าย

“ผมอยากดูว่าคุณจะมีท่าไม้ตายอะไรอีก”
ความตายไม่ใช่เรื่องที่น่ากลัวที่สุด แต่การเผชิญหน้ากับความ ตายโดยตรงต่างหาจึงเป็นสิ่งที่น่ากลัวที่สุด

หวางลั่วปิงจะให้ไม้ตายสุดท้ายแก่เฉินเฟิง เพื่อที่จะได้ยุติการ ประลอง แต่จู่ๆดวงตาเฉินเฟิงก็แดงก่ำ ดวงหน้าขาวผ่อง ในเดิมที ก็แดงก่าราวกับหยดเลือด

เขาตกใจวาม ในใจร้องขึ้นมาอย่างตกใจ

“เป็นไปได้ไง เขามีวิชามารแบบนี้ได้อย่างไร”

การจู่โจมเข้าร่างกายหยุดไปเพียงครึ่ง เห็นพลังของเฉินเฟิง ขึ้นสูง เขาเองก็ไม่กล้าขึ้นหน้า

“เกิดอะไรขึ้น จะฆ่าผมไม่ใช่เหรอ”

เฉินเฟิงพูดเสียงทุ้ม ค่อยๆเดินขึ้นหน้าไปหาหวางทั่วถึง

เขาออกกำลัง ปล่อยให้พลังทิ่มแทงลมปราณ พลังพุ่งขึ้นสูงสุด เวลานั้น จนแม้กระทั่งสามารถลืมความเจ็บปวด แต่แน่นอน อาการตามหลังก็จะรุนแรงเช่นกัน แต่ตอนนี้เขาไม่สามารถสนใจ ได้มากขนาดนี้ มาสิ มาฆ่าผม! ”

เสียงของเฉินคอยทิ่มแทงหวางลั่วปิงตลอด หวางลั่วปิงถอย หลังสองก้าว กลืนน้ำลาย

เขาถอยไม่ได้ ถอยต่อไปแบบนี้ เขาคงไม่เหลือแม้ความหวัง

ใดๆ

เฉินเฟิงผู้ที่มีสภาพแบบนี้ เขาก็ต้องพยายามสู้สุดตัว
บางทีเขาเองก็อาจลืมว่าตัวเองเคยเข้าใกล้ขอบแดนความเป็น ความตายแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ตอนนี้เขาจะต้องคิดขึ้นมาอีก

เพิ่มความเร็ว เพิ่มความเร็วขึ้นอีก จุดนั้นเป็นจุดหัวใจของ เฉินเฟิง ความคิดของเขาคือปล่อยความคิดไปรวดเดียวหนึ่ง กระบวนท่า ขอเพียงแค่เร็วพอ เขาสามารถจัดการกับเฉินเฟิงที่ เหลือมือเดียวได้ในตอนนี้

แต่เขาอาจจะคิดไม่ถึงแม้แต่ฝันก็ยังฝันไม่ถึงว่า หมัดนั้นโดน เงินเฟิงกำไว้อย่างง่ายได้

“ผมบอกแล้วคุณจะเสียใจ ผมจะให้คุณลิ้มรสความเจ็บปวด ผมจะไม่ให้คุณตายเร็วขนาดนั้น จะให้คุณจดจํารสชาติความเจ็บ ปวดแล้วค่อยๆตายไปราวกับคำพูดของปิศาจ คำพูดของ เฉินเฟิงเปลี่ยนเป็นน่ากลัว

กร๊อบ กร๊อบ เสียงหักของกระดูก

แขนบิดเบี้ยว ราวกับบิดผ้าขี้ริ้ว ต่อให้เป็นยอดฝีมือ แต่ ร่างกายยังเป็นปุถุชน เจ็บได้ บาดเจ็บได้ และตายได้

“แก……แกฝึก…วิชามาร…แก…..งหากที่สมควร…ไม่

ตายดี”

หวางลั่วปิงเจ็บจนพูดไม่ออกเป็นคำๆ

ในตอนที่เฉินเฟิงกำลังเตรียมรับมือกับการจู่โจมด้วยมือเดียว กระบี่เล่มหนึ่งก็พุ่งมา

เฉง
เฉินเฟิงล่าถอย และปล่อยมือจากหวาง วาง แต่มือของเขา

เสียไปแล้ว ไม่สามารถคุกคามเงินเพิ่งได้อีก

แต่กระบี่เห็นเล่มนี้หมายความว่าอย่างไร

เฉินเฟิงมองดูชิงซิวที่ยืนด้านข้าง ทั้งคู่ไกลกันเหลือเกิน เฉินเฟิงเห็นสีหน้าเจ็บปวดของซิงซิวอย่างชัด

เจน

“คุณจะทําอะไร”

ต่อให้โดนหวางลั่วปิงวางยา เฉินเฟิงก็ไม่โกรธขนาดนี้ แต่ ตอนนี้มีคนขัดจังหวะ

“คุณก็ต้องการท้าทายผมใช่ไหม”

เหาะขึ้นไปบนคานตรงข้ามชิงชิว ส่วนชิงชิวค่อยๆเดินเข้ามา

รอจนเขาเดินเข้ามาใกล้ เฉินเฟิงถามอีก

“ลงมือเหรอ”

ชิงชิวส่ายหน้า

“นักพรต ยอมได้ควรยอมเสียบ้าง การสังหารมิอาจแก้ปัญหา”

คำพูดนี้ออกจากปาก เฉินเฟิงจึงด่าออกไป

“ไอ้บ้าเอ๊ย”

ในขณะที่คุย มือกําหมัดแน่นชกออกไป เขาเกลียดที่สุดคือ การไม่รู้เรื่องอะไรแล้วเอาแต่ขอความเห็นใจถ้าใจดีจริง ทําไมไม่ขึ้นมาพูดแต่แรก รอถึงตอนนี้ทําไม


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ