ลูกเขยมังกร

บทที่ 846 ซุ่มโจมตี



บทที่ 846 ซุ่มโจมตี

ด้วยแสงดาวที่สาดส่องเข้ามาทำให้เงินเฟิงเห็นเพียงแค่เงา ร่างของชิงฉือที่กำลังกระซิบเรียกเขา

เฉินเฟิงที่กำลังจะร้องตกใจออกมาจู่ๆ ก็ชะงักลง

และเพียงไม่นานเขาก็รับรู้ถึงการเคลื่อนไหวที่กำลังเกิดขึ้น นอกตัวรถ ถึงแม้ว่าตรงนั้นจะเป็นเพียงพื้นที่อันมืดมิด แต่ด้วย แสงจากดวงดาวสามารถทำให้เห็นร่างคนกำลังเคลื่อนไหว

ซึ่งจากการสังเกตคนที่อยู่รอบๆ เหมือนจะมีจำนวนประมาณ เจ็ดแปดคนก็ว่าได้ ซึ่งทุกคนล้วนกำลังมุ่งหน้ามายังตัวรถอย่าง ระมัดระวัง

และแน่นอนว่าการเข้ามาด้วยวิธีนี้คงจะไม่ได้มีจุดประสงค์ที่ดี

กับพวกเขาเป็นแน่

แต่ว่าในเมื่อรู้ตัวแล้ว ก็ไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะต้องแสร้งทำ ไม่รู้อีกต่อไป อีกอย่างพวกคนที่อยู่ด้านนอกนั้นก็ไม่แน่ว่าจะเอา ชนะชิงจือได้อีกด้วย

เฉินเฟิงหันไปอธิบายถึงแผนการของตัวเองให้กับชิงจือฟัง ชิง จือที่คิดอยู่ครู่หนึ่งก็ตอบตกลงทันที

พวกเขาสองคนเดินลงจากรถ และดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะยังไม่รู้ สึกตัวว่าตัวเองถูกจับได้แล้ว
หลังจากที่เฉินเฟิงพวกเขาสองคนลงรถมา ทันใดนั้นก็ทำให้ อีกฝ่ายเริ่มเกิดความตระหนักขึ้นมา ก่อนที่หนึ่งในพวกเขาจะ กระซิบขึ้นมา

“ใจเย็น! ”

และในตอนนั้นเองพวกเขาที่เหลือก็หยุดชะงักลง

“สวัสดีเหล่าสหาย! ”

เฉินเฟิงที่ลงมากล่าวทักทายกับพวกเขา

ชายคนที่พูดเมื่อกี้นี้เดินแทรกขึ้นมาข้างหน้า เมื่อได้เห็นหน้า

ของเฉินเฟิงเขายังคงไม่ได้มีความคิดใดๆ ที่จะลงมือทำร้าย เพียงแต่หยุดชะงักไปเท่านั้น พร้อมกับมองไปยังเฉินเฟิงพวกเขา สองคนด้วยความระมัดระวัง

“นี่จะไม่บอกจุดประสงค์ของพวกคุณหน่อยหรือไง? หรือว่าจะ

ลงมือเลยหล่ะ” เฉินเฟิงพูดขึ้นอีกครั้ง

“ไม่มีอะไรที่จะต้องพูด ในเมื่อพวกคุณรู้ตัวแล้ว อย่างนั้นก็คง ต้องลงมือให้รู้แล้วรู้รอดกันไปเลย”

ชายคนนั้นจงใจกดเสียงต่ำลง ฟังดูแล้วไม่น่าจะเป็นเสียงเดิม ของเขา แต่เฉินเฟิงกลับขัดเขาเสียอย่างนั้น

“ไม่ต้องรีบร้อน ยังไงซะพวกคุณก็หนีไม่รอดอยู่ดี ตอนนี้ผมก็ แค่สงสัยเท่านั้นว่าพวกคุณหาพวกเราเจอได้ยังไงเท่านั้น ?

“เรื่องนี้คุณไม่จำเป็นต้องไปสนใจหรอก พวกเราก็แค่ทำตามคำสั่งที่ได้รับมาเท่านั้น ถ้าจะโทษก็ต้องโทษตัวพวกคุณเองที่ไป หาเรื่องกับคนที่ไม่ควรด้วย

เฉินเฟิงกล่าวพูดขึ้นมาด้วยความกวน: “พวกเรามีเรื่อง บาดหมางกับคนตั้งเยอะตั้งแยะ ไม่รู้จริงๆ ว่าคุณกำลังพูดถึงคน ไหน”

ชายคนนั้นกระแอมขึ้นมาก่อนจะพูดด้วยความเย็นชา “ใกล้ จะตายแล้วยังจะมาทําปากดีอีก”

ทันทีที่เขาพูดจบ พวกเขาทุกคนก็กระโจนเข้าไปทันที

เฉินเฟิงก็เข้าไปรับมือพร้อมกับอุทานออกมา “ในเมื่อพวก คุณไม่ยอมพูดออกมา ถ้างั้นคงต้องสู้จนพวกคุณจะยอมพูดแล้ว กัน”

หมัดที่เขาปล่อยออกไปถูกอีกฝ่ายปัดป้องเอาไว้ได้ ในขณะ ที่ทางฝั่งของชิงจือก็กำลังรับมือกับอีกฝ่ายก่อนจะเตะจนอีกฝ่าย กระเด็นออกไป

นับเป็นครั้งแรกที่เฉินเฟิงได้ร่วมมือกับชิงจือ ซึ่งการร่วมมือ ครั้งนี้เหมือนเป็นการที่ชิงจือช่วยให้เขาได้เกิดความคุ้นชินกับ ทักษะและความรวดเร็วของดินแดนมหาปรมาจารย์ไปในตัว

ถึงแม้จะไม่รู้ว่าหากได้บรรลุการเป็นมหาปรมาจารย์แล้วจะ เกิดความแน่นอนหรือเปล่า แต่เขารู้สึกว่าการได้ต่อสู้แบบนี้ไป เรื่อยๆ ทำให้เขาเกิดความคุ้นเคยมากยิ่งขึ้น พร้อมทั้งสามารถ คิดหาวิธีต่อกรกับมหาปรมาจารย์ได้อีกด้วย
แต่แล้วความคิดนั้นของเฉินเฟิงก็ถูกทำลายลง จากมุมที่ เฉินเฟิงไม่อาจรับรู้ได้ เท้าของซิงฉือก็โผล่ขึ้นมาก่อนจะเตะเอา เขาคนนั้นล้มลงไป

นั่นถือเป็นความรวดเร็วที่สุดยอดอย่างมาก ซึ่งไม่ว่าจะพึ่งพา เทคนิคใดๆ ก็ไม่อาจทำลายความรวดเร็วนี้ได้เลย

และในระยะเวลาเพียงไม่นาน พวกเขาเจ็ดแปดคนก็ล้มกองลง ไประเนระนาดกับพื้นแล้ว

“ว่าไง ตอนนี้พูดได้หรือยัง? ” เฉินเฟิงหันไปถามกับเขาคนนั้น แต่แล้วชายคนนั้นกลับปฏิเสธทันที

“ฝันไปเถอะ คุณอย่าได้คิดไปเลย ในเมื่อพวกเรารับภารกิจมา แน่นอนว่าไม่มีทางขายเจ้านายของตัวเองแน่นอน”

เฉินเฟิงยิ้มออกมาจางๆ : “คิดไม่ถึงเลยว่าพวกคุณจะมี ความเป็นมืออาชีพรับผิดชอบต่อหน้าที่แบบนี้ แต่เรื่องที่ว่าพวก คุณจะตายอยู่ที่นี่หรือเปล่านั้นมันก็เป็นอีกปัญหาหนึ่งแล้ว เพราะ ยังไงต่อให้พวกคุณตายอยู่ที่นี่ก็ไม่มีใครรู้อยู่ดี”

จากนั้นน้ำเสียงของเขาก็เปลี่ยนไปทันที แต่ถ้าหากว่าใคร ในกลุ่มพวกคุณสามารถบอกกับผมเรื่องคนที่อยู่เบื้องหลังของ พวกคุณ คนคนนั้นสามารถไปจากที่นี่ได้ทันที และพวกผมจะไม่ ตามไปเอาผิดอีก”

พูดจบเขาก็พูดเสริมขึ้นมาอีกหนึ่งประโยค

“แต่ว่าอาสาสมัครคนนี้จะมีเพียงแค่คนเดียวเท่านั้นนะ
แล้วชายที่เป็นผู้นำคนนั้นก็ยิ้มเยาะขึ้นมา “ในกลุ่มพี่น้อง ของเรา ไม่มีทางที่จะทำเรื่องหักหลังทรยศแบบนี้หรอก”

แต่ยังไม่ทันที่เฉินเพิ่งจะได้พูดอะไร จู่ๆ เขาคนนั้นก็มีเลือดสด พุ่งออกมาจากปาก ก่อนที่เขาจะเบิกตากว้างแล้วหันไปยังด้าน หลังของตัวเองด้วยสีหน้าที่ไม่อยากจะเชื่อ คนที่ยืนอยู่ด้านหลัง ของเขากำลังใช้มีดแทงไปยังหัวใจของเขาจากด้านหลัง

เขายังไม่ทันแม้แต่จะได้พูดอะไรก็ล้มลงไปด้วยความไม่ข้องใจ เฉินเฟิงยิ้มออกมา “พวกคุณยังจะรออะไรอยู่อีก มีคนเริ่ม

ลงมือแล้ว”

แต่ยังไม่ทันที่เฉินเฟิงจะพูดจบ อีกสามคนที่เหลือก็เริ่มต่อสู้กัน ขึ้นมา

“คุณนี่มันคนต่ำทรามจริงๆ” ชิงจือเองก็หยุดการเคลื่อนไหว แล้วมองดูพวกเขาต่อสู้กันเองก่อนจะหันไปพูดกับเฉินเฟิงด้วย ความเย็นชา

แต่เฉินเฟิงกลับไม่ได้ใส่ใจกับคำพูดของเธอเลยสักนิด “พวกเขาก็ไม่ใช่คนดีอะไร จะตายก็ให้ตายไปเถอะ

เพียงไม่นานพวกเขาทั้งสามคนก็ต่อสู้จนรู้ผลแพ้ชนะ ชายหนึ่ง ในนั้นเดินมาตรงหน้าของเฉินเฟิงพวกเขาสองคน เขาที่ตอนนี้ เหมือนจะได้รับบาดเจ็บแต่ยังไม่หนักถึงแก่ชีวิตพลางพูดขึ้นมา

“ที่คุณพูดไว้ก่อนยังคำไหนคำนั้นหรือเปล่า? ”

เฉินเฟิงพยักหน้าพลางตอบกลับ : “แน่นอน พวกเราไม่มีความจําเป็นอะไรเลยที่เพียงเพื่อหนึ่งชีวิต หนึ่งชีวิตไร้แล้ว ทําลายความน่าเชื่อถือของตัวเอง

ถึงแม้ว่าเฉินเฟิงกล่าวถูกเขา แต่เขากลับยิ้มออกมา เพราะอย่างน้อยขอเพียงแค่เขาบอกมันออกมา เขายังจะ สามารถชีวิตต่อไปได้

จากเขาก็ไม่ลังเลเลยที่หักหลังเป็นเจ้านายของหลังจากได้ฟังทุกอย่างกลับไม่ได้เป็นอย่างเฉินเฟิงคิด ไว้

เดิมทีเขาเผอิญเจอกันบนถนน แต่ปรากฏว่ากลับเป็นชื่อของใครอีกคนเขาไม่

เฉินเฟิงอยากจะถามถึงจุดประสงค์ของอีกฝ่ายครั้ง เหมือนว่าเขานั้นเองจะไม่เหมือนกัน ทั้งชื่อที่เขารู้จักนี้เรื่องจริง

สุดท้ายเหลือเพียงความเอือมระอาที่ไร้หนทาง ในเมื่อเองคนที่รักษาคำพูด เฉินเฟิงจึงได้เพียงยอมแต่กระทั่งชายคนนั้นจากไป สีหน้าของซิงจือเหมือนกำลัง

ครุ่นคิดราวกับว่ากำลังคิดถึงเรื่องบางอย่างอยู่

เฉินเฟิงอย่างจึงถาม “คุณหรอเขาคนนั้นคือใคร?

ชิงส่ายหน้าปฏิเสธ โดยไม่การอธิบายๆ
เฉินเพิ่งที่เห็นว่าเธอไม่คิดที่จะอธิบายอะไรต่อ เขาจึงไม่คิดที่จะ ถามอะไรอีก ก่อนจะกลับขึ้นไปบนรถแล้วพักผ่อน

ส่วนทางด้านหลี่จื่อเยว่เหมือนจะไม่ได้สะดุ้งตื่นขึ้นมาเพราะ การต่อสู้ที่เกิดขึ้นด้านนอก จนกระทั่งเธอตื่นขึ้นในวันถัดมาก็รู้สึก ว่าเมื่อคืนนี้ได้หลับอย่างสบายไม่น้อยเลย

จากนั้นรถก็กลับมาแล่นบนถนนอีกครั้ง แสงอาทิตย์ที่สาดส่อง ขึ้นมาจากทิศตะวันออกจนไปตกยังทิศตะวันตก สายลมอันเงียบ สงบพัดผ่านไปมา และทุกอย่างก็ผ่านไปอย่างโดดเดี่ยวและน่า เบื่อหน่ายเช่นนี้

และแล้วพวกเขาก็ขับรถแล่นมายังเมืองเล็กๆ แห่งหนึ่ง พวก เขาตัดสินใจหาโรงแรมที่เรียบง่ายแห่งหนึ่งเตรียมพักผ่อนใน ค่าคืนนี้

ทางด้านหลี่จื่อเยวที่เห็นว่าทั้งสามคนไม่จำเป็นต้องเบียดเสียด กันอยู่ในรถแล้วก็ดูจะดีใจอย่างมาก ราวกับลืมความเศร้าโศกที่ ตัวเองจากบ้านออกมา

และด้วยความอ่อนล้าจากการเดินทางมาทั้งวัน ทั้งสามคน ต่างก็แยกย้ายไปพักผ่อนในห้องของตัวเอง

เฉินเฟิงปล่อยให้น้ำอุ่นโปรยปรายบนร่างกายของตัวเอง ความอุ่นจากน้ำร้อนที่กระทบกับความเหนื่อยล้าบนร่างกาย ทําให้เขารู้สึกผ่อนคลายอย่างมาก

จากนั้นเขาที่สวมเพียงผ้าเช็ดตัวผืนเดียวก็เดินออกมาจาก ห้องน้ำ แต่ไม่ทันไรเขาก็สังเกตเห็นว่ามีคนเข้ามาอยู่ในห้องของเขา และในตอนนี้ชิงจือก็กำลังนั่งอยู่บนเตียงของเขา

เฉินเฟิงไม่ได้มีปฏิกิริยาตอบโต้รุนแรงอะไรเมื่อมีคนได้เห็น เรือนร่างท่อนบนของเขาที่กำลังเปลือยเปล่า ทว่าตอนนี้เขาเพียง สงสัยว่าทำไมชิงจือถึงได้มาอยู่ที่นี่

“คุณมีเรื่องอะไรจะพูดกับผมงั้นหรอ? ”

เขาเดินไปยังข้างๆ โต๊ะก่อนจะหยิบขวดน้ำที่ตั้งไว้ขึ้นมาเปิด แล้วดื่มลงไป

ชิงจือมองเขาพร้อมกับพูด : “เส้นทางต่อจากนี้ไป พวกเรา ต้องแยกกันแล้ว”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ