ลูกเขยมังกร

บทที่ 861 เปลี่ยนที่ใหม่แล้วสู้กันอีกที



บทที่ 861 เปลี่ยนที่ใหม่แล้วสู้กันอีกที

“สอง”

ร้องตะโกนอีกครั้งหนึ่ง ส่วนเฉินเฟิงก็เตะสวนออกไปอย่างแรง หนึ่งที่ เฉียวผ่านศีรษะของกูหยุนไปพอดี แต่เสียดายที่เกี่ยว ผ่านไปเพียงนิดเดียว

“สาม”

เมื่อสิ้นเสียงลง ทั้งสองคนต่างก็ถอยหลังไปหลายก้าว เพื่อ เพิ่มความห่างออกไป

“ก็รักษาคำพูดดีเหมือนกันนะ” เฉินเฟิงพูดด้วยรอยยิ้ม

“อย่าพูดมาก ด้านหลังเป็นที่โล่งกว้าง แกกับฉันไปที่นั่นค่อย มาประลองแพ้ชนะกันอีกที

ถึงแม้ตอนนี้ทั้งสองคนห่างออกจากกันมากแล้ว เฉินเฟิงก็มี โอกาสมากพอที่จะสามารถหนีไปคนเดียวได้ แต่เขาก็ไม่เคยคิด เลย เขาไม่อยากเห็นหลี่จื่อเยวถูกจับกลับไป นึกถึงนังหนูคนนั้น เป็นเพื่อนเดินทางที่ดีมาโดยตลอด ก็มีความรู้สึกเสียดายบ้าง เล็กน้อย

จึงบอกตกลง จากนั้นก็วิ่งนำหน้าไปยังทิศทางที่เขาชี้ไป

ส่วนสถานที่นั้น ก็เป็นสถานที่เงียบสงบดีจริงๆ ตั้งอยู่ที่เปลี่ยว ห่างไกลความเจริญ ต้นไม้ใบหญ้าขึ้นรกเต็มไปหมด แสงแดดยามเย็นสาดส่องลงมา ทำให้สะท้อนเงาต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ไม่ไกล นั้นทอดเงายาวไปตามทางออกไป

สายลมยามเย็นพัดโชยมา ยอดหญ้าไหวเอนขึ้นลงไปตาม แรงลมที่พัดผ่าน แลดูแล้วงดงามตระการตายิ่งนัก

“ที่นี่เหมาะสําหรับเป็นที่ฝังศพของแกเลย

“แกกับฉันยังไม่รู้ว่าใครจะตายก่อนใครกันแน่?

ทั้งสองคนพูดจบ แล้วก็เริ่มรบราฆ่าฟันกันต่อไปอีกครั้ง

ถึงแม้ว่ากหยุนจะมีพลังที่แข็งแกร่งกว่าบ้างเล็กน้อยก็ตาม แต่ว่าถ้าอยากจะเอาชนะเงินเฟิง ในเวลาอันสั้นนั้น ก็คงไม่ใช่เป็น เรื่องที่ง่ายเลย อีกทั้งบริเวณรอบนอกที่ไม่มีสิ่งกีดขวาง ใดๆ กระบวนท่าที่ใช้ในการต่อสู้ของทั้งสองคนจึงขยายวงกว้างออก ไปมากขึ้น อย่างไม่มีความกังวลใดๆทั้งสิ้น

นี่กลับทำให้เฉินเฟิงรู้สึกมีความกดดันเพิ่มมากขึ้น ดูกหยุน เดิมทีก็ถนัดกับการต่อสู้ในกระบวนท่าที่ดุเดือดเลือดพล่านเช่นนี้ อยู่แล้ว อีกทั้งสถานที่โล่งกว้างเช่นนี้ก็ยิ่งทำให้เขาสามารถแสดง ฝีมือได้อย่างเต็มที่ จังหวะในการหลบหลีกของเฉินเฟิงก็ยิ่งยุ่ง ยากมากขึ้น

แต่ก็ไม่รู้เพราะเหตุใด เซียงหลันและเขียนเสี่ยวหยุนก็ติดตาม มาทัน ยืนห่างจากเฉินเฟิงพวกเขาไม่ไกลนัก แล้วหยุดยืนดูอยู่ ตรงนั้น

“แกว่าพวกเขาสองคน ใครจะเป็นคนชนะ?” ตอนนี้เซียงหลันแลดูซีดเสียวไปมาก มองดู การต่อสู้ของเฉินเฟิงพวกเขาสองคน เธอก็ถามเซียนเสี่ยวหยุนที่อยู่ด้านข้างด้วยความอยากรู้

เชียนเสี่ยวหยุนส่ายหน้า “ฉันก็ยังดูไม่ออกเลย พละกำลังของ พวกเขาทั้งสองคนก็สูงด้วยกันทั้งคู่

เชียงหลันพูดว่า “มันเก่งกาจกันจริงๆเลย อย่างน้อยก็ต้องอยู่

ในขั้นหัวจิ้งชั้นสุดแล้วล่ะ”

เซียนเสี่ยวหยุนพูดว่า “น่าจะเกินกว่านั้นนะ ที่บ้านฉันมีผู้ อาวุโสที่อยู่ในขั้นหัวจิ้งชั้นสุด หลายท่าน ก็ยังแทบจะสู้ความเร็ว อย่างนี้ของพวกเขาไม่ได้เลย

เซียงหลันพูดอย่างตกตะลึงว่า “หรือว่าระดับชั้นปรมาจารย์ แล้วเหรอ? นี่คงเป็นไปไม่ได้มั้ง ปรมาจารย์ใต้หล้านี้ก็มีเพียงไม่กี่ คนเอง”

เขียนเสี่ยวหยุนส่ายหน้าอีกครั้งหนึ่ง “ถึงแม้ว่าฉันไม่รู้ว่า ปรมาจารย์จะร้ายกาจมากขนาดไหน แต่ระหว่างพวกเขาก็ดู เหมือนว่ายังไม่ค่อยคล่องแคล่ว อีกทั้งยังใช้กระบวนท่าเดิมๆวน เวียนอยู่อีก”

เชียนเสี่ยวหยุนสามารถวิเคราะห์ได้อย่างชัดเจนอย่างนั้น เซี ยงหลันไม่รู้สึกประหลาดใจอะไร เธอรู้ว่าถึงแม้ว่าเชียนเสี่ยวหยุน จะไม่เป็นวรยุทธ์เลยก็ตาม แต่ยังไงก็ย่อมมีความรู้มากกว่าตัว เธออย่างแน่นอน ภายในบ้านตระกูลเซียนนั้นมียอดฝีมือ มากมายขนาดนั้น ก็ย่อมต้องได้ซึมซับจากที่เคยได้ยินได้เห็นมา เป็นประจำ จึงได้รู้เรื่องราวมากมายเช่นนี้
“เสียดายทีว่า การต่อสู้ที่ดุเดือดขนาดนี้ของพวกเขาสองคนยัง ไม่มีใครมาชมดูกันเลย” เซียงหลับพูดด้วยความเห็นที่แปลก ประหลาด

เชียนเสี่ยวหยุนพูดด้วยรอยยิ้มว่า “แกกับฉันไม่ใช่คนหรือไง? การต่อสู้แบบนี้หรือว่าไม่ได้ช่วยอะไรแกเลยเหรอ?”

เซียงหลันส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ตั้งแต่ที่ฉันเข้าไปอยู่ในหอจิ๋ว โหยวแล้ว ก็ไม่เคยชอบเรื่องพวกนี้เลย ต่อให้ฉันมีโอกาสได้เห็น ทั้งสองท่านที่อยู่ในระดับชั้นสูงสุดนี้แล้ว ฉันก็ยังไม่รู้สึกอยากจะ สนใจอะไรเลย”

เชียนเสี่ยวหยุนพูดว่า “ก็เพราะว่านิสัยเอื่อยเฉื่อยขี้เกียจของ แกอย่างนี้ไง เมื่อได้พบกับยอดฝีมือที่แท้จริงแล้ว แม้แต่จะหนีเอา ชีวิตรอดยังทำไม่ได้เลย

พูดพลางก็มีความรู้สึกว่ากำลังตำหนิเซียงหลันอยู่ จึงพูดเสริม

ขึ้นว่า

“แต่ว่าถ้าหากด้วยนิสัยของแกอย่างนี้ หากตั้งใจอย่างจริงจังที่ จะฝึกวรยุทธ์แล้วละก็ ไม่มีทางที่จะทำได้ถึงระดับชั้นนี้หรอก”

เซียงหลันพูดอย่างดีใจว่า “แกเป็นคนเดียวที่เข้าใจฉันดีที่สุด เลย ยิ่งกว่านั้นฉันก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าพวกเรานิสัยคนหนึ่ง กระตือรือร้นอีกคนหนึ่งเอื่อยเฉื่อยขี้เกียจ ก็ยังเป็นเพื่อนสนิทกัน แบบนี้ได้เลย”

เชียนเสี่ยวหยุนครุ่นคิดแล้วพูดว่า “ก็อาจเป็นเพราะว่านิสัยที่ ต่างเกื้อกูลกัน แกกับฉันต่างก็เติมเต็มนิสัยของตัวเองที่ขาดหายไป”

ในระหว่างที่พวกเธอพูดคุยกันอยู่นั้น การต่อสู้ทางนั้นดูเหมือน จะยิ่งมายิ่งดุเดือดมากขึ้น ลมหายใจของเฉินเฟิงตามไม่ทันจังหวะจู่โจมตู้กูหยุนแล้ว ถ้า หากยังรับทั้งหน้าหลังไม่ทันละก็ งั้นเขาก็จะต้องพบกับความพ่าย

แพ้ไป

ส่วนเขาก็พยายามที่จะหลีกเลี่ยงปัญหาเช่นนี้

แต่กูหยุนกลับมองออกว่าเฉินเพิ่งเริ่มจะหมดแรงแล้ว ก็ยิ่ง เพิ่มพละกำลังอย่างอีกเดิม หัวเราะแล้วพูดว่า “ฉันจะดูว่าแกยัง จะฝืนทนไปได้อีกกี่น้ำ?”

เฉินเฟิงก็หัวเราะแล้วพูดว่า “รอให้แกตายก่อนแล้วกัน” “ฮม ปากดีนักนะ อีกประเดี๋ยวดูว่าแกยังจะหัวเราะออกอีกหรือ

เปล่า?”

หมัดทะลวงเขาไล่ชกไปยังหน้าอกของเฉินเฟิงจนหลบหนี ไม่ทัน เฉินเฟิงจึงจำเป็นต้องต้านทานเอาไว้ ด้วยสองมือประสาน กันไว้ตรงหน้าอก รับกระบวนท่าหมัดของเขาไว้

หลังจากที่ถอนร่นไปหลายก้าว เฉินเฟิงก็ยังไม่สามารถทนต่อ แรงปะทะตรงหน้าอกของเขาได้ รู้สึกแต่เพียงว่าเจ็บปวดตรงนั้น อย่างรุนแรง

ตกหยุนดูเหมือนจะรู้แล้วว่าหลังจากที่เฉินเฟิงฝืนรับกระบวน ท่านี้แล้วจะต้องมีอาการเช่นนี้ จึงพุ่งตัวตามเข้าไปหาทันที อาศัยจังหวะที่เฉินเฟิงกำลังหมดเรี่ยวแรง เป็นการเข้าถล่มซ้ำที่ดีที่สุด ส่วนเฉินเฟิงตอนนี้ก็ตกอยู่ภาวะลำบาก หายใจแทบไม่ทั่วท้อง ยังดีที่เขามีประสบการณ์ที่โชกโชนมาก่อน จึงได้เตรียมพร้อมไว้ ล่วงหน้าแล้ว

อาศัยพลังแรงที่ถอยออกไปเมื่อครู่ จึงรีบถอยหลังต่อไปอีก อย่างรวดเร็ว ทำให้กระบวนท่าจู่โจมของกูหยุน ดูเหมือนชกลง ไปยังกองสําลี มีแต่ลมแต่ไม่มีแรง

แต่ว่าถึงจะรอดพ้นจากครั้งนี้ไปได้ ครั้งต่อไป ก็ยังต้องตกอยู่ ภายใต้จังหวะการจู่โจมที่ต่อเนื่องของกูหยุนต่อไปอีก

“แกดูซิว่านั่นคืออะไร?” ทันใดนั้นเชียงหลันตะโกนด้วยความ แตกตื่น

เขียนเสี่ยวหยุนก็มองไปยังทิศทางที่เซียงหลันไป เงาร่างคน หนึ่งพุ่งเข้าไปยังเฉินเฟิง สองคนนั้น ส่วนด้านหน้าของเงาร่างคน นั้น กลับเป็นลำแสงสว่างลำหนึ่ง

แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเป้าหมายของเขาจะเป็นคนไหนระหว่าง เฉินเฟิงสองคนนั้น

แต่ว่าเฉินเฟิงสองคนถึงแม้กำลังอยู่ในระหว่างการต่อสู้นั้น ก็ ไม่ได้สนใจปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นจากภายนอกเลยแม้แต่นิดเดียว เมื่อกระบี่ยาวพุ่งเข้ามาใส่ ทั้งสองคนต่างก็ผละออกจากกันทันที หลบพ้นจากการฆ่าสังหารอันว่องไวของกระบี่นั้น

รอให้ยืมตั้งตัวได้แล้ว ก็หันไปมองเจ้าของกระบี่นั้น กลับเป็นเด็กหนุ่มที่ยังไร้เดียงสาคนหนึ่ง

แต่ทั้งสองคนก็ไม่กล้าประมาณแม้แต่นิดเดียว เพียงแค่ กระบวนท่ากระบี่นั้น ก็แสดงถึงความสามารถที่ปรากฏออกมา ให้เห็นแล้ว เกรงว่าฝีมือของเขาจะอยู่ระดับชั้นที่ไม่แตกต่างไป จากเงินเฟิงสองคนนั้นเท่าไรนัก

อายุเพียงเท่านี้ก็สามารถที่จะฝึกฝนได้ถึงขั้นนี้แล้ว มันไม่ใช่จะ ได้เห็นกันบ่อยนัก ก็เห็นจะมีแต่สามารถเทียบได้กับเนเจิ้งแห่ง สํานักเทียนซานที่ตายไปแล้วคนนั้นเท่านั้น

“เจ้าทารกน้อย แกก็มาจากไหนกันล่ะ” กูหยุนถูกรบกวน อย่างไม่ทันรู้ตัว ถึงแม้ว่าในใจรู้สึกไม่พอใจ ก็พูดกับคนนั้นอย่าง ไม่เกรงใจ

ส่วนเด็กหนุ่มนั้นก็รู้สึกโกรธมากเมื่อได้ยินที่ถูกเรียกเช่นนั้น

แสดงสีหน้าโกรธเคือง ออกมาให้เห็นชัด เกรงว่าไม่จำเป็นต้อง

ร่วมมือกับเฉินเฟิง ทั้งสองคนก็ต้องต่อสู้กันเองอย่างแน่นอน

“ในเมื่อแกกล้าจะแตะต้องตัวคุณหนูตระกูลเรา ก็ย่อมจะ ต้องเตรียมตัวรับมือจากการสั่งสอนของตระกูลเซียนพวกเรา ด้วย” เด็กหนุ่มทําท่าทางเคร่งขรึมเยือกเย็น แต่ว่าด้วยอายุเพียง แค่นี้ ท่าทางก็แลดูเหมือนเสแสร้งแกล้งทำ

ตู้กูหยุนพูดว่า “คุณหนูตระกูลแกเหรอ? หรือว่าแกจะเป็นคน ตระกูลเชียน?”

เฉินเฟิงยืนฟังด้วยความฉงนมึนงง ไม่รู้เหมือนกันว่าตระกูล เซียนนี้มันคืออะไรกัน
ส่วนเด็กหนุ่มคนนั้นกลับตะคอกว่า “ในเมื่อแกรู้แล้ว แกยังไม่ ยอมแพ้มาให้จับแต่โดยดี

ถึงแม้ถูกหยุนจะเกรงกลัวตระกูลเซียนก็ตาม แต่ก็ไม่มีทางที่จะ ให้คนมาเหยียบหยามถึงเพียงนี้ พูดด้วยความโกรธเคืองว่า “ทารกน้อย ตอนที่ฉันออกท่องยุทธภพนั้นแกยังอยู่ในครรภ์ มารดาอยู่เลย

ถึงแม้จะเป็นเรื่องจริงก็ตาม แต่เมื่อได้ยินคำพูดเช่นนั้นแล้ว เด็กหนุ่มคนนั้นสีหน้าเยือกเย็น เห็นทีจะต้องได้ลงมือต่อสู้กันแล้ว


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ