ลูกเขยมังกร

บทที่ 921 ห้องลับ



บทที่ 921 ห้องลับ

โจว เอ๋อเข้าใจทันทีเลยว่าตัวเองสามารถดึงดูดความสนใจ ของเฉินเฟิงได้แล้ว ดังนั้นเธอจึงหัวเราะออกมาเบาๆ ปรารถนา “คุณชายเฉิน เรื่องบางอย่างบางทีมันก็ดูง่ายดายนะคะ แต่บาง ครั้งมันก็ซับซ้อนในเวลาเดียวกัน ซึ่งทั้งหมดล้วนขึ้นอยู่ว่าคุณนั้น คิดยังไง”

จากคำพูดของโจวจื่อเอ๋อ เฉินเฟิงได้หยุดครุ่นคิดไปครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบกลับ : “คุณคิดว่าในจุดที่ง่ายดายของเรื่องนี้จะเกิด ปัญหาขึ้นอย่างนั้นสินะ”

“สมกับเป็นคุณชายเฉินเสียจริงค่ะ เพียงแค่เตือนให้หน่อยก็ สามารถเข้าใจแล้ว” โจวจื่อเอ๋อพูดด้วยรอยยิ้ม : “ก็ตามที่ว่า คุณชายเฉินต้องการที่จะพึ่งกำลังอำนาจ ซึ่งเป็นกำลังอำนาจ ขนาดใหญ่ ที่แม้แต่ผู้ทรงอำนาจแข็งแกร่งอย่างหมาป่าทะเลก็ไม่ สามารถที่จะหลุดหนีไปได้ แต่ว่าคุณชายเฉินกลับไม่เคยเข้าใจ เลยว่าแท้จริงแล้วพวกเขานั้นมีความแข็งแกร่งขนาดไหนกันแน่

ตอนนี้ดูเหมือนว่าเฉินเฟิงจะพอเข้าใจความหมายของโจวจื่อ เมื่อไม่น้อยเลย เพียงแต่ว่าเขากลับไม่เห็นด้วย เพราะถ้าหากผู้ที่ อ่อนแอต้องการที่จะต่อต้านมหาอำนาจ การรวมกลุ่มกันไว้ถึงจะ เป็นหนทางที่เหมาะสมที่สุด

แต่ในขณะที่เขากำลังจะอ้าปากพูด เสียงชายคนหนึ่งกลับ แทรกเข้ามาเสียก่อน : “จ่อเอ๋อ? คุณมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงครับ? ”
เงินเฟิงพวกเขาสองคนหันหลังไปมองตามเสียงที่ดังขึ้น ปรากฏว่าไปชูกำลังเดินมุ่งหน้ามายังทางพวกเขา

“คุณชายเฉินก็อยู่ที่นี่ด้วยงั้นหรอครับ? พวกคุณกำลัง? ” ไป ซูมองพวกเขาด้วยความสงสัย

ทางด้านเฉินเฟิงไม่ได้ตอบกลับอะไร จะมีเพียงโจวจื่อเอ่อที่ยิ้ม หวานออกมาเท่านั้น : “ก็แค่บังเอิญเดินผ่านเข้ามาเจอคุณชาย เฉินพอดีหน่ะค่ะ และด้วยความที่ฉันมีความแปลกใจในตัวคุณ ชายเฉินอยู่แล้ว เลยเป็นฝ่ายเดินเข้ามาพูดคุยกับคุณชายเฉินก็ เท่านั้น”

แต่ถึงอย่างนั้น ในใจของไปซูก็ยังมีความแคลงใจบางอย่าง อยู่ แต่เพราะไม่มีเหตุผลอะไรที่จะไปถามไถ่เอาความ เขาจึง เพียงแค่มองไปยังเฉินเฟิงเท่านั้น

“งั้นสินะครับ ที่จริง ในตอนที่ผมได้รู้ตัวตนที่แท้จริงของคุณ ชายเฉิน ก็เกิดความรู้สึกที่เหลือเชื่อเช่นเดียวกัน เพราะรู้สึกว่า เขาในตอนนี้ไม่เหมือนกับเขาคนนั้นที่ได้ถูกเลื่องลือออกมาเลย

ทางด้านเฉินเฟิงกลับไม่ค่อยมีความสนใจที่จะมาพูดคุยกับ พวกเขาสองคน เขาจึงลุกขึ้นยืนก่อนจะหันไปบอกกับพวกเขา สองคน : “พวกคุณค่อยๆ คุยกันนะครับ ผมขอตัวไปเข้าห้องน้ำ ก่อน”

ซึ่งในตอนที่เฉินเฟิงกำลังจะเดินออกมา โจวจื่อเอ๋อก็หันไป ขยิกตาใส่เขาเป็นนัยให้กับเฉินเฟิงว่าคำพูดที่เหลือต่อจากนี้ เธอ จะไปพูดคุยกับเฉินเฟิงอีกครั้ง
แต่เฉินเฟิงกลับไม่ได้มีปฏิกิริยาตอบกลับใดๆ

หลังจากที่เฉินเฟิงเดินจากไปแล้ว ไปก็หันไปพูดกับโจวจื่อเอ๋ อด้วยท่าทีไม่สบายใจ “ผมก็คิดว่าคุณรังเกียจเวลาที่ต้องอยู่ กับผมซะอีก ถึงได้หายไปนานขนาดนี้แล้วยังไม่กลับมาเสียที จน ผมคิดว่าคุณกำลังหลบหน้าผม

โจว อเอ๋อกลับมาแสดงท่าที่ใจดีดังเคยพร้อมตอบกลับด้วย รอยยิ้มจางๆ : “คุณชายรองคิดมากไปแล้วล่ะค่ะ คุณลุงใหญ่ เองทั้ง นชมในตัวคุณชายรอง และยังบอกอีกว่าคนหน้าตาดี และมีความสามารถอย่างคุณชายรองนั้นพบเห็นได้ยากในโลกนี้ แล้ว”

ไป๋ซูที่ถูกเธอกล่าวชื่นชมก็มีความสุขขึ้นมาดังดอกไม้ที่เบ่ง บานทันที “งั้นหรอครับ แล้วจื่อเอือมองว่าผมเป็นยังไงครับ

เฉินเฟิงเมื่อปลีกตัวออกมาจากทั้งสองก็กลับมายังบริเวณงาน

เลี้ยงฉลอง

ตอนนี้เหล่าแขกนั้นก็มากันจนล้นหลามแล้ว แต่ละคนพากันนั่ง ประจำตำแหน่งของตัวเอง และเพียงรอให้พิธียกเหล่านั้นเริ่มขึ้น เท่านั้น รูปแบบงานพิธีการของตระกูลโจวนั้นถือว่าค่อนข้างใหญ่ โตเลยทีเดียว ซึ่งจากที่เฉินเฟิงลองนับดูแล้ว มีโต๊ะทั้งหมดราวๆ สามสิบถึงสี่สิบ โต๊ะเลยก็ว่าได้

ส่วนคนที่เดินทางมาถึงแล้วนั้นก็ได้นั่งจนเต็มไปหมดแล้วด้วย และจากการคาดเดาผู้คนก็มีนับหลายร้อยคนเลย
เมื่อมีคนเยอะ สถานที่จัดงานจึงมีความคึกคัก โอกเอกเสียงดัง เป็นเรื่องธรรมดา ในขณะที่คนที่นั่งห่างจากตระกูลปรารถนาด้าน หลังสุดนี้น่าจะเป็นกลุ่มคนที่ไม่ได้สนิทชิดเชื้ออะไร และทางด้าน เฉินเฟิงก็หาที่นั่งว่างนั่งลงตรงบริเวณนั้น

“คุณชายเฉิน ทำไมคุณถึงมานั่งอยู่ตรงนี้ได้ล่ะครับ”

เฉินเฟิงเงยหน้าขึ้น โจวฟางก็กำลังจ้องมองมาที่เขาด้วยความ ประหลาดใจ

“ไม่มีอะไรครับ ผมก็แค่หาที่นั่งไปเรื่อยเท่านั้น อีกอย่างงาน รื่นรมย์พวกนี้เดิมทีผมก็ไม่ค่อยชอบอยู่แล้วด้วย” เฉินเฟิงกล่าวอ ธิบายพร้อมรอยยิ้มจางๆ

โจวฟ่างที่ได้ยินอย่างนั้นจึงตอบกลับ “ผมก็คิดว่าคุณชาย เฉินจะเป็นคนที่ชื่นชอบผู้คนคึกคักแบบนี้เสียอีก”

เฉินเฟิงถามกลับ : “นี่ผมดูเป็นคนแบบนั้นมากเลยหรอ

ครับ? ”

“ก็เป็นเพียงแค่ความรู้สึกของผมหน่ะครับ คุณชายเงินอย่าได้ ใส่ใจเลย จริงด้วย คุณชายเฉินพอจะออกมาพูดคุยกันสักครู่ได้ หรือเปล่าครับ ? ”

เฉินเฟิงจ้องมองไปยังเขาด้วยสายตาที่สงสัย แต่โจวฟ่างกลับ ดูเหมือนว่ามีเรื่องสำคัญที่ต้องการจะบอกกับเขา

“ได้ครับ!” เฉินเฟิงพูดพลางได้เพียงลุกขึ้นอีกครั้งเท่านั้น โดยที่เก้าอี้ของเขายังนั่งได้ไม่ทันที่จะอุ่นเลย
เมื่อเดินตามโจวฟางออกมา เงินเฟิงก็กล่าวถาม ต้องการที่จะบอกอะไรกับผมหรอครับ?

“คุณ

“เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับตระกูลโจวครับ ผมรู้สึกว่าเรื่องบาง อย่างหากไม่ได้บอกกับคุณชายเฉินได้เข้าใจ มันอาจจะมีผลกระ ทบต่อแผนการต่อต้านหมาป่าทะเลทรายได้” โจวฟ่างที่เดินนำ หน้ากล่าวตอบ

แต่เฉินเพิ่งกลับถามอีกครั้งด้วยความประหลาดใจ อย่าง นั้นทำไมถึงมาหาผมล่ะครับ เรื่องที่คุณควรจะบอกกับคนตระกูล ไปให้เข้าใจก่อนไม่ใช่หรอครับ? ”

โจวฟ่างตอบกลับอย่างลังเลใจ “ผมไม่ค่อยเชื่อใจในตัว พวกเขาเท่าไหร่ ถ้าหากว่าแผนการครั้งนี้เกิดมีปัญหาขึ้นมาก็คง ต้องเกิดเรื่องขึ้นจากกลุ่มตระกูลของพวกเรา ดังนั้นตอนนี้ผมจึง ไม่กล้าที่จะเชื่อใจใครมากนัก”

เฉินเฟิงเองก็ไม่เข้าใจว่าเพราะสิ่งใดที่ทำให้เขาเกิดความ กังวลใจมากขนาดนี้ได้ จึงคิดไปเองว่าคงเป็นเพราะโจวฟ่างนั้น ตื่นตระหนกจนเกินไป แต่ถึงอย่างนั้นก็ตำหนิเขาไม่ได้ เพราะการ ต่อกรกับหมาป่าทะเลทรายก็ไม่ต่างอะไรกับการเอาชีวิตเข้าไป แลกเลย

ดังนั้นเขาจึงไม่พูดอะไรต่อ ก่อนจะเดินตามโจวฟางไปยังลาน อีกแห่งหนึ่งของตระกูลโจว

ลานเล็กนี้เงียบสงบ เมื่อเดินเข้าไปด้านในโจวฟางกลับยังไม่มี ทีท่าจะหยุดฝีเท้าลงเลย ดังนั้นเฉินเฟิงจึงถามอีกครั้งด้วยความสงสัย:

ที่นี่ยังไม่ได้อีกหรอครับ ? ”

โจวฟ่างเดินไปพลางกล่าวอธิบาย : “มีของบางอย่างที่ผม อยากให้คุณชายเฉินได้เห็นพร้อมกับพูดคุยกับคุณชายเงินไป ด้วย”

เงินเฟิงกล่าวถาม : “ของอะไรกันครับ? ”

ทว่าโจวฟางกลับไม่ได้ตอบออกมาตามตรง เพียงแต่พูดขึ้น ว่า “รอให้คุณชายเฉินได้เห็นแล้วก็จะรู้เองครับ”

ในใจของเฉินเฟิงเกิดข้อสงสัยขึ้นมา แต่ถึงอย่างนั้นเขายังคง เดินตามไปเรื่อยๆ เพราะเขาคิดว่าโจวฟ่างคงไม่คิดจะทำอะไร เขาภายในบ้านตระกูลโจวแน่นอน

เมื่อเดินเข้าไปภายในห้องก็ยังต้องเดินตรงเข้าไปด้านใน เรื่อยๆ จนในที่สุดพวกเขาก็เดินมาถึงห้องหนังสือแห่งหนึ่ง เดิมที เฉินเฟิงก็คิดว่าคงจะเป็นที่นี่แน่นอน แต่โจวฟางกลับเดินไปยัง หนังสืออันหนึ่ง ก่อนจะตามหาหนังสือเล่มหนึ่ง จากนั้นก็ค่อยดึง มันออกมาอย่างช้าๆ

ผ่านไปเพียงไม่กี่วินาที เสียงฟันเฟืองและโซ่กลไกก็ดังขึ้น

จากนั้นตู้หนังสือที่อยู่ตรงหน้าของเฉินเฟิงพวกเขาสองคนก็ ค่อยๆ ขยับแยกออกจากกันทั้งสองด้าน ปรากฏให้เห็นประตูอัน ว่างเปล่าบานหนึ่งที่อยู่ด้านใน

ซึ่งมองดูจากทางเข้าเข้าไปด้านในก็เห็นเพียงบันไดหนึ่งที่ทอด จากประตูทางเข้า และเมื่อยิ่งมองลึกลงไปก็จะมีเพียงภาพความมืดเท่านั้น

“นี่คือ? ” เฉินเฟิงถามอย่างสงสัย

โจวฟางกล่าวอธิบาย : “ที่นี่คือสถานที่ใช้สำหรับหลบภัย ของตระกูลโจว หลังจากที่เกิดเรื่องครั้งนั้น พวกเราก็สร้างห้อง ลับนี้ขึ้นมาเป็นการเฉพาะ เผื่อจะเกิดเหตุที่ไม่คาดคิด

เมื่อโจวฟ่างพูดจบ เขาก็หันไปมองเฉินเฟิง : “คุณชายเฉิน ของชิ้นนั้นถูกเก็บไว้ในนี้ครับ แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ตระกูลโจวของ เราห้ามป่าวประกาศออกไปเด็ดขาด ดังนั้นหวังว่าหลังจากที่คุณ ชายเฉินได้เห็นแล้วจะช่วยปกป้องความลับนี้ให้กับตระกูลโจว ด้วย”

เฉินเฟิงที่ได้ยินก็กล่าวตกลงอย่างว่าง่าย “นั่นสมควรอยู่

แล้วครับ” เมื่อได้ยินอย่างนั้นโจวฟ่างถึงค่อยสบายใจ ก่อนจะพาเฉินเฟิง

เดินเข้าไปด้านใน

ผ่านไปเพียงไม่นาน ยิ่งเดินมุ่งหน้าเข้าไปด้านในเรื่อยๆ การ มองเห็นก็ยิ่งไม่ชัดเจนมากขึ้น แต่เพราะได้จับราวบันไดไว้จึงไม่ ทำให้หลงทิศทาง จนมาถึงกลางทางก็เกิดการเปลี่ยนทิศเดินอีก ครั้ง และเมื่อเดินเลี้ยวไปอีกทาง พวกเขาก็ยังต้องมุ่งหน้าเดินลง ต่อไปอีก

หลังจากที่รู้สึกว่าเดินผ่านความลึกมาได้หลายสิบเมตร ใน ที่สุดก็เดินมาถึงจุดล่างสุดเสียที
แต่บริเวณตรงหน้ากลับมีประตูเหล็กหนาตั้งตระหง่านอยู่ ดู แล้วเหล็กนี้จะมีความแข็งแกร่งกว่าเหล็กที่ใช้ในการทำประตูตู้ นิรภัยทั่วไปเสียอีก

ดูเหมือนว่าตระกูลโจวจะหวาดกลัวและรอบคอบเกินไปแล้ว

ทางด้านโจวฟางคลไปมาตามพื้นผนังอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเปิด ที่ครอบอันหนึ่งออก ซึ่งด้านในผนังนั้นดูเหมือนจะมีรูกุญแจอัน หนึ่งอยู่ โจวฟ่างหยิบเอากุญแจดอกหนึ่งออกมาจากกระเป๋า กางเกง ก่อนจะสอดกุญแจดอกนั้นเข้าไปในรูกุญแจแล้วค่อยๆ บิดอย่างเบามือ

แต่ถึงอย่างนั้นประตูเหล็กหนานั้นกลับยังไม่มีการเคลื่อนไหว ใดๆ ทั้งสิ้น

จากนั้นโจวฟางก็เอื้อมมือขึ้นไปสัมผัสลงบนประตู ราวกับ กำลังกดบางอย่างอยู่ และไม่นานประตูเหล็กนั้นก็เปิดออกอย่างง่ายดาย


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ