ลูกเขยมังกร

บทที่191 ควรเมาสักครั้ง



บทที่191 ควรเมาสักครั้ง

“เงื่อนไข?” เย่หมิงเหวินแกว่งๆ แก้วไวน์แดงในมือ มองเสี้ยเมิง เหยาทีหนึ่งอย่างขบคิด ก่อนจะพูดว่า “คุณเสี้ย คุยเงื่อนไขก็ไม่สนิทกัน แล้ว”

“นั้นความหมายของผู้จัดการเยคือ?” เสี้ยเมิ่งเหยาเอ่ยปากด้วย หน้าตาไร้ความรู้สึก

“ง่ายมาก หนึ่งโพรเจกต์เหล้าหนึ่งแก้ว!” เย่หมิงเหวินหัวเราะแล้ว

ยกนิ้วชี้ขึ้น

“คุณเสี้ย ผมซื้อมาจากเสี้ยห้าวทางนั้นทั้งหมดเจ็ดโพรเจกต์” เย่ห มิงเหวินยิ้มจางๆ แล้วพูดว่า “ตอนนี้การที่ผมตัดจะสินใจคืนโพรเจกต์ เจ็ดอันนั้นให้คุณเสี้ยได้มีเพียงอย่างเดียวที่คุณเสี้ยต้องทำก็คือดื่มเป็น เพื่อนผม…เจ็ดแก้ว”

เหล้าเจ็ดแก้ว!

สีหน้าของเสี้ยเพิ่งเหยาเปลี่ยนไปแล้ว เธอคออ่อน อย่าว่าแต่เจ็ด แก้วเลย แค่สามแก้วก็ไม่แน่ใจว่าจะดื่มต่อได้หรือไม่

ยิ่งไปกว่านั้น ถึงแม้เธอจะสามารถดื่มเหล้าเจ็ดแก้วได้ ถ้าเกิดเย่ห มิงเหวินคืนคำจะทำอย่างไร?

“คุณเสี้ย เงื่อนไขนี้ของผม คงไม่เกินไปหรอกมั้ง?” เย่หมิงเหวิน สายแก้วไวน์ในมือ หยอกล้อยิ้มถาม

เสี้ยเมิ่งเหยากัดริมฝีปากแดงแน่น เงื่อนไขนี้เกินไปหรือไม่?

ไม่เกินไปจริงๆ!

เพราะโพรเจกต์เจ็ดอันนั้นของเสี้ยห้าว เย่หมิงเหวินเป็นคนซื้อเข้า มาด้วยราคายี่สิบล้าน ถ้าเย่หมิงเหวินเปลี่ยนมือขายออกไป ล้วน สามารถขายได้ถึงสี่สิบล้าน แม้กระทั่งห้าสิบล้าน!

แต่ตอนนี้แค่ต้องการให้เธอดื่มเหล้าเจ็ดแก้ว เย่หมิงเหวินสามารถ ให้เธอนำเจ็ดโพรเจกต์นั้นกลับไปด้วยราคาเดิมยี่สิบล้าน เท่ากับว่า เหล้าเจ็ดแก้วของเธอราคายี่สิบสามสิบล้าน ดังนั้นจึงไม่เกินไปเลยสัก นิด

ถ้าเป็นเสี้ยเมิ่งเหยาสมัยก่อน ถึงแม้จะรู้ว่ามีความเป็นไปได้มากที่ เย่หมิงเหวินจะพูดโกหก เธอก็จะสู้ดื่มเหล้าเจ็ดแก้วไป เพื่อเต็มพันกับ ความเป็นไปได้อันน้อยนิดนั้น

แต่เธอในตอนนี้จะทำได้เหรอ?

เสี้ยเมิ่งเหยามองไปทางด้านนอกห้องอาหารแวบหนึ่งอย่างอดไม่ ได้เธอรู้ดีมาก ตอนนี้เฉินเฟิงยืนอยู่ด้านนอกห้องอาหารซึ่งไม่ไกลนัก ขอเพียงแค่เธอพูดสักคำ เฉินเฟิงก็สามารถเข้ามาได้ แล้วจัดการความ ยุ่งยากทุกอย่างแทนเธอ

เธอไม่จำเป็นต้องดื่มเหล้าสักหยดเดียวก็สามารถได้เจ็ดโพรเจกต์ นั้นกลับไป

แต่เธอ….อยากทำแบบนั้นจริงๆ เหรอ? เธออยากพึ่งพาเฉินเฟิงไปตลอดจริงเหรอ?

เสี้ยเมิ่งเหยาสับสนแล้ว ช่วงเวลาไม่นานนัก เฉินเฟิงยังเป็นคนขี้ ขลาดตาขาวที่ไม่ว่าใครๆ ต่างก็รู้ ตอนนั้นสิ่งที่เธอปรารถนาที่สุดคือมี สักวันที่เฉินเฟิงเปลี่ยนมาเป็นยอดเยี่ยม เป็นไหล่กว้างให้เธอสามารถ พึ่งพาได้

แต่ตอนที่เฉินเฟิงเปลี่ยนมาเป็นดีเยี่ยมจริงๆ เสี้ยเมิ่งเหยากลับพบ สิ่งที่ตนเองคาดไม่ถึงว่าเธอไม่อยากจะพึ่งพาเฉินเฟิงขนาดนั้นแล้ว

โดยเฉพาะเมื่อรู้ว่าเฉินเฟิงเป็นลูกหลานตระกูลเฉิน ความรู้สึกนั้น ของเธอยิ่งรุนแรง

เธอยิ่งอยากพิสูจน์ตนเองต่อหน้าเฉินเฟิง พิสูจน์ว่านอกจากหน้าตา สวยแล้ว ตนเองไม่ใช่ไม่มีอะไรดีสักอย่าง!

เธออยากให้ตนเองคู่ควรกับเฉินเฟิง

ดังนั้นครั้งนี้เธอถึงเสนอออกมา โดยการปล่อยให้เธอกับเย่หมิงเห วินคนเหล่านี้เจรจากัน

เมื่อเจรจากระจ่างแล้ว เธออยากใช้โอกาสนี้มาพิสูจน์ตนเอง “ไม่เกินเลย” เสี้ยเมิ่งเหยาสูตหายใจเข้าลึกๆ ที่หนึ่ง พูดถึงว่าใน เมื่อตัดสินใจออกมาแล้ว อย่างนั้นเธอก็จะไม่ลังเลอีก ตั้งแต่วันนี้เป็นต้น ไป เธอจะไม่เอาแต่พึ่งพาเฉินเฟิงไปทุกเรื่องอีก ไม่ว่าเจอความยุ่งยาก เล็กน้อย ก็ไม่อยากไปพึ่งพิงเฉินเฟิงอีก

เธอต้องเป็นคนเข้มแข็ง!

เธอไม่อยากให้ตนเองกลายเป็นจุดอ่อนของเฉินเฟิง!

เธอหวังอย่างยิ่งว่าตนเองจะกลายเป็นภรรยาที่ดีของเฉินเฟิง! มีสักวันที่เฉินเพิ่งเจอความยุ่งยากเข้า เธอจะสามารถช่วยเฉินเฟิง ได้ และไม่ใช่นั่งงอมืองอเท้ายืนอยู่ด้านข้าง

“ในเมื่อไม่เกินไป งั้นคุณเสี้ยก็ดื่มเหล้าเจ็ดแก้วนี้เถอะ” เย่หมิงเห วินเทเหล้าเจ็ดแก้วอย่างยิ้มแย้ม เลื่อนไปตรงหน้าเสี้ยเมิ่งเหยาทีละแก้ว

เสี้ยเมิ่งเหยาไม่ได้มองเหล้าเจ็ดแก้วตรงหน้า แต่ทว่าย้ายสายตา ไปทางเหมิงเหวิน ถามอย่างเย็นชา “ถ้าฉันดื่มเหล้าแล้ว เกิดผู้จัดการ เปคืนคำควรจะทำยังไงดี?”

“คืนคำ?” เย่หมิงเหวินหรี่ตาลงแล้วบอกว่า “คุณเสี้ย ผมเย่หมิงเห วินพูดไปแล้ว พอพูดออกมา จะไม่เก็บกลับคืน เรื่องคืนคำแบบนี้ ผมไม่ เคยทำมาแต่ไหนแต่ไร”

“ถ้าทำแล้วควรจะทำยังไง?” เสี้ยเมิ่งเหยาสายตาเย็นเฉียบ มี

รสชาติที่แบบเถียงฉอดๆ อยู่บ้าง

“ถ้าทำแล้ว ก็ปล่อยให้คุณเสี้ยจัดการไง!” เย่หมิงเหวินพูดขึ้น เสี้ย เมิ่งเหยาน้ำเสียงแบบนี้ มีความหมายที่คุกคามเขาระดับหนึ่ง แต่เธอมี สิทธิ์อะไร? ข่มขู่ตนเองเหรอ?

เธอเอากำลังมาจากไหน?

“ได้ หวังว่าคุณจะจำคำพูดของตัวเองในตอนนี้ไว้!” เสี้ยเมิ่งเหยา มองเย่หมิงเหวินอย่างเมินเฉยแวบหนึ่ง จากนั้นยกแก้วเหล้าตรงหน้าขึ้น มาแก้วหนึ่ง ดื่มรวดเดียวจนหมดแก้ว

อาเหาที่อยู่ด้านหลังกระตุกมุมปาก อยากห้ามเสี้ยเมิ่งเหยา แต่ เฉินเฟิงยังไม่ได้บอกอะไร เขาจึงไม่กล้า ด้านนอกห้องอาหาร เฉินเฟิงอตถอนหายใจไม่ได้

เนื่องจากมีกล้องวงจรปิดดังนั้นการกระทำทุกอย่างของผู้คนใน ห้องอาหารล้วนอยู่ในขอบเขตสายตาของเขา รวมทั้งลักษณะท่าทาง ของเสี้ยเมิงเหยาด้วย

เฉินเฟิงไม่เข้าใจที่ไหนกัน เสี้ยเมิ่งเหยาอยากพิสูจน์ตนเองต่อหน้า

เขา

เฉินเฟิงเข้าใจดี ที่เสี้ยเพิ่งเหยามีความคิดแบบนี้ได้ เป็นเพราะตระ กูลเฉินที่อยู่เบื้องหลังเขานั้น นำพาความกดดันอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ มาให้เสี้ยเมิ่งเหยา

เสี้ยเมิ่งเหยาผ่านหลายวันนี้มาอย่างอึดอัดใจมาก ความอัดอั้นตันใจของเธอ ส่วนมากล้วนมาจากตระกูลเฉิน

“คุณชายเฉิน อยากให้ผมเข้าไปห้ามตอนนี้เลยรึเปล่า?” กู้ตงเชิน ถามขึ้น เขาไม่เข้าใจว่าตอนนี้เฉินเฟิงกำลังคิดอะไรอยู่ เขาสามารถ มองออก เฉินเฟิงรักเสี้ยเมิ่งเหยามาก ว่ากันตามหลักแล้ว เฉินเฟิงจะไม่ ยอมให้เสี้ยเมิ่งเหยาดื่มเหล้ามากขนาดนี้ แต่ตอนนี้มองท่าทางของ เฉินเฟิง กลับมีความหมายให้เสี้ยเมิงเหยาดื่มเหล้าไป

เฉินเฟิงส่ายหน้า แล้วบอกว่า “ไม่ต้องหรอก ให้เธอดื่มเถอะ เธอ ควรได้เมาสักครั้ง

“เมาสักครั้ง?” กู้ตงเซินยิ่งมึนงงขึ้นอีก ไม่เข้าใจคำพูดนี้ของ เฉินเฟิงว่าหมายความว่าอะไร

เวลานี้ ภายในห้องอาหาร ด้านหน้าของเสื้อเมิ่งเหยามีแก้วเหล้าว่าง

เพิ่มมาสี่

ใบหน้างดงามของเสียเพิ่งเหยาเปลี่ยนมาแดงระเรื่ออยู่บ้าง เพิ่ม ลักษณะท่าทางที่มีเสน่ห์ขึ้น

“คุณเสี้ยคอแข็งดีนี่”

“คุณเสี้ยเป็นผู้หญิงที่โดดเด่นจริงๆ เลย”

หวังฉีซานกับคังไห่โปประจบประแจงอยู่ด้านข้าง กามารมณ์ใน สายตาปิดไว้ไม่อยู่ คืนนี้เหมิงเหวินกินเนื้อ พวกเขาก็สามารถตามกิน น้ำแกงได้ด้วย

เสี้ยเมิ่งเหยาเป็นสาวงามอันดับหนึ่งของเมืองขชางโจว ไม่รู้ว่าเป็น คนรักในใจของผู้ชายมากเท่าไร สามารถคร่อมสาวงามแบบนี้ไว้ใต้ สะโพกแล้วย่ำยีได้ พวกเขาฝันกันอยู่ยังหัวเราะจนตื่นขึ้นมาได้

“คุณเสี้ย อย่าดื่มเลย” เห็นเสี้ยเมิ่งเหยามือสั่นเทายกเหล้าแก้วที่ห้า ขึ้นมา อาเหาอดพูดกล่อมไปไม่ได้ เห็นได้ชัดว่าเสี้ยเมิ่งเหยาเมาแล้ว หากดื่มอย่างนี้ต่ออีก คงดื่มสามแก้วที่เหลือต่อไม่ได้

“ไม่ ฉันจะดื่ม” เสี้ยเมิ่งเหยาดื้อรั้นอยู่นิดๆ ยกแก้วเหล้าในมือขึ้น

อย่างกวัดแกว่ง

อาเหาอยากห้าม แต่เย่หมิงเหวินกลับลุกยืนขึ้นมาสักหน่อย ขวาง ตรงหน้าอาเหาไว้

“เจ้าหนู อย่ายุ่งไม่เข้าเรื่อง” เย่หมิงเหวินพูดด้วยน้ำเสียงไม่เป็น มิตร เวลานี้กำลังเป็นช่วงสำคัญ เขาไม่สามารถให้อาเหาทำลายเรื่องดีๆ ของตนเองได้

“เย่หมิงเหวิน คุณเสี้ยเป็นอะไรกับคุณชายเฉิน ในใจนายน่าจะรู้ดี ฉันขอเตือนนายอย่าเข้าใจตัวเองผิด” อาเหามองเยหมิงเหวินด้วย สายตาเย็นชา

“คุณชายเฉิน?” เย่หมิงเหวินหัวเราะอย่างเหยียดหยาม พูด ถากถาง “คุณชายเฉินที่นายพูดเป็นสามีสวะคนนั้นของเสี้ยเมิ่งเหยา สินะ?”

อาเหาเม้มริมฝีปากไม่พูด

“ยังเป็นคุณชายเฉินอีกเหรอ? โง่เขลาจริงๆ ในสายตานายไม่ว่า เป็นหมาแมวอะไรก็เรียกคุณชายได้ทั้งนั้นเหรอ?” คังไห่โปอดถากถาง มาประโยคหนึ่งไม่ได้ ในความคิดของเขาคนที่สามารถเรียกว่าคุณชาย คำนี้ได้ มีเพียงคนที่สูงกว่าลูกคนรวยรุ่นสองไม่กี่คนนั้นในเมืองชางโจว ส่วนเฉินเฟิง ไม่ใช่แค่ลูกเขยแต่งเข้าบ้านที่ไร้ประโยชน์คนหนึ่งเท่านั้น เหรอ ของเสียแบบนี้ มีสิทธิ์อะไรมาถูกคนอื่นเรียกว่าคุณชายเฉิน ไม่ กลัวโดนคนหัวเราะเยาะยกใหญ่หรอกเหรอ


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ