ลูกเขยมังกร

บทที่798 หมาสิงโต



บทที่798 หมาสิงโต

แต่ก็แค่เคยฝึก

เขาค่อยๆกวาดตามองที่หนึ่ง กำลังของเจียตงก็แค่ซ่อนเงียบ เขาแม้แต่จะลงมือก็ยังไม่มีอารมณ์

เฉินเฟิงยิ้ม

“ฉันยอมให้แกมือนึง ถ้าแกทำให้ฉันถอยหลังได้ วันนี้ฉันจะ ปล่อยแกไป

เจียงไม่เคยต้องอัปยศขนาดนี้ คำพูดนั้นราวกับตบฉาดลง บนหน้าเขาอย่างจัง

“พูดได้หน้าไม่อาย วันนี้จะให้ลิ้มรสความเก่งกาจของกษัตริย์

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

“กษัตริย์ภาคตะวันออก ฉันว่าเป็นไอ้หมามากกว่า”

เมื่อได้ยินเฉินเฟิงขัดจังหวะ หลินหวั่นชิวเองยังหัวเราะ

เดิมทีก็หน้าแตกมาแล้วรอบหนึ่ง ตอนนี้ยังต้องมาหน้าแตกต่อ หน้าผู้หญิง ถ้าแววตาฆ่าคนได้ เฉินเฟิงคงโดนแววตาเจียตงมอง ทะลุหัวใจไปแล้ว

มือเขาแข็งทื่อ แม้ว่าในสายตาของเฉินเฟิงดูแล้วรู้สึกว่าอ่อน นัก แต่ก็เป็นวิทยายุทธ์ที่ฝึกมาอย่างหนัก

แค่กระโดดลอยตัว หมุนตัว เฉินเฟิงกวาดตามองรอบ ก็มีมากกว่าเจ็ดแปดแห่งแล้ว

เจียตงกำลังจะลงมือ ก็มีคนเรียกไว้

“คุณชายเจี่ย จะต้องถือสาคนจนแบบนี้ด้วยหรือ! ดูมันแต่ง ตัว ชาตินี้แม้แต่นาฬิกาดีๆสักเรือนก็คงยังไม่มี ลงมือกับมันไม่ กลัวมือเปื้อนเหรอ”

สิ้นเสียง เฉินเฟิงมองไป

เจ้านั่นเป็นคนมากความสามารถจริงๆ อย่าว่าแต่แบรนด์เนม เต็มตัวเลย จงใจโชว์นาฬิกาคิงส์ตันให้ดู น่าจะมีราคาพอ สมควร

เฉินเฟิงไม่ค่อยชอบนาฬิกา ยิ่งนาฬิกาคิงส์ตันยิ่งไม่รู้จัก

“ว่าไง แกรู้จักเหรอ”

มองแววตาของเฉินเฟิงที่จ้องมาทางนาฬิกาตน จึงยิ้มเยาะ

กาม

เฉินเฟิงพยักหน้า เขารู้สึกว่าตัวเองจากหัวเรี่ยไปนานเกินไป หรือเปล่า ขนาดเจ้านี่ที่โผล่มาจากไหนไม่รู้ยังไม่รู้จักเขาเลย แม้ว่าปกติเขาจะโลว์โปรไฟล์ แต่เขาไม่คิดว่าหวาหยู่กับเฉิ นอิงไฉที่มองลงมาจากชั้นสามจะไม่รู้จักตนเอง

ในตอนที่เริ่มเข้ามา เขาไม่ได้สังเกต แต่พอเจี่ยตงก่อเรื่อง ถ้า เขายังไม่สังเกตเห็นอีก งั้นวิทยายุทธ์ที่เขาฝึกก็สมควรนับว่าฝึก ไปเป็นหมาแล้วล่ะ
“ฉันประมาทแกมากเกินไป นี่เป็นสิ่งที่คนธรรมดาไม่ได้เห็น ง่ายๆ ต้องใช้กำลังมากแค่ไหนกว่าพวกเขาจะยอมท่า แค่เงิน จองก็จ่ายไปสามล้าน อิ่ม แกอาจจะไม่รู้ว่าเป็นนมีมากแค่ไหน ดงราคาราวๆกับรถแข่ง

คนๆนั้นคิดว่าเงินเฟิงเป็นคนบ้านนอกคอกนา

เจียงยืนขึ้นข้างๆแซว หัวเราะเสียงดังฮ่าๆ

หลินหวั่นชิวเริ่มไม่สบอารมณ์ ชายที่หล่อนชอบถูกหัวเราะ เยาะ ก็ไม่ต่างอะไรกับเธอโดนเอง

หญิงสาวที่เดิมทีมีนิสัยอ่อนโยนพอเห็นคนรักถูกลบหลู่ก็ยืน พรวดขึ้น

“ก็แค่นาฬิกา”

หลินหวั่นชิว โชว์ข้อมือของตัวเอง บนนั้นมีนาฬิกาปาเต๊ะ ฟิลิป ปาเต๊ะ ฟิลิปที่ถูกขนานนามว่า “ราชันย์แห่งนาฬิกา” ยังเป็นที่ หนึ่ง พอๆกับความเป็นหนึ่งของนาฬิกายี่ห้อคิงส์ตัน

แต่ช่วงนี้ปาเต๊ะฟิลิปยกระดับให้นาฬิกาอื่นๆ สูงขึ้นอีกระดับ ผู้ชายที่เดินมามีความรู้ในเรื่องนาฬิกามาก เห็นแล้วก็ตกใจ

“ปาเต๊ะฟิลิป รุ่นลิมิเตดอิดิชั่น เป็นไปได้ไง นี่เป็นราชันย์ นาฬิกาที่มีจํานวนจำกัด

เขารีบเบียดเข้ามา ถามหลินหวั่นชิว

“คุณผู้หญิง ได้นาฬิกานี้มาจากไหน”
“ผมจําได้ว่ารุ่นนี้เป็นรุ่นออกแบบพิเศษสำหรับราชวงศ์อังกฤษ คนธรรมดาถ้าไม่มีคอนเนคชั่นกับปาเต๊ะฟิลิปไม่น่าจะซื้อได้

เจียตงได้ยินผู้เชี่ยวชาญอุทานแบบนี้ เขาก็ไม่คิดว่าผู้หญิงที่ ไม่มีอะไรสะดุดตา จะสวมนาฬิกาแบบนี้ได้

แม้จะเป็นนาฬิกาหลักล้านหลักสิบล้าน ถ้าเขาจะเอา จะซื้อ เรือนมาสวมก็ได้ แต่พอได้ยินว่าจำกัดสำหรับราชวงศ์อังกฤษ ต่อ ให้เขามีเงินมากแค่ไหน ก็ซื้อไม่ได้

“คุณคงไม่ได้กำลังล้อเล่นมั้ง”

เจียคงไม่อยากเชื่อ ถามคนรู้จักเสียงค่อย

คนรู้จักคนนั้นแทบไม่มีเวลาไปสนใจเจียตง เขาชอบนาฬิกา และก็ชอบวิเคราะห์นาฬิกา แต่ไม่ใช่ว่าเขาจะได้สัมผัสนาฬิกาหรู ทุกรุ่น

ข้อมือหลินหวั่นซิวเป็นประกายด้วยนาฬิกาสตรี เขาเคยเห็น แค่บนนิตยสาร แต่ต่อให้เป็นเช่นนั้น มองปราดเดียวเขาก็จำได้ แล้ว

หลินหวั่นชิวยิ้มให้เฉินเฟิง แล้วเบียดชิดเฉินเฟิงเข้าไปอีก พาผู้หญิงที่มีเงินและสง่าราศรีแบบนี้ ยังไงก็ได้หน้า หลินหวั่นชิวคิดแบบนี้

ในตอนที่เจียงอยากเข้าไปดูนาฬิกาหนึ่งเดียวในโลกอย่าง ละเอียด หลินหวั่นชิวกลับถูกแขนเสื้อลง ปิดบังข้อมือตัวเองไว้
เจียงมองไปที่ข้อมือหลินหวั่นซิว แววตาใคร่รู้ในนาฬิกายัง

คงไม่ถดถอย ยิ่งเทียบกับเมื่อครู่ กลับดูคาดหวังมากขึ้น “คุณผู้หญิง คุณ………

“ไม่มีอะไร ก็แค่ของไม่มีราคาก็ไม่อยากให้คนไม่เกี่ยวข้องดู

เจียตงจะพูดอะไรก็ไม่มีประโยชน์ทั้งนั้น อยากจะพูดจาแรงๆ แต่คนที่มีกำลังอยู่ตรงหน้า ยิ่งพูดมาก ยิ่งแสดงความอ่อนแอ

ความเกลียดชังถาโถมลงบนตัวหลินหวั่นชิว เขาจ้องไปที่ เฉินเฟิง ให้เฉินเฟิงรู้สึกแปลก แต่พอทะเลาะกันแบบนี้ จะตีกันก็ตีไม่ออก ไม่งั้นเงินเฟิงก็

อยากจะสั่งสอน

“ภูผาธาราพานพบ เจอกันคราวหน้า หวังว่าจะยิ้มกันอย่างมี ความสุขกว่านี้”

พูดจบ เจี่ยตงจึงลากคนรู้จักไปชั้นสาม

เฉินเฟิงเงยหน้า ยิ้มให้เป็นอิงใจกับหวาหยู่ที่มองลงมา ราวกับกําลังบอกว่า เขารอพวกเขาสองคนลงมาหาเรื่อง แต่พอสบตา สองคนนั้นก็ล่าถอย

ไฟในใจนั้นดับยาก ความเสียเปรียบทำให้พวกเขาไม่กล้า โผล่หน้า ได้แต่รอให้ตระกูลจึงส่งกองกำลังมาสนับสนุน เอา เฉินเฟิงให้ตาย
“คุณชายเจี่ย ท่านนี้คือ

รอจนเจียตงพาคนสนิทมาถึงชั้นสาม หวาหยู่จึงถาม

“อ่อ สหายทั้งสอง ดูท่าคงไม่ค่อยรู้จักกัน ท่านนี้เป็นลูกชาย ของนายกสมาพันธ์ตงเปีย หวางเสวเต้า

เป็นลูกชายของหวางลั่วปังสินะ ที่เป็นนายกสมาพันธ์ตงเปีย

หวาหมู่พูดอย่างประหลาดใจ

“คิดว่าคงเป่ยไร้เทียมทานนี้คงต้องเปลี่ยนหน่อย อีกสองวัน พ่อผมจะมาเยี่ยนจิง ที่คงเปียไม่มีใครเอาชนะเขาได้

คำพูดนี้ พูดราวกับว่าหวางลั่วปิงเคยมารบชนะเยี่ยนจิงอย่าง

แต่ฉายาของหวางลั่วปิงไม่ได้พูดเกินจริง รบมายี่สิบสามปี ตง เป็นยังคงเป็นกองกำลังสำคัญของหัวเซีย เพิ่งได้ฉายาตงเป่ยไร้ เทียมทาน ไม่แน่อีกไม่นานคงได้เปลี่ยนชื่อ

เฉินอิงไฉไม่ค่อยชอบหน้าหนุ่มยโ

ยโสคนนี้ แต่จู่ๆกลับรู้สึกอยาก

ให้หวางลั่วปิงสั่งสอนเฉินเฟิง เขาจึงอยากพบ ดังนั้นจึงหยิบแก้วเหล้าขึ้น รินให้หวางเสาเต้า แล้วก็ริน ให้เงี่ย

ตง ยกจอกขึ้นราวจะพูดอะไร


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ