ลูกเขยมังกร

บทที่ 277 ให้หงเย้นที่หยิ่งทะนง



บทที่ 277 ให้หงเย้นที่หยิ่งทะนง

เอามา แน่นอนว่าไม่ใช่เพราะเขาให้ชิงช งอยากกิน แต่เป็นเพราะอยากจะให้โห้หงเย็น ได้ลิ้มลอง

ให้หงเย็นเป็นคุณหนูแห่งตระกูลให้ ต่อ ให้จะเป็นดาวบนท้องฟ้า พวกเขาก็จะคิดหาวิธี เด็ดมันลงมาให้

ทำให้เห็นอย่างชัดเจน ดอนนี้ให้หงเย้ นอยากกินกระต่ายย่างในมือของเฉินเฟิงมาก

ทว่าเธอเองกลับไม่สามารถเอ่ยปากขอ เพราะว่าเธอเป็นคนมีฐานะ

ทําได้เพียงให้เขาให้ชิงชงเอ่ยขอ

สําหรับเรื่องที่หวงเฟยห้าวมีปัญหากับ เฉินเฟิง ที่ผ่านมาเขาถูกเฉินเฟิงข่มเหง เรื่อง พวกนี้ ให้ชิงซงไม่เคยไปพิจารณาอยู่แล้ว

เพราะว่าในสายตาของตระกูลให้ฐานะ

ของหวงเฟยห้าว ไม่แตกต่างจากหมอเลย อย่าเห็นว่าเขาคือหวงเฟยห้าวที่เป็นจอม ยุทธ์อ้านจิ้ง ทว่าฐานะของเขายังไงก็ยังคงอยู่ เขาคือสมาชิกของแก๊งต่างชาติ ที่สร้างศัตรู หลายพันคน และเขายังเป็นคนทรยศที่ถูก ตัดสินว่ามีความผิดอีกด้วย

นี่เป็นฐานะสองอย่างที่เขา ไม่ว่าจะเป็น แบบไหนที่ทำให้เขารุ่งโรจน์เลย เขาแทบจะ ถูกตราหน้าว่าเป็นเสาหลักแห่งความอับอาย ไม่ว่าหวงเฟยห้าวจะไปไหน ก็มักจะไม่ถูกคน อื่น แชม

ถ้าไม่ใช่เพราะว่าเรื่องวุ่นวายที่เกิดขึ้นใน ช่วงนี้ภายในตระกูลโห้ และกำลังขาดคนพอดี เขาไม่มีทางทำให้หวงเฟยห้าวเดินเหยียบเข้า มาในประตูใหญ่ของตระกูลให้เด็ดขาด

“ให้……ท่านให้ ผมจัดการกับศิษย์น้อง ของผมไม่ได้ง่ายๆ ………

หวงเฟยห้าวฝืนยิ้มออกมา เขาในเวลานี้ ถูกการถูกข่มเหงล้อมตัว ถึงแม้จะเดาออกแต่ เนิ่นๆ คนของตระกูลให้ต้องไม่ได้ให้ความ สําคัญกับเขาแน่นอน ทว่าเขานึกไม่ถึง คน ของตระกูลโห้จะทำถึงขั้นที่ไม่เห็นเขาเป็นคน กลับเพื่อกระต่ายป่าย่างหนึ่งตัว แล้วให้เขาไป ก้มหน้าให้เขาศัตรูของเขา

“นายไม่อยากไป? ” ให้ชิงชงทำเสียง เย็นชา ทําให้บรรยากาศเต็มไปด้วยความมืด ครื้มทันที

หวงเฟยห้าวรู้สึกตัวสั่นงันงก แล้วรีบลุก ขึ้น “ผมไปๆ”

เขาจึงเดินไปหาเฉินจื่อหลี่ทีละก้าว ฟัน ของเขาถูกเขากัดจนเกือบหลุด

หวงเฟยห้าวเดินไป เฉินเฟิงพวกเขาต่าง ก็รู้สึกคาดถึงไม่คาดเล็กน้อย

โดยเฉพาะเฉินเฟิง เมื่อวานเห็นให้ชิง ชงโมโหสุดขีด เขายังนึกว่าหวงเฟยห้าวอยู่ ตระกูลโห้จะได้รับการให้ความสำคัญ ตอนนี้ ดูๆ แล้ว หวงเฟยห้าวอยู่ในบ้านตระกูลให้ ก็คือ หมาหนึ่งตัวเท่านั้น “ย่างกระต่ายให้ฉัน! ”

หวงเฟยห้าวกัดฟันกรอด ในใจกำลัง เคียดแค้นเฉินเฟิงมากๆ ทุกอย่างก็เพราะ เฉินเฟิง ถ้าไม่มีเฉินเฟิง เขาก็คงไม่ต้องขาย หน้าขนาดนี้!

“นายบอกให้ฉันท่า ฉันก็ทำ? ”

เฉินจื่อหลี่แสยะยิ้มขึ้น แล้วไม่ได้ไปสน ใจหวงเฟยห้าวเลยสักนิด

หวงเฟยห้าวกัดฟันกรดจนได้ยินเสียง เขาอยากจะลงมือฆ่าสี่พี่น้องตระกูลเฉินและ เฉินเฟิงให้ตายคาที่ ทว่าตระกูลให้ก็คงไม่มี ทางเห็นด้วยที่จะให้เขาฆ่าคนที่นี่

” อาหลี่ เห็นแก่นายและฉันที่เคยเป็น ศิษย์พี่น้องในสํานักเดียวกันเถอะ……… หวง เฟยห้าวทําน้ำเสียงที่อ่อนโยนลง ทว่าเฉินจื่อ หลี่ก็ไม่ได้มีเยื่อใยกับเขาแม้แต่น้อย

ไม่รอให้หวงเฟยาวพูดจบ เขาก็พูด แทรกอย่างเลือดเย็น “ดอนนี่นึกถึงพวกเรา เป็นศิษย์พี่น้องกันแล้วหรอ? ”

“นายหักหลังอาจารย์ ตอนที่นายเอาข่าว ของบัวหิมะซินเจียงไปขายให้กับตระกูลให้ ทําไมนายถึงไม่นึกถึงว่าเราเป็นพี่น้องสำนัก เดียวกันด้วยล่ะ? ”

“นายหาวิธีที่โหดเหี้ยม ทำให้เราสี่คน ต้องกระอักเลือด ทำไมถึงนึกไม่ถึงว่าเราเป็นพี่ น้องที่มีอาจารย์เดียวกัน? ”

เฉินจื่อหลี่ถามหลายคำถามในขณะ เดียวกัน ทันใดนั้นทำให้หวงเฟยห้าวถึงกับ เป็นไม้จนพูดอะไรไม่ออก

เฉินจื่อหลี่แสยะยิ้มอีกครั้ง “นายอยาก ได้กระต่ายย่างตัวนี้? ได้

“งั้นนายเก็บเป็ดย่างที่โยนลงบนพื้นเมื่อ ครูขึ้นมา! ”

หวงเฟยห้าวทําหน้าที่ทั้งแดงและเขียว คล้ำ เขานึกไม่ถึงว่าเขาจะถูกแก้แค้นไวขนาด จากนั้นก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ เขาค่อยๆ คุกเข่าลง แล้วเอาเป็ดย่าง ติดฝุ่น นมา

เฉินจื่อหลี่ทําสีหน้าที่ไม่สบอารมณ์ “กิน

ส”

เฉินจื่อหลี่! ” หวงเฟยห้าวรู้สึกโมโหขึ้น ” มาทันที นัยน์ตาเต็มไปด้วยไฟแห่งความโมโห “นายอย่ารังแกคนอื่นเกินไปสิ! ”

“ฉันรังแกคนอื่นเกินไป แล้วนายจะทำ อะไรฉัน? ” เฉินจื้อหลี่ไม่ได้รู้สึกหวาดกลัว เขา ตั้งใจเขาเรื่องเขา

หวงเฟยห้าวจึงกำหมัดแน่นจนมีเสียง กระดูกหักดังขึ้น นัยน์ตาฉายแววแห่งความ

อาฆาตออกมา

ทว่าสุดท้าย เขาก็คลายหมัดออก จาก นั้นก็กัดเป็ดย่างที่มีดินเกาะด้วยสีหน้าที่ไม่สื่อ อารมณ์ใด

เฉินจื่อหลี่คลาย มอ่อนๆ แล้วยื่น กระต่ายไปตรงหน้าหวงเฟยห้าว แล้วเอ่ยพูด อย่างเหยียบหยาม “ศิษย์ ทวงกล้าได้กล่า เสียจริงๆ ”

หวงเฟยห้าวไม่ได้พูดอะไรออกมา แค่ มองเฉินจื่อหลี่อย่างเย็นชา แล้วรับกระต่าย ย่างไป จากนั้นก็หันหลังเดินจากไป

กลับไปถึงค่ายของตระกูลให้ หวงเฟย ห้าวก็เปลี่ยนเป็นสีหน้าที่ยิ้มแย้มทันที “ท่าน ให้ครับ กระต่ายย่างได้มาแล้วครับ”

“ถือว่านายอยู่เป็น” ให้ชิงซงแสยะยิ้ม อย่างเย็นชา จากนั้นก็รับกระต่ายย่างในมือ ของหวงเฟยห้าวมา แล้วเดินไปอยู่ข้างๆ ให้ หงเย็น

“คุณหนูครับ ท่านลองชิมดู” ให้ชิงชงใช้ สองมือยืนกระต่ายย่างไปตรงหน้าให้หงเย็น

ให้หงเย็นเหลือบมองกระต่ายย่างที่อยู่ ในมือของให้ชิงชง เหมือนไม่ทํา ท่าอะไร

เลย

ให้ชิงซงยิ้มอย่างแจ่มใส่แล้วพูดต่อ “คุณ หนครับ กระต่ายป่าตัวนี้พวกเขาส่งมาให้เรา เองครับ”

“งั้นก็ดี ฉันก็คงต้องจำใจลองดู” โห้หงเย้ นจึงยื่นมือที่ใหญ่เท่าต้นหอมไป แล้วฉีกเนื้อ กระต่ายเล็กๆ ออกมาหนึ่งชิ้น จากนั้นก็เอาเข้า ปากน้อยๆ แล้วเคี้ยวเบาๆ

เนื้อนุ่มละมุน เป็นเนื้อที่สดและหอมมาก

โห้หงเย้นทําสีหน้าที่ดื่ม

ทว่าไม่นาน เธอก็กำลังอดกลั้นอารมณ์ ของดื่ม ของตัวเองลง

และพูดด้วยเสียงเรียบเฉย “ลุงโห้ พวก ลุงก็ลองชิมดู เนื้อกระต่ายนี้ถือว่าไม่เลว”

ให้ชิงชงฝืนยิ้มออกมา แล้วรีบส่ายหัว “ไม่ครับคุณหนู เรากินอิ่มแล้วครับ”

“ได้” โห้หงเย้นจึงถอนหายใจออกมา หนึ่งคํา จากนั้นก็ทําท่าทางที่ลำบากใจเอา กระต่ายย่างที่อยู่ในมือของให้ งงมา…… บนาผ่านไป ในใจของให้หงเย็นเดิม ไปด้วยความพอใจ และอดไม่ได้ที่จะเหลือบ มองเฉินเฟิง ทีแรกสายตาที่ดูถูกและไม่มอง เขาในสายตา ตอนนี้เธอกลับมองเฉินเฟิงมี ความน่าค้นหา

ทว่าก็แค่อยากจะค้นหาเท่านั้น

มันจะห่างจากระยะทางที่เธอจะให้ความ สำคัญกับเขาไปกว่าหนึ่งหมื่นแปดพันโล

“ไปกันเถอะ” โห้หงเย้นจึงผายมือขึ้น แล้วสั่งให้คนพวกนั้นลุกขึ้นอีกครั้ง

เฉินเฟิงดับไฟที่ก่อไว้ สี่พี่น้องตระกูลเฉิ นก็ได้เอาพวกเศษอาหารและขยะทิ้งลงไปใน ติน ทั้งห้าคนก็ได้ตามพวกให้หงเย็นไป

เวลาที่ใกล้ถึงพระอาทิตย์ตกดิน ทุกคน ก็ได้ไปถึงเหวของบ่อน้ำฉวน

น้ำแร่ไหลลงจากไปที่สูง เสียงน้ำไหล นั้นเหมือนดั่งเสียงเทพเจ้าที่เสนาะหูมาก

ตรงกลางอากาศเต็มไปด้วยบรรยากาศที่ ชนและหอมหวาน

ถ้าเทียบกับยอดเขา บริเวณตรงเหว แรงกดอากาศที่ต่ำกว่าเยอะ และตามแทบจะ ถึงติดลบ ทุกคนต่างก็รู้สึกได้ถึงความหนาวที่ ทําให้ตัวสั่น

คุณชายเฉิน บัวหิมะซินเจียงอยู่ตรงใต้ ฉวนนี้ครับ” เฉินจื่อเหวินชี้ไปยังยู่ฉวน ที่นั่น เป็นจุดรวมตัวของน้ำแร่ และน้ำไหลลงมา อย่างเร่งเร้ามากๆ ทว่ากลับลึกจนไม่ได้กันบึ้ง

ทําให้ที่ดูล็กมาก

เฉินเฟิงขมวดคิ้วเป็นปม ไม่รู้ว่าทําไม เขาถึงแอบรู้สึกถึงความอันตรายจากกันน้ำลึก

นี้

“จ๋อเหวิน เจ้าสามหางบอกนายไหม ใต้ น้ำแร่นี้ยังมีอะไรอีกไหม? ” เฉินเฟิงถามขึ้น

เฉินจื่อเหวินหยุดชะงักไปเล็กน้อย แล้ว สายหน้า “ไม่มีนะครับ อาจารย์บอกว่าใต้น้ำที่นี่ มีบัวหิมะซินเจียงอยู่สามเม็ดครับ” เงินเฟิงขมวดคิ้วได้ลึกกว่าเดิม เขามักจะ รู้สึกว่าที่นี่มีอะไรบางอย่างที่คอยจับจ้องเขาไว้ หลังจากที่มาถึง เขาก็รู้สึกแบบนั้น

“คุณชายเฉิน เราต้องรีบลงไปหรือเปล่า”

เฉินจื่อเหวินถามข้น ทหารรับจ้างของ ตระกูลให้มีอุปกรณ์ดำน้ำแล้ว แล้วเริ่มเตรียม ลงน้ำ ถ้าเกิดตัวเองยังไม่ทำท่าทีใดๆ ออกมา งั้นเกรงว่าจะถูกตระกูลโห้แย่งไปก่อน


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ