ลูกเขยมังกร

บทที่ 530 จัดการได้ในท่าเดียว



บทที่ 530 จัดการได้ในท่าเดียว

“นายต้องกลับไป!” ฉู่เฟยมองหวังเฉียนพูดเสียงเครียดใส่ “นายเป็นอัจฉริยะที่เก่งที่สุดในรอบร้อยปีของมหาปรมาจารย์ ด้านกระบี่ นายแบกรับความหวังของมหาปรมาจารย์ด้านกระบี่ พี่จะไม่ยอมให้นายเป็นอะไรไปเด็ดขาด”

หวังเฉียนสีหน้าเปลี่ยน “พี่ ผมยังสู้ไหว….

“สู้อะไร? แลกชีวิตสู้หรือไง?” ฉู่เฟยตัดบทหวังเฉียนพลาง ว่า “หวังเฉียน นายทําดีพอแล้ว การประลองรอบต่อไปให้คนอื่น จัดการเถอะ”

“พี่คนอื่นไม่ใช่คู่ต่อสู้พวกมันหรอก…” น้ำเสียงหวังเวียน หน่ายใจ ต้องพูดเลยว่า จอมยุทธ์สืบคนที่ทางสมาคมการค้าเซีย สุ่ยจัดมาประลองครั้งนี้ แต่ละคนเก่งกาจกันทั้งนั้น ไม่มีใครอย ไปกว่าใครเลย

พอหันมามองฝั่งสมาคมการค้าจงไห่ เทียบชั้นกันไม่ติดเลย

ตั้งแต่หูซึ่งถึงหยางเสี่ยนหมิง จนถึงจางเทียนเซอ สุดท้ายมา ถึงเขา ระดับมันแบ่งกันชัดเจนอยู่แล้ว

เฟยถอนหายใจยาว: “หวังเฉียน เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว พี่จะ ไม่ปิดบังนายละกัน ที่จริงในการประลองครั้งนี้ นอกจากนายแล้ว พวกเรายังมีไพ่ไม้ตายอีกคนหนึ่ง

“ยังมีไฟไม้ตายอีกคนหนึ่ง?” หวังเจียนตาเป็นประกายขึ้นมา
“ไข่” ฉู่เฟยพยักหน้า

จอมยุทธ์อิสระคนนั้นใช่ไหม?” หวังเฉียนถาม

“นายรู้?” ฉู่เฟยค่อนข้างแปลกใจ

“ผมเดาเอาน่ะ” หวังเฉียนบอก ถึงเฉินเพิ่งจะดูธรรมดาที่สุด แต่สัมผัสที่หกของเขาบอกว่า เป็นเพ่งไม่มีทางธรรมดาเหมือนที่ แสดงออกแน่

“เขาน่ะแหละ”

“ฐานะของเขาค่อนข้างพิเศษ ไม่สามารถให้คนรู้มากเกินไปได้ ดังนั้นเลยไม่ได้บอกพวกนายคนไหนเลย” ฉีเฟยพูดตรงๆ

“พี่ไม่ต้องอธิบาย ผมเข้าใจ” หวังเฉียนพูดจริงจัง “พี่ ฝีมือ

ของจอมยุทธ์อิสระคนั้นเป็นยังไง? เก่งกว่าหรือด้อยกว่าผม?”

ตอนนี้หวังเฉียนอยากรู้ที่สุดคือ ฝีมือของเฉินเฟิง

“เทียบกับนาย?” ฉู่เฟยมองหน้าหวังเฉียนพูดกลั้วหัวเราะว่า “นายกับเขาน่าจะเป็นระหว่างป๋อจงนะ”

“ระหว่างป๋อจง (เปรียบเปรยว่าพอๆกัน?” หวังเฉียนยังไม่ อยากยอมรับ ถึงเฉินเพิ่งจะไม่เคยแสดงฝีมือที่แท้จริงของตัวเอง ออกมา แต่ในสายตาเขา ฝีมือของเฉินเฟิงน่าจะด้อยกว่าเขา หน่อย แต่เฟยกลับบอกว่าเงินเฟิงฝีมือพอๆกับเขา

“หวังเวียน พี่รู้ว่านายไม่ยอมรับ แต่ฝีมือของเฉินเฟิงรับรองว่า เก่งกว่าทนายคิดแน่นอน”
“หลายวันก่อน มีศิษย์นักบุญมีตระดับกลางอ่านจึงคนหนึ่ง ลอบฆ่าเขา เขาจัดการได้ในท่าเดียวเลย

ฉู่เฟยพูดกลั้วหัวเราะอัจฉริยะอย่างหวังเฉียน จะเย่อหยิ่ง ทระนงตนก็ไม่แปลก คนที่พวกเขาจะเห็นในสายตา ก็มีแต่ อัจฉริยะในระดับเดียวกันเท่านั้น เงินเฟิงยังถึงขั้นหรอก”

“จิตการได้ในท่าเดียว?!”

พอได้ยินฉู่เฟยพูดแบบนั้น หวังเฉียนอดตกใจไม่ได้

ศิษย์นักบุญมีตระดับกลางอ่านจิ้ง ถือเป็นยอดฝีมือระดับเดียว กับชายหนุ่มร่างเตี้ยก่อนหน้านี้แล้ว

ยอดฝีมือแบบนี้ต่อให้เป็นเขา ก็ต้องเหนื่อยเอาการ

แต่เฉินเฟิงจัดการได้ในท่าเดียว!

ถ้าเป็นจริงเหมือนที่ฉู่เฟยบอก งั้นฝีมือเฉินเพิ่งดูท่าจะไม่ พอกันกับเขาแล้วล่ะ น่าจะเป็นชนะเขาขาดเลยมากกว่า

“พี่ ผมขอไม่กลับไปก่อนละกันนะ” จู่ๆหวังเฉียนก็พูดขึ้น

“นายไม่กลับ?!” ฉู่เฟยร้อนใจขึ้นมา ที่เขาพูดไปมากมาย ขนาดนั้น เพื่อให้หวังเฉียนยอมวางใจและกลับไป แต่ตอนนี้พอ หวังเฉียนฟังเขาพูดแล้วกลับไม่ยอมกลับไป นี่เขาพูดผิดตรงไหน เนีย

“อืม ไม่กลับ ผมจะรอการประลองจบก่อนค่อยกลับ” หวังเจีย นพูดเสียงเรียบ
“พี่จู่วางใจเถอะ การประลองวันพรุ่งนี้ผมไม่เข้าร่วมหรอก” เหมือนรู้ว่าฉู่ยี่เฟยจะพูดอะไร หวังเฉียนตัดบทกลั้วหัวเราะ ที่เขา จะยังอยู่ที่นี่ เพื่อดูฝีมือเงินเฟิง

เขาอยากรู้มากว่า เงินเพิ่งจะแกร่งอย่างที่เฟยพูดจริงไหม

“เฮ้อ…

อี้เฟียถอนหายใจยาว เขามัวแต่พยายามกล่อมให้หวังเฉีย นกลับไป แต่กลับลืมไปว่าหวังเฉียนเป็นคนชอบเอาชนะ อัจฉริยะ แบบหวังเฉียน ได้ยินว่ามีคนที่เป็นอัจฉริยะยิ่งกว่าตนอยู่จะยอม พลาดโอกาสไปได้ไง?

“ไม่ไปก็ไม่ไป

“หมอเลียว ดูแลหวังเฉียนให้ดีด้วย เขาจะเป็นอะไรไปไม่ได้ เด็ดขาด” ฉ่ยี่เฟยบอก ถึงอาการบาดเจ็บของหวังเฉียนจะสาหัส แต่เขาเป็นจอมยุทธ์ แค่สองสามวันยังทนไหวอยู่ ดังนั้นไม่ถึงกับ ต้องกลับวันนี้

“ประธานฉ่วางใจได้ครับ ผมจะดูแลคุณหวังอย่างดี

ได้รับคำยืนยันจากหมอเลี้ยว เฟยถึงหมุนตัวจากไป

อีกด้าน ในห้องประชุดที่จัดขึ้นเป็นการด่วน สมาคมการค้าจง ให้กำลังมีสีหน้าเหมือนกินบอระเพ็ดเข้าไป

“ศิษย์พี่หวังคงลงประลองรอบต่อไปไม่ไหวแล้ว การประลองพรุ่งนี้จะทำยังไงดี?

“ศิษย์พี่หวังประลองไม่ไหว ก็ยังมีพวกเราไม่ใช่หรือไง?” หมู่เห วินเทียนมองคนพูดอย่างไม่พอใจ หวังเฉียนชนะการประลอง รอบติด ได้สร้างสถานการณ์ได้เปรียบอย่างใหญ่หลวงให้กับ สมาคมการค้าจงไห่แล้ว ตอนนี้ทั้งสมาคมการค้าจงให้และ สมาคมการค้าเซียสุ่ยต่างเหลือจอมยุทธ์ข้างละสี่คน เท่ากับกลับ ไปจุดเริ่มต้นเหมือนกัน

“ศิษย์น้องหวู่เหวิน ไม่ใช่ผมจะอวยให้พวกเขา แล้วทําลาย ขวัญกำลังใจตัวเอง ฝีมือจอมยุทธ์สมาคมการค้าเซียย เอาแค่ ระดับปกติยังเก่งกว่าพวกเราเลย

“สี่คนที่พวกเขาเหลืออยู่ มีอย่างน้อยสองคนที่เป็นจอมยุทธ์เ นอื่นเหมือนจิ๋วจึงถึงชีว คนพวกนี้สามารถทำได้ถึงระดับหนึ่งต่อ

“ความหมายของนายคือให้พวกเรายอมแพ้ซะเลย?!” หวู่เห วินเซียนพูดอย่างโมโห

คนนั้น โดนย้อนจนหน้า หน้าแดง: “ผม…ผมไม่ได้ หมายความว่าอย่างนั้น ผมแค่พูดความจริง”

“เอาล่ะ อย่าเถียงกันเลย พรุ่งนี้ยังมีอีกรอบ ใครจะแพ้ยังไม่ แน่หรอกนะ” เฉินเฟิงพูดเสียงเรียบ การประลองวันพรุ่งนี้ หมู่เห วินเซียนขึ้นประลองคนแรก เขาขึ้นเป็นคนที่สอง

ไม่ว่าหวู่เหวินเชี่ยนจะชนะหรือแพ้ การประลองรอบหลังๆ เขา จะสู้ให้สุดฝีมือ เพื่อคว้าชัยชนะของการประลองครั้งนี้มา
ส่วนจอมยุทธ์เบอร์เก้าและเบอร์โบที่ต่อเขา…

ถือซะว่ามาเที่ยวละกัน

“นายพูดซะสบาย เกิดพรุ่งนี้ประสองแพ้แล้วจะทำไงล่ะ?” ห เหวินเซียนพูดอย่างไม่ค่อยพอใจ เวลานี้แล้ว เฉินเฟิงยังมั่นใจซะ ไม่มีอาการร้อนใจแม้สักนิด เขาไม่แคร์การประลองครั้งนี้เลยล่ะ ม้ง

“มีผมอยู่ การประลองพรุ่งนี้ไม่แพ้หรอก” เฉินเฟิงหัวเราะ เขา กล้าพูดคำนี้ ก็ต้องมีความสามารถพอที่จะพูดได้ ในหมู่จอมยุทธ์ ยี่สิบคนที่มาประลองนี้ มีเขาแค่คนเดียวที่สำเร็จระดับต้นหัวจิ้ง

ต่อให้ไม่มีหวังเฉียนและจางเทียนเซอพวกนี้ แค่เขาคนเดียวก็ พอสู้กับจอมยุทธสิบคนของสมาคมการค้าเซียสุ่ยแล้ว

ระดับปลายอ้านจิ้งกับระดับต้นหัวจึงต่างกันราวฟ้ากับเหว

อีกอย่าง จอมยุทธ์ฝั่งสมาคมการค้าเซียฮุยน่ะยังไม่ถึงระดับ กลางอ้านจิ้งกันเลยด้วยซ้ำ

“เหอะ คุยโม้” หวู่เหวินเซียนเบ้ปาก เฉินเพิ่งพูดแบบนี้เธอไม่ เชื่อเลยสักนิด

ที่จริงแล้วเธอเตรียมใจที่จะแพ้การประลองไว้เรียบร้อย หรือพูดอีกอย่าง ไม่แค่เธอเท่านั้น คนอื่นก็ทำใจแพ้การ

ประลองกันไว้แล้ว

พอหวังเฉียนแพ้ใจของคนฝั่งสมาคมการค้าจงให้ก็แตกแยก
“ต้องโทษผมที่ไม่มีประโยชน์ ถ้าตอนแรกผมเอาชนะได้สักคน ก็คงดี” หยางเงี่ยนหมิงอดถอนหายใจออกมาไม่ได้ ในฐานะ ศิษย์ก้นกุฏิเจ้าสำนักสำนักปากว่า การขึ้นประลองครั้งนี้ของเขา ไม่เพียงไม่ได้ประโยชน์อะไรเลยเท่านั้น ยังโดนคนตัดแขนขาด หนึ่งข้างซะอีก


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ