ลูกเขยมังกร

บทที่800 ชิงชิว



บทที่800 ชิงชิว

เจียตงกุมกำปั้นตนเองไว้ โอดครวญไม่หยุด

“นี่แค่มือเดียว ถ้าทำให้ฉันถอยหลังได้ ฉันจะปล่อยแกไป

อีกมือหนึ่งถูกเฉินเฟิงไพล่หลังไว้ เขามองเฉินตงอย่างคาดหวัง

เจียงจะไปกล้ามองเฉินเฟิงอีกได้อย่างไร นิ้วทั้งสิบรวมกัน เมื่อกี้เป็นเพียงแค่หนึ่งกระบวนท่า เขาก็ยังคงแอบตอนที่เฉินเฟิง เผลอ ยังไม่ได้ลงมืออะไรเลย เขารู้ถึงกำลังของเฉินเฟิงจาก ต้นคอด้านหลัง ถึงขนาดแทรกซึมเข้าไปในจุดต่างๆ

แต่เมื่อได้ยินเสียงเฉินเฟิง เขาอยากไปก็ไม่ง่ายนัก

ในใจร้อนรน คนเจ็ดแปดคนยืนด้านหลัง

เขาอยากหนีแต่ไม่รู้ว่าเจ้านี่จะยึดเวลาให้เขาได้หรือเปล่า แม้ว่าเขาจะรู้ว่าเป็นไปไม่ค่อยได้ แต่ก็ยังคงตะโกน“พวกแกดู อะไรกันอยู่ ยังไม่ขึ้นหน้าอีก

คนพวกนั้นเป็นคนที่เฉินอิงไฉเรียกมา แม้ว่าเฉินเฟิงจะคุมเงี่ย

ตงได้ในหนึ่งกระบวนท่า แต่คนเยอะ พวกเขาไม่คิดว่าเฉินเพิ่งจะ เอาชนะได้ เจียตงตะโกน พวกเขาก็แห่ขึ้นไป เจียตงมองเฉินเฟิง หวังว่าจะหนีไปตอนที่เขาไม่ระวังตัว จึงได้

แต่จ้องเขา

“ไอ้นี่มันอ่านความคิดฉันออก”
เสียงเปรี้ยงปร้าง

เจียตงคิดหนีอีก ไม่โอกาสแล้ว

เฉินเฟิงไม่ถือได้วอร์มร่างกายด้วยซ้ำ แต่ไม่คนทำให้เขาได้วิทยายุทธ์จริงๆ

เขาเดินหยุดหน้าเจี่ยง

ฉันทำตามพูด แกไม่คิดหน่อยเหรอ”

“ไว้…….ชีวิต

เจียตงพูดคำออกมาครั้งแรก ลังเลเล็กน้อย

“ยอมแพ้!

เจี่ยตงไม่กล้าแม้หายใจ เฉินเฟิงรู้สึกน่าเบื่อ จึงพูด

“ตบปากตัวเองสิบที แล้ว

ได้ยินพูดเฉินเฟิง เจียตงไปอย่างไม่อยากเชื่อ หากแต่ ได้แววตาสงสัยของเฉินเฟิงมาว่ามีปัญหาผมเสียงตบยิ่งชัดเจน
แต่พอตอนตบครั้งที่สิบ ก็มีนักพรตแบกกระบี่ยาวเดินมา

สวมชุดนักพรต แบกกระบี่ยาว เกล้ามวย ดูได้อารมณ์นักพรต เขียน

นักพรตนั้นเดินมาหยุดหน้าเฉินเฟิง แนะนำตัวอย่างเกรงใจ

ก่อน แล้วพูด

“อาตมาชิงชิว”

แน่นอนว่าเฉินเฟิงไม่รู้จักนักพรตคนนี้ แม้จะบอกว่ามาจาก สำนักหัวเซีย แต่ก็เรียนสำนักคุนหลุน และนักวิทยายุทธ์ทางนั้นก็ ไม่ใช่นักพรต แค่ปลอมตัวใส่ชุดนักพรตแค่นั้น

แต่เฉินเฟิงเองก็ยังไม่เคยได้ยินเรื่องนักพรตพเนจรของสำนัก

คุนหลุน

แต่ว่าฝ่ายตรงข้ามเกรงใจ เขาไม่สามารถที่จะเสียมารยาทได้

จึงค่านับกลับเป็นมารยาท

“ไม่ทราบว่าท่านนักพรตมีธุระอะไร เขาถาม

ชิงชิวเห็นเจียดงที่หน้าบวมอยู่ข้างๆ จึงค่อยๆพูด

“ขอร่ำเรียนวิชากับปรมาจารย์

“ปรมาจารย์งั้นเหรอ” เฉินเฟิงพึมพำในใจ

คนที่เรียนวิทยายุทธ์ มีใครบ้างที่ไม่ต้องการมีปรมาจารย์ แต่ ปรมาจารย์ที่มีอยู่ไม่กี่คนแค่นี้ ต่อให้ได้ (เต้าเจินเจีย) ก็ไม่รู้ ว่าตัวเองจะเป็นปรมาจารย์ไปได้อย่างไร
พรมแดนติดขัดอยู่ตรงนี้นานแล้ว

ออกไปฝึกฝนข้างนอก ก็เพื่อที่จะเป็นปรมาจารย์ และทำให้ พรมแดนของเขามั่นคงยิ่งขึ้นก็เท่านั้น แทบจะไม่ได้มีพัฒนาการ อะไรเลย

ตอนนี้นักพรตบอกว่าเพื่อที่จะเป็นปรมาจารย์ เขาเองย่อม ประหลาดใจ

“นี่ไม่ใช่สิ่งที่ผู้คนทั่วไปจะหาได้

“ไม่ใช่สิ่งของ หากเป็นความจริงใจ อาตมาเดินรอบเขาสาม รอบ สํารวจอยู่ห้าหุบเขา แต่พอก้าวเข้าพรมแดนปรมาจารย์ ถ้า หากอยากเข้าไปอีก คิดว่าคงไม่สามารถสงบแบบเดิมได้”

เฉินเฟิงประหลาดใจ นักพรตธรรมดากลับบอกว่าตัวเองได้ ก้าวเข้าสู่เส้นทางปรมาจารย์แล้วครึ่งหนึ่งคนที่ประหลาดใจยิ่ง กว่าคือเจี่ยตง มุมปากทั้งสองเขาเจ็บอย่างฉกรรจ์ เมื่อกี้เขาไม่ กล้าใช้เคล็ดใดๆ จึงใช้กำลังจริงในการสู้

แต่ตอนนี้ไม่สามารถใส่ใจได้แล้ว แค่คำพูดสองสามคำ เขาก็ รู้สึกว่าเหมือนตัวเองชนเข้ากับหินอย่างจัง สองคนคุยอะไรกัน ตรงนี้นะ

ปรมาจารย์ เป็นพรมแดนที่ตัวเขาเองคิดว่าไม่มีวันที่จะเอื้อม

ถึง

เฉินเฟิงยังคงนิ่งสงบ เขาเองก็ก้าวเข้าไปครึ่งหนึ่งของ พรมแดนปรมาจารย์แล้ว ยกมือปล่อยพลังขาก็จะทำให้ใกล้ความจริงเข้าไปทุกที ถ้าหากว่าทำให้ฝ่ายตรงข้ามตกใจ เขาคง ต้องหาที่ฝังร่างตัวเองเป็นแน่

“จะหาเรื่องวิวาทกันเหรอ”

“หาไม่! อาตมาเพียงแค่ต้องการเข้าสู่หนทางธรรม

เจียงที่ยืนข้างๆคิดว่าเรื่องพวกนี้ตัวเองฟังสักหน่อยก็ไม่เสีย หาย ต่อให้ไม่เข้าใจ คาบข่าวไปบอกผู้ใหญ่ ก็ไม่ใช่เรื่องเสีย หายอะไร คิดพลาง อาศัยจังหวะที่เฉินเฟิงไม่ทันระวัง ค่อยๆ เขยิบเข้าใกล้

แต่เฉินเฟิงจะไม่สังเกตได้อย่างไร เขาหันไปทางเจียง “ว่าไง อยากตบปากอีกสักสิบที่งั้นเหรอ” เสียงนี้ทำให้เจียตงตกใจจนไม่กล้าฟังต่อ

“ไม่กล้า ไม่กล้า จะไปเดี๋ยวนี้

และก็ไม่สนใจพวกนักเลงที่พามาและกำลังนอนกองอยู่บนพื้น กระเสือกกระสนฉี่ราดกางเกงกลับไปท่านนักพรต ที่นี่ไม่ใช่ที่ๆ ไว้พูดคุย เราไปหาที่พูดคุยรายละเอียดกันดีกว่า แต่ชิงชิวโบกมือแล้วพูด

“อาตมาไม่รบกวนพสกแล้ว เพียงแค่บังเอิญผ่าน คิดไม่ถึงว่า อาตมาจะได้เจอคนที่ศีลเสมอกัน เกิดความปิติ จึงแวะคุยสอง สามค่า หลังจากสองสามคำแล้ว อาตมาจะออกเดินทาง” เมื่อเห็นนักพรตไม่ยินยอม เฉินเฟิงก็ไม่ได้ฝันบังคับ
“นักพรตเชิญกล่าว

“ออกเดินทางรอนแรมนานปี การเฟ้นหาวิทยายุทธ์สูงสุดเป็น สิ่งที่อาตมาตามหาชั่วชีวิต แต่วันนี้ อาตมาเพิ่งตื่นรู้ ค่าสอนเต๋า ฟ้าดินกำหนด มิใช่คนธรรมดาสามารถแปดเปื้อนได้

“หมายความว่าอย่างไร

“เพียงแค่จำนวนสามสี่เท่านั้น ไม่ถึงสิบสอง หากปราศจาก เบาะแสปรมาจารย์ คงไร้ซึ่งผล

เฉินเฟิงราวถูกสายฟ้าฟาด ปรมาจารย์ที่อยู่ข้างนอกในตอนนี้ มีไม่ถึงสิบสอง แต่ปรมาจารย์ที่เหลืออยู่ และสำเร็จวิชา ทำให้ เขารู้ว่าเพียงแค่รอปรมาจารย์ปรากฏตัว เขาถึงจะได้มีโอกาสเข้า สู่พรมแดน

แต่การปรากฏตัวของปรมาจารย์นั้นโอกาสน้อยนิดนัก หลินชิงบิดาของหวั่นชิวก็นับเป็นหนึ่ง แต่การสืบทอดนั้น กลับโดนผู้อื่นแย่งไป

ในขณะที่เฉินเฟิงกำลังครุ่นคิด ชิงชิวก็ขัดจังหวะความคิดพอดี “ลาก่อนสหายพรต!

พูดจบไม่รอเฉินเฟิงรั้งตัว เขาก็หมุนตัวจากไป กระบี่ยาวด้านหลังกระเพื่อมตามจังหวะเดินของชิงชิว กระ หวัดไปมา

“ไม่เป็นไรนะ!
เห็นเฉินเฟิงที่เหม่อลอยหลังจากที่ได้คุยกับซิงซิว หลินหวั่นชิว จึงถามขึ้นอย่างห่วงใย

“ผมไม่เป็นไร แค่มีบางเรื่องที่ไม่เข้าใจ”

ในใจมีคำถาม ดังนั้นในระหว่างทางที่ส่งหวั่นซิวกลับไป เขาก็ ไม่ได้พูดอะไร

แม้ว่าหลินหวั่นซิวจะผิดหวัง เดิมทีอาจจะพูดจาห่วงใยได้บ้าง แต่กลับเงียบเสีย แต่เธอก็ไม่อยากรบกวนเฉินเฟิง ดังนั้นจึงได้แต่ จากไป สองคนจูบลา แล้วไม่มีอื่นใด

แต่พอเฉินเฟิงออกเดินได้สองก้าว หลินหวั่นชิวก็เรียกตัวไว้

“เฉินเฟิง ฉันคิดถึงคุณเสมอ คิดถึงมากๆ”

พูดจบ เธอเองก็ไม่กล้าหันไปมองเฉินเฟิง แล้ววิ่งหนีกลับบ้าน

ดื้อๆ

ผ่านไปสองวินาที เฉินเฟิงถึงนึกคำพูดของหวั่นชิวออก


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ