ลูกเขยมังกร

บทที่ 882 สอดแนม



บทที่ 882 สอดแนม

และด้วยความที่หลงหลินเป็นคนมีนิสัยเย็นชาอยู่แล้ว แม้ว่า เซียน จะพยายามพูดคุยกับเธอมากกว่าสิบประโยค แต่เธอ กลับแทบจะไม่ได้ตอบกลับเขาเลยแม้แต่คำเดียว ส่วนทา งด้านเพิ่งที่เป็นเพราะเรื่องของพิษหนาวจึงทำให้อารมณ์ไม่ค่อย ดีมากนัก ทำให้นอกจากการตอบสนองบางครั้ง ในตอนที่พูดคุย กับเฉินเฟิงแล้ว เธอก็ไม่ยอมพูดคุยกับคนอื่นเลย

“ตระกูลเซียนนั้นมีอำนาจใหญ่โตมาก ยิ่งโดยเฉพาะในทะเล

ทรายนี้ก็ยิ่งหาที่เปรียบไม่ได้เลย การใช้อำนาจของเหล่าตระกูล น้อยใหญ่ในทะเลทรายแห่งนี้ล้วนต้องคอยว่าตามทิศทางอำนาจ ของตระกูลเวียนของเราทั้งนั้น “ถ้าหากพูดถึงรุ่นนี้ของตระกูลเซียนแล้ว นอกจากคนที่นอนไม่

ลืมตาคนนั้นแล้ว ก็เป็นผมเชียนชิวคนนี้เอง

เขาเอาแต่พูดจาโอ้อวดอยู่ตรงนั้น ในขณะที่สองพี่น้องตระกูล ฉางไม่ได้แสดงท่าทีใดๆ ออกมาเลย แต่นั่นกลับทำให้เขาเข้าใจ ว่าพวกเธอสองคนฟังแล้วเกิดความทึ่งในตัวเขาจนต้องชื่นชม เขาไปเสียอย่างนั้น

จะมีก็เพียงแต่เฉินเฟิงที่กำลังจ้องมองเขาด้วยความเย้ยหยัน เท่านั้น แต่เพราะเดิมที่เขาไม่ได้สนใจในตัวเฉินเฟิงอยู่แล้ว จึง ทำให้เขาไม่ทันได้สังเกตสีหน้าของเฉินเฟิงที่แสดงออกมาใน ตอนนี้
และเมื่อทั้งหมดเดินมาถึงด้านนอกห้องรักษาตัวของนายท่าน เขียน หลงหลิงก็พูดขึ้นมา : “คุณไม่จำเป็นต้องตามเข้าไป ใน ขณะที่พวกเราสองพี่น้องทำการรักษา ไม่สะดวกให้คนนอก เข้าไปดู

แน่นอนว่านั่นทำให้เขียนชีวผิดหวังไม่น้อย แต่เขาก็ทำอะไรไม่ ได้ จนได้เห็นเฉินเฟิงเดินตามเข้าไปด้วย จึงถามออกมาด้วย ความสงสัย

“ทำไมเขาถึงต้องตามเข้าไปด้วย? ”

เฉินเฟิงชิงหัวเราะเยาะออกมา “นั่นมันก็เป็นเพราะว่าผม

ไม่ใช่คนนอกไงล่ะ ทำไมคุณถึงไม่มีการสังเกตเลยสักนิด” เมื่อพูดจบ เขาก็ไม่สนใจอีกว่าเซียนซิวจะแสดงสีหน้าแบบไหน แล้วเดินตามหลงหลินพวกเธอเข้าไปด้านในห้องรักษาตัว

อันที่จริงแล้ววิธีการรักษาก็ยังเป็นวิธีเดียวกันหมดเลย คือต้อง ฝังเข็มไปยังจุดต่างๆ บนร่างกายของนายท่านเซียน เพื่อสะกด พิษหนาวที่อยู่บนร่างกายของเขา พร้อมกับทำแบบนี้อยู่ซ้ำๆ เพื่อ รอให้เกิดการฟื้นตัวของร่างกาย จากนั้นจึงค่อยเสริมด้วยสมุน ไพรอื่นๆ ถึงจะบอกว่าวิธีนี้สามารถชะลอพิษได้ แต่ก็ยังไม่ใช่วิธี การรักษาให้หายขาดได้

ทางด้านเฉินเฟิงนั้นยังคงทำหน้าที่ในการช่วยพยุงเหมือนเดิม ถึงแม้ว่านายท่านเขียนจะมีอายุมากแล้ว แต่เมื่อก่อนก็เคยเป็น คนที่ฝึกฝนวิชาการต่อสู้ จึงทำให้เขามีร่างกายและโครงร่างที่ ใหญ่ และแม้ว่าต่อมาจะมีการหดลงไปตามอายุ แต่ก็ยังดูมีความแข็งแกร่งมากกว่าชายที่เป็นผู้ใหญ่ทั่วไป ซึ่งแน่นอนว่าความ หนักจากความแข็งแรงนี้ดูจะไม่ค่อยเหมาะกับพี่น้องตระกูลฉาง เลยจริงๆ

จากนั้นก็ต้องทําแบบนี้ซ้ำๆ วันละสองครั้ง จนกว่าจะครบเจ็ด วัน แต่ตอนนี้สีหน้าของนายท่านเซียนดูดีขึ้นมาไม่น้อยเลยที เดียว

ซึ่งในช่วงเวลานั้นก็มีเขียนชิวที่มาคอยอยู่ดูแลช่วยเหลือด้วย อีกแรง แต่ทุกอย่างก็เหมือนเดิม พี่น้องตระกูลฉางที่นอกจากจะ เรียกใช้เขาเวลาที่ต้องการให้เขาไปจัดเตรียมสมุนไพรบางอย่าง หรือให้เขาออกไปซื้อของแล้ว ในช่วงเวลาอื่นๆ พวกเธอก็ไม่พูด คุยกับเขาเลย

แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังคงมีความมุ่งมั่น และพยายามหาวิธีเข้า ใกล้อีกฝ่ายอย่างลดละ รวมทั้งแม้แต่จะต้องเข้าหาเงินเฟิงก็ตาม

“พี่ชาย คุณกับสาวสวยสองคนนั้นเป็นอะไรกันงั้นหรอ ครับ ? ” เขาเดินตรงมายังเฉินเฟิงแล้วถามด้วยความอยากรู้

เดิมทีเฉินเฟิงไม่อยากที่จะไปสนใจเขา แต่เมื่อนึกถึงเขียนหนึ่ง ที่ตอนนี้ยังไม่มีข่าวคราวของเขาเลย เขาจึงตอบกลับ : “ผมจะ ถามคุณสักสองสามคำถามก่อน หากว่าคุณตอบผม ผมก็จะบอก เรื่องความสัมพันธ์ของผมกับพวกเธอให้กับคุณ”

เขียนชิวตอบกลับอย่างระวังตัว: “ถ้าหากว่าไม่ก้าวก่ายเรื่อง ความลับของตระกูลเชียน ผมจะบอกแน่นอน แต่ถ้าหากว่า เส้นเข้ามาเกี่ยวกับตระกูลเซียน ผมจะไม่พูดอะไรออกมาทั้งนั้น
สำหรับเฉินเฟิงแล้วเขาไม่ได้มีความสนใจในเรื่องความลับ ของตระกูลเซียนอยู่แล้วจึงตอบกลับ : “แน่นอนว่าไม่ได้เป็น เรื่องเกี่ยวกับความลับของตระกูลเซียนอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าช่วงนี้ ได้ยินข่าวลือบางอย่าง ผมก็เลยอยากหาคนมายืนยันสักหน่อยก็ เท่านั้น”

และเป็นเพราะความกระตือรือร้นที่อยากรู้ในเรื่องของ สองพี่น้องตระกูลฉาง ดังนั้นเมื่อได้ยินเฉินเฟิงพูดแบบนี้ เขาจึง รีบตอบตกลงทันที

เฉินเฟิงจึงถามขึ้นมา: “เขียนหนึ่งเป็นคนตระกูลเขียนของ พวกคุณใช่หรือเปล่า?

เมื่อพูดถึงเขียนหนึ่งขึ้นมา เซียนซิวก็เหมือนถูกตบหน้าอย่าง จัง สีหน้าของเขาดูเคร่งขรึมขึ้นมาอย่างมาก ภายในสายตาฉาย แววสังหารออกมา และสิ่งนี้ทำให้เฉินเฟิงเกิดความสงสัยขึ้นมา เพราะถึงแม้ว่าเขียนหนิงจะทำเรื่องที่ไม่ถูกต้องไป แต่ไม่น่าจะทำ ให้เซียนชิวที่อยู่ในรุ่นเดียวกันเกิดความเกลียดชังแบบนี้ได้

เขาตอบกลับด้วยความเกลียดแค้น: “ตอนนี้เขาไม่ใช่คน ของตระกูลเซียนอีกแล้ว เขาเป็นแค่คนทรยศคนหนึ่งเท่านั้น”

เฉินเฟิงที่ได้ยินอย่างนั้นก็ไม่รู้สึกแปลกใจอะไร เพราะการที่ เขาพาตัวเซียนเสี่ยวหยุนออกไปจากพิธีการแบบนั้น ถ้าหากเขา ไม่ถูกตระกูลเชียนขับไล่ให้ออกจากตระกูลไป อย่างนั้นตระกูล เขียนก็คงจะมีความใจกว้างเกินไปแล้ว

แล้วเซียนชิวจึงพูดต่ออีกว่า :

“คุณรู้จักเขาได้อย่างไร คุณเคยเจอเขางั้นหรอ ถ้าหากเป็นแบบนั้นจริงคุณก็บอกกับผมมา ตระกูลเซียนของเราจะตอบแทนคุณอย่างงามเลย

เฉินเฟิงส่ายหน้าปฏิเสธ เพราะเขาไม่ต้องการที่จะไปพัวพันกับ เรื่องพวกนี้

“จะเป็นไปได้ไงกัน ผมก็แค่ได้ยินว่าเขาได้สร้างเรื่องใหญ่ใน งานพิธีหมั้นของตระกูลเซียนเท่านั้น ถ้าหากผมรู้จักเขาจริงก็ คงจะบอกไปตั้งนานแล้ว เพราะผมว่าตระกูลเซียนคงจะไม่ตระหนี่ เศษเงินสําหรับตอบแทนแน่นอน”

เมื่อได้ยินอย่างนั้นเขียนชิวก็ไม่ได้รู้สึกสงสัยอะไร เพียงแต่ ตอบกลับ : “ถ้าหากว่าคุณรู้ ยังไงก็ขอให้แจ้งกับตระกูลเซียน โดยตรง แต่จะว่าไปคุณจะถามเรื่องของเซียนหนึ่งเพื่ออะไร ?

เฉินเฟิงตอบกลับ : “ผมเคยเจอกับเขาวิชาการต่อสู้ของเขา นั้นร้ายกาจอย่างมาก แต่ถ้าเป็นความร่วมมือของตระกูลและ ตระกูลเบียนแล้ว จากการวิเคราะห์เขียนหนิงไม่น่าจะหนีรอดออก ไปจากทะเลทรายได้ด้วยซ้ำ แต่ว่าทำไมจนถึงตอนนี้แล้วยังไม่มี วี่แววว่าจะจับตัวเขาได้สักที

ทันใดนั้นเขียนชิวก็จริงจังขึ้นมา เขาจ้องมองเฉินเฟิงราวกับ ต้องการที่จะอ่านความคิดภายในใจของเฉินเฟิงอย่างนั้น

“นี่คุณกำลังแอบสอดแนมเรื่องการตัดสินใจในตระกูลเชียนอ งั้นหรอ? คุณต้องการจะทำร้ายนายท่านของพวกเราใช่หรือ เปล่า? ”

ทันทีที่เขาถามจบ เฉินเฟิงถึงกับนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ ก่อนที่เขาจะมองด้วยสายตางุนงงเช่นเดียวกันกลับไปยังเขียน วพร้อมตอบ กลับถ้าหากว่าผมต้องการทำร้ายนายท่านของก็โอกาสจะลงมือวันไม่ใช่หรือไง แล้วจะมาเสียเวลา สอดแนมอีก

และตอนเองที่เขียนซิวเหมือนจะเพิ่งคิดได้ตอบกลับไป ด้วยความละอายใจ เอ่อ อันไม่ทันได้จริงๆ แต่ในไม่ใช่ต้องการทำร้ายท่าน แล้วทำไมถึงต้องถามเรื่อง พวกนี้ด้วย ถือเป็นช่วงคน

เงินเฟิงตอบกลับนั่นก็เป็นเพราะว่าสงสัยไงทำไม พูด ไม่หรือไง? ถ้าหากพูดได้นั้นช่างมันเถอะ ส่วนเรื่องของน้องตระกูลผมจะไม่

สุดท้ายเขียนก็ติดกับดักจนได้ เขาจึงรีบขัดทันที จริงไม่จะไม่ได้หรอกครับ เมื่อเป็นคนที่มารักษานาย ท่าน ความเรื่องไม่ถือว่าเป็นความลับที่พูดไม่สำหรับ คุณ

เมื่อเป็นอย่างนั้นเฉินเฟิงก็ยิ่งเกิดความสงสัยขึ้น เพราะแล้วเรื่องคงจะความเกี่ยวข้องกับนายท่านเขียนคนนั้น

“เมื่อย้อนกลับเขียนหนิงตัวหนีเรื่อง นี้กลายเป็นปัญหาใหญ่โตเลยทีเดียว ทางด้านตระกูลเซียน และตระกูลได้ แล้วที่ถูกออกไปก็ล้วนเป็นเหล่ายอดฝีมือเกือบทั้งหมดของทั้งสองตระกูล แต่กลับไม่คิดเลยว่าวันที่สองยังไม่ทัน ได้หาตัวเขาเจอ ตระกูลเซียนก็เกิดเรื่องขึ้นซะแล้ว”

เฉินเฟิงจึงลองเดาเหตุการณ์นั้นออกมา “ถ้าหากพูดอย่างนี้ ก็แสดงว่าเรื่องของนายท่านเกิดขึ้นได้เป็นเพราะว่าในตอนนั้น ตระกูลเชียนไร้คนเฝ้าดู ถึงได้มีโอกาสให้คนพวกนั้นลงมือ จน ทําให้เรื่องราวกลายเป็นอย่าง ในตอนนี้”

เขียนชิวพยักหน้า ยอมรับว่าทุกอย่างเป็นไปตามที่เฉินเฟิงได้ คาดเดา

เฉินเฟิงจึงถามอีกครั้ง “ฆาตกรคนนั้นจับตัวได้หรือยัง?

เขียนชิวส่ายหน้า: “ถ้าจับได้ก็คงจะดี หลายวันมานี้ที่คุณลุง กำลังยุ่งอยู่ก็มีความเกี่ยวข้องกับฆาตกรนั่นแหละ และเพราะ แบบนั้นหลังจากนั้นเรื่องของเซียนหนิงจึงถูกละเลยไว้ข้างหลัง เหลือเพียงแต่ตระกูลที่ยังคอยตามหาตัวพวกเขาเท่านั้น

“แล้วฆาตกรคนนั้นเป็นใครกันแน่ พวกคุณน่าจะรู้บ้างไม่ อย่างนั้นก็เหมือนกับกำลังงมเข็มในมหาสมุทรเลยนะ”

แต่ว่าเขียนซิวกลับส่ายหน้า

เฉินเฟิงพูดอีกครั้ง “อันนี้จะน่าสงสัยเกินไปแล้วมั้ง หากเป็น แบบนี้แสดงว่าพวกคุณไม่มีแม้แต่เบาะแสเลยสิ”

เขียนชิวได้เพียงตอบกลับ : “พวกคุณลุงได้ปรึกษากันแล้วว่า ขอเพียงแค่สามารถรักษานายท่านได้ ก็สามารถรู้ได้ว่าเขาคนนั้น คือใครกันแน่”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ