ลูกเขยมังกร

บทที่ 812 พี่น้องตระกูลเน่



บทที่ 812 พี่น้องตระกูลเน่

แต่คำพูดติดอยู่ที่ปาก และแต่ละคนต่างก็พอรับทราบกัน ดีแล้ว เจียว่างเล่ที่อยู่ด้านข้างจึงพูดขึ้น

“นายจะมาเสแสร้งกันอยู่ทำไมล่ะ ถ้าหากว่ามีอุปสรรคอะไรก็ พูดออกมาเลย คนกันเองทั้งนั้น หรือคิดว่าจะไม่มีใครยื่นมือเข้า ช่วยอย่างนั้นเหรอ”

เนเฉินกับเนเจ๋งทั้งสองคนก็ไม่มีความคิดเห็นอะไร พวกเขามา ที่นี่เพราะเป็นตัวแทนของสำนัก เทียนซานเพื่อมาสานสัมพันธ์ กับตระกูลเจี๋ย ตระกูลผู้มีอิทธิพลอำนาจในภาคตะวันออกเฉียง เหนือ

ดังนั้นเมื่อเจี่ยตงแสดงสีหน้าที่ดูแย่ พวกเขาก็สามารถที่จะ แสดงพละกำลังออกมาให้ประจักษ์ เพื่อทำให้ความสัมพันธ์ ระหว่างสำนักเทียนซานกับตระกูลเจีย ในอนาคตมีความหนัก แน่นมากขึ้น

“อย่างนั้น ข้าก็จะพูดแล้ว แต่สองพี่น้องห้ามที่จะหัวเราะเยาะ เค็ดขาด

พูดจบ เขาก็เริ่มเล่าถึงเรื่องราวที่ได้พบเจอกับเฉินเฟิง โดยที่ เพิ่มเติมเนื้อหาอื่น ๆ เข้าไปมากมาย

“ไอ้คนชั่วช้าสารเลว อาศัยว่าตนเองมีพื้นฐานวิทยายุทธ์การ ต่อสู้ที่ดีแล้วกำเริบเสืบสานไปรังแกคนอื่นไปทั่ว ข้าคิดที่จะช่วยเหลือสาวน้อยคนนั้นจริง ๆ แต่ความสามารถด้อยกว่าฝ่ายตรง

ข้าม จึงได้แต่มองดูสาวน้อยคนนั้นถูกจับตัวไป ซึ่งตอนนี้เสียง

ร้องไห้ของเธอก็ยังคงดังวนเวียนอยู่ที่ข้างหูของข้า แต่ขากลับไม่ สามารถที่จะช่วยเหลืออะไรได้ เขาเกือบจะร้องไห้ขณะที่กำลังเล่าเรื่องราว ซึ่งก่อนที่จะทำให้ผู้ อื่นซาบซึ้งใจนั้น ตนเองได้ซาบซึ้งใจไปก่อนแล้ว

ในคําบอกเล่าของเขา เฉินเฟิงก็คืออันธพาล ส่วนเขานั้นคือ ฮีโร่ผู้ช่วยเหลือหลินหวั่นซิว เพียงแต่ฮีโร่ไม่สามารถต่อสู้เอาชนะ อันธพาลได้เท่านั้นเอง

เดิมทีก็ประทับใจในตัวเจียงอยู่บ้างแล้ว และเมื่อเนเฉินได้ฟัง เรื่องราว ก็เกิดแค้นเคืองต่อความไม่เป็นธรรมขึ้นและพูดว่า

“ไอ้พวกคนชั่วของวงการต่อสู้ข้าที่เป็นผู้ฝึกฝนการต่อสู้รวม

ถึงคนอื่น ๆ ก็ควรที่จะฆ่าเขาทิ้งซะ”

เจียว่างเล่เพิ่งได้ฟังเรื่องราวที่เกี่ยตงไปได้ประสบพบเจอเป็น ครั้งแรก ดังนั้นจึงพูดขึ้นอย่างตื่นตระหนกว่า

“ทำไมนายไม่พูดบอกกับคนในครอบครัวตั้งแต่แรก แม้ว่า ตระกูลเจียของเราจะไม่มีความสามารถในการต่อสู้สักเท่าไหร่ แต่ก็ไม่สมควรที่จะให้ใครมาข่มเหงรังแกกันอย่างนี้ วันหลังข้าจะ ตามหาเพื่อนพ้องนักบูโด เพื่อไปแก้แค้นให้กับนาย

เจียงยังไม่ทันได้พูด เน่เจ๋งที่อยู่ด้านข้างได้พูดขึ้นว่า

“คุณลุง พี่เจี่ยตง เรื่องนี้คงไม่ต้องไปรบกวนผู้อื่นหรอก ฉันคิดว่าพวกเราสองพี่น้องเหมาะสมที่สุดแล้ว

เขากล้าที่จะพูดออกมา เนเฉินจึงได้ดึงตัวเขาบ้างเล็กน้อย หมายความว่าไม่ต้องการจะให้เขา ตกปากรับคำอะไรกับใคร โดยง่าย

แต่เน่เพิ่งกลับไม่พึงพอใจ

“คนชั่วช้าแบบนี้ ต่อให้คนในตระกูลรับทราบ พวกเขาก็คงไม่ พูดอะไรหรอก พี่ชาย การอบรมของสำนักเทียนซานของเราได้ กล่าวไว้ว่าหากผ่านมาเห็นความไม่ชอบธรรม ก็ต้องชักดาบเข้า ช่วยเหลือ

“ข้าทราบ แต่ว่า……” เนเฉินจะค่อนข้างจะลังเลเมื่อเทียบกับ น้องชายของเขา

“เรื่องนี้คงไม่กล้าที่จะรบกวนพวกคุณทั้งสองหรอก เดิมทีก็เป็น เรื่องของตระกูลเจี่ยเราเอง พวกคุณทั้งสองเป็นตัวแทนของสำนัก เทียนซาน หากว่าพลาดพลั้งพ่ายแพ้ขึ้น เป็นไปไม่ได้ที่จะเป็น เพราะเรื่องนี้แล้วทำให้สำนักเทียนซานต้องเสียหน้าอับอาย ถ้า อย่างนั้นตระกูลเจียของเราก็คงจะมีโทษมหันต์

แม้ว่าจะเป็นการปฏิเสธทางอ้อม แต่ก็เหมือนกลับเป็นการยั่วยุ เจียว่างเล่เห็นว่าเด็กหนุ่มสองคนนี้กำลังเพิ่งจะก้าวเข้าสู่สังคม จิตใจกำลังฮึกเหิม ดังนั้นจึงได้พูดอย่างนี้ออกไป

แต่เน่เพิ่งกลับหลงกลเข้าเต็ม ๆ เขาพูดขึ้นอย่างอวดดีเล็กน้อยว่า

“เป็นไปได้อย่างไรที่จะพ่ายแพ้ ฉันกับพี่ของฉันผ่านการ ประลองต่อสู้มาแล้วมากมายกว่าร้อยครั้ง จนถึงวันนี้ยังไม่เคย พบกับความพ่ายแพ้มาก่อน เพียงแค่คนชั่วที่ฝึกฝนวิชาชั่วร้าย พวกเราสองพี่น้องจะต้องกำจัดและลงโทษกับคนชั่วช้าอย่าง สาสม

เนเฉินก็ถูกการยั่วยุนี้ จึงทำให้ไม่ค่อยพึงพอใจ เขาฝึกฝนถึง ขั้นระดับสูง ผู้คนที่พบเห็นไม่มีใครที่จะไม่ชื่นชม ตอนนี้กลับมีคน พูดว่าเขาอาจจะพ่ายแพ้ โดยไม่สนว่าจะเป็นเพราะเหตุผลอะไร เขาก็ไม่สามารถที่จะอดทนยอมรับมันได้

ครั้นแล้วจึงพูดขึ้นอย่างแน่วแน่ว่า

“เรื่องนี้ถือว่าเป็นหน้าที่ของพวกเราสองพี่น้องแล้วกัน ครั้งแรก ที่เข้ามาในเมือง ก็ถือว่าสำนักเทียนซานได้มอบของรางวัลชิ้น ใหญ่ให้กับกษัตริย์ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ หวังว่าต่อไป กษัตริย์ภาคตะวันออกเฉียงเหนือจะดูแลให้ความสำคัญสำนัก เทียนซานของเรามากขึ้น

“ตกลงตกลง! ”

ช่วงแวบเดียว เจี่ยตงมีรอยยิ้มขึ้นที่มุมปากซึ่งคงไม่มีใครที่จะ

สังเกตเห็น

ช่วงกลางคืนของวันที่สิบห้า ซึ่งตรงกับวันที่พระจันทร์เต็มดวง เวลาผ่านพ้นไป ดวงจันทร์และดวงดาวก็ขยับเคลื่อนตัวไปด้วยเช่นกัน

เฉินเฟิงได้ดีดก้นบุหรี่ออกไปทางหน้าต่าง เขารออยู่ที่นี่มา นี้มาสอง นาทีแล้ว แต่คนที่นัดก็ยังคงมาไม่ถึง

ที่นั่งข้างคนขับในรถของเขามีเด็กน้อยคนหนึ่งนั่งอยู่ เธอกำลัง

กินแฮมเบอร์เกอร์ที่เฉินเพิ่งซื้อมาจากร้านอาหารจานด่วน

“หนูกินช้าหน่อยก็ได้ ไม่มีใครมาแย่งหนูกินสักหน่อย

แต่เด็กน้อยที่ผอมบางน่าสงสารกลับไม่มีท่าทีที่จะช้าลง มือที่ สกปรกคู่นั้นได้จับไปที่อาหาร แล้วก็ยังอาหารค่โตเข้าไปใน ปาก เหมือนกับว่าไม่ได้กินอาหารมาเป็นเวลานานอย่างไรอย่าง

เฉินเพิ่งพบเจอเด็กผู้ที่สี่แยกขณะที่เดินทางมาที่นี่

เวลานั้นเพิ่งออกมาจากร้านสะดวกซื้อหลังจากที่ซื้อบุหรี่ ขณะ ที่กำลังเปิดประตูรถ เขาก็เห็นว่าเด็กคนนี้ขดตัวอยู่บนที่นั่งข้าง คนขับ หากมองจากภายนอกจะไม่สามารถมองเห็นได้

เฉินเฟิงตกใจ รีบถามขึ้นว่า

“หนูเป็นใครกัน? ”

แต่เด็กคนนี้กลับไม่พูดไม่จา เงยหน้าที่สกปรกมอมแมมขึ้นมา มองที่เฉินเฟิง

“พ่อแม่ของหนูล่ะ? ” เฉินเฟิงลองสอบถามดูอีกครั้ง

แต่ยังคงไม่ได้รับคำตอบเช่นเคย
มองเห็นสภาพที่น่าสงสารจริง ๆ เฉินเฟิงจึงกลับเข้าไปในร้าน

สะดวกซื้ออีกครั้ง เพื่อซื้อน้ำและอาหาร

“หนูลงมาจากรถนะ ฉันยังมีธุระ ไม่สามารถจะพาหนูไปได้ นี่มี ทั้งน้ำและอาหาร หากว่าหนูลงมาจากรถ ฉันจะให้หนูทั้งหมด

เลย”

ในมือถือสิ่งของ และพูดเกลี้ยมกล่อมกับเด็กน้อย

เงินเพิ่งมองออกว่า เด็กนั้นต้องการสิ่งของอย่างมาก แต่เธอก็ ยังนอนฟุบอยู่บริเวณหน้ากระจกรถ โดยไม่มีทีท่าว่าจะลงมา

เงินเฟิงสามารถที่จะใช้กำลัง แต่ร่างกายที่ผอมบางอย่างนั้น เขาเกรงว่าหากเขาใช้แรง ก็คงจะทำให้กระดูกหักแล้ว

ดังนั้นในที่สุด จึงกลายเป็นสภาพแบบที่เห็นในตอนนี้ เขานั่ง

รออยู่ที่นั่น ส่วนเด็กน้อยก็นั่งกินอาหารอยู่ด้านข้าง

เห็นได้ชัดว่าอาหารค่นี้ที่กินลงไปทำให้เด็กน้อยติดคอ เขา ตบไปที่หน้าอก และก็ไม่ทราบว่าน้ำวางอยู่ที่ไหนแล้ว

เฉินเฟิงจำยอมที่จะเอาน้ำที่วางอยู่บริเวณที่นั่งของเขาและเปิด ฝาขึ้น แล้วส่งไปให้เด็กน้อย

เด็กน้อยรีบรับขวดนมาแล้วดื่ม ในทันที

“หรือว่าหนูเป็นเด็กกำพร้า? ”

ขณะที่รอคอยมันน่าเบื่อ เฉินเฟิงจึงได้สอบถามขึ้น แต่ไม่ทราบว่าเด็กคนนี้เป็นใบ้หรือเปล่า เธอไม่ยอมพูด และก็ไม่สนใจเฉินเฟิง

ต่อให้หวังดีเอาอาหารให้เธอกิน แต่ก็เหมือนว่ายังไม่สามารถ ทำให้เด็กน้อยลดความหวาดระแวงในตัวเฉินเฟิงลงได้ แต่เฉินเฟิงเองก็ไม่ได้ใส่ใจ เพราะว่าในที่ไม่ไกลออกไปนักมี

คนสองคนในชุดสีขาวปรากฏตัวขึ้นภายใต้แสงจันทร์

สองคนนี้ก็คือพี่น้องตระกูลเน่ พวกเขามาที่ยันเจียงก็เพื่อแก้ แค้นให้กับเจียง

เฉินเฟิงแน่นอนว่าไม่รู้จักพวกเขาอยู่แล้ว แต่ขณะที่อยู่บ้าน อยู่ดี ๆ ก็เกิดเรื่องรำคาญใจขึ้นซึ่งไม่ทันตั้งตัวก็เกือบที่จะถูกก้อน หินปาใส่ที่ศีรษะจนได้รับบาดเจ็บ เขาจึงไม่สนใจเรื่องนี้ไม่ได้

ก้อนหินนั้นห่อด้วยกระดาษที่ด้านในเขียนที่อยู่สถานที่แห่งนี้

เอาไว้

เขาหันกลับมาพูดกับเด็กน้อยนั้นว่า

“หนูนั่งอยู่ตรงนี้ห้ามไปที่ไหนเด็ดขาด เดี๋ยวสักครู่ฉันก็กลับมา แล้ว”

ผู้ที่กำลังมานั้นดูท่าว่าไม่ดีอย่างแน่นอน แต่ในเมื่อนำเด็กมา อยู่ที่นี่แล้ว เฉินเฟิงก็หวังแต่เพียงว่าเขาคงจะไม่ซุกซนอีก

เขาลงมาจากรถเพียงลำพัง

“นายก็คือเฉินเฟิงงั้นเหรอ? ”

เน่เจิ้งถามขึ้น
“แล้วพวกนายเป็นใครกัน? ”

“ลูกศิษย์สำนักเทียนซาน มาที่นี่เพื่อกำจัดลงโทษคนที่ชั่วร้าย และส่งเสริมการทำความดี”

เฉินเฟิงตกใจ เขามองไปที่สองคนนั้นที่มีสีหน้าท่าทางจริงจัง

แต่กลับไม่ทราบว่าตนเองทำไมถึงกลายเป็นคนชั่วร้ายนั้นไปได้

“ทำไม? ”

แต่ขณะที่เขากำลังถามขึ้นนั้น ลำแสงกระบี่ก็ผ่านตัวไปแวบ

หนึ่ง

กระบี่นั้นรวดเร็วมาก เร็วถึงขนาดเฉินเฟิงตั้งตัวไม่ทัน

ล่าแสงเย็นได้พ้นผ่านไป ร่างกายที่เคลื่อนไหวช้าไปเล็กน้อยก็ ถูกฟันเข้าจนเกิดรอย และเผยให้เห็นบาดแผลที่มีเลือดไหลออก มาจากข้างใน

เฉินเฟิงมองไปที่สองคนนั้นด้วยความเย็นชา นึกไม่ถึงว่ามาถึง แล้วก็จะลงมือเลย!


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ