ลูกเขยมังกร

บทที่ 887 การกระตุ้นด้วยเลือดสด



บทที่ 887 การกระตุ้นด้วยเลือดสด

ถ้าเพียงแค่ลองคิด เฉินเฟิงเกรงว่าหากใช้สองวิธีการนี้จริงมัน คงจะทำให้เพิ่งสลบลงไปได้ทันทีเลย

ตอนนี้เขาไม่รู้จริงๆ ว่าต้องทำวิธีการไหนถึงจะสามารถดึงดูด เพิ่งได้สติขึ้นมา แต่เพิ่งที่ตอนนี้กำลังจดจ้องไปยังเข็มทองที่ กำลังแทงไปยังจุดฝังเข็มนั้น หนังตาของเธอแทบจะปิดเข้าหากัน อยู่แล้ว เธอรู้สึกเหนื่อยล้าและอ่อนเพลียมากๆ เพราะเธอใช้การ เพ่งสมาธิอย่างต่อเนื่องมาสองชั่วโมงแล้ว

เฉินเฟิงที่หันไปเห็นกรรไกรเล่มหนึ่งที่อยู่ข้างๆ เขาก็พลัน คิดถึงวิธีการอันโง่เขลาหนึ่งขึ้นมา

จากนั้นเขาก็หยิบกรรไกรขึ้นมาปาดลงไปบนฝ่ามือของตัวเอง จนเกิดแผลขึ้นมา จากนั้นเลือดสดก็ไหลซึมออกมาจากบาดแผล นั้นราวกับว่าเป็นรอยบาดที่ค่อนข้างลึก

เขาลองลิ้มรสดู พลันรู้สึกถึงกลิ่นคาวที่ออกมา แต่นั่นสามารถ

ที่จะใช้กระตุ้นเพื่อให้คนได้สติขึ้นมา

เฉินเฟิงไม่คิดลังเล ก่อนจะยื่นฝ่ามือไปยังริมฝีปากของเพิ่งซี พร้อมบอกกับเธอ “คุณลองชิมดู อันนี้อาจจะช่วยให้คุณได้สติ ขึ้นมาหน่อย ”

เมื่อได้ยินประโยคนี้ของเฉินเฟิง เพิ่งซีก็เหมือนจะเชื่อใจเขา มาก จึงไม่แม้แต่จะมองเลยก็ลองชิมทันที และคงเป็นเพราะว่าเธอมีอาการขาดน้ำอยู่แล้วจึงทำให้เมื่อได้ลิ้มลองเลือดของ เฉินเฟิง เธอจึงดูดเลือดนั้นอย่างต่อเนื่อง และปรากฏว่าความ คาวจากเลือดนั้นจะทําให้สติของเธอกลับมาอีกครั้ง

ในขณะที่เฉินเฟิงรู้สึกเพียงแค่มีอาการคันยุกยิกเล็กน้อย บวก กับอาการเจ็บตรงบริเวณแผลเปิดเมื่อสักครู่นี้ และกลายเป็น ความรู้สึกที่ยากจะเข้าใจ

และหลังจากยืดเยื้อมาเกือบหนึ่งนาทีเพิ่งถึงค่อยปล่อยมือ เขาลง แต่บาดแผลนั้นดูเหมือนว่าจะไม่ยอมหายง่ายๆ เพราะเมื่อ เฉินเฟิงดึงมือออกไปเลือดกลับยังคงไหลออกมาไม่หยุด

เลือดของเขาหยดลงไปบนพื้น ทว่าก็ไม่ได้มีใครมาสนใจ เฉินเฟิงจึงได้เพียงหยิบเอาผ้าผืนหนึ่งที่อยู่ด้านข้างขึ้นมาผันแผล เพื่อห้ามเลือดเอาไว้

เมื่อสติของเฟิงซีเริ่มกลับมาอีกครั้ง แม้ว่ามุมปากของเธอจะมี คราบเลือดสีแดงเปื้อนอยู่เธอก็ไม่ทันได้ไปสนใจ ก่อนจะกลับไป ฝังเข็มอีกครั้ง ตามด้วยอีกสองเข็ม และในที่สุดพลังงานของเธอ ก็หมดลงพร้อมกับเป็นลมไปในอ้อมแขนของเฉินเฟิงทันที

เฉินเฟิงโอบเธอเอาไว้ ก่อนจะอุ้มเธอไปวางยังเก้าอี้ตัวหนึ่งที่ อยู่อีกด้าน จากนั้นจึงตรวจดูอาการ ตอนนี้เธอดูเหมือนคนที่ เหนื่อยล้าจนไม่เหลือเรี่ยวแรงจึงหมดสติไป

สําหรับเรื่องเข็มทองที่อยู่บนตัวของนายท่านเขียนนั้น แน่นอน ว่าตกเป็นหน้าที่ของเขาในการดึงเข็มออก เพราะงานที่ไม่จำเป็น ต้องใช้ทักษะใดๆ แบบนี้ล้วนเป็นหน้าที่ของเฉินเฟิงทั้งนั้น
จากนั้นเฉินเฟิงจึงใช้โอกาสจากเวลาแบบนี้เดินออกไปหน้า

ประตูตัวคนเดียว โดยในตอนนี้ที่หน้าประตูก็มีคนยืนอยู่สองคน ซึ่งก็คือเขียนว

และลูกหลานอีกคนหนึ่งของตระกูลเซียน

เฉินเฟิงที่เห็นก็พูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา “ใครเป็นคนให้

พวกคุณมาอยู่ที่นี่?

ทั้งสองคนต่างนิ่งอึ้ง เพราะว่าพวกเขารู้สึกว่าครั้งนี้มีบางอย่าง ผิดปกติจากเดิมถึงได้ยืนเฝ้าอยู่หน้าประตูด้วยความร้อนรนแบบ นี้ แต่เนื่องจากไม่มีเสียงเรียกเสียที่พวกเขาจึงไม่สามารถที่จะ เข้าไปด้านใน และทำได้เพียงอยู่ตรงนี้อย่างร้อนใจเท่านั้น

แต่ด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาของเฉินเฟิง ในตอนนี้ ทำให้เด็กหนุ่ม อีกคนของตระกูลเซียนเกิดความไม่พอใจเล็กน้อย

“ก็เป็นเพราะว่าเวลาผ่านไปนานแล้วแต่พวกคุณก็ยังไม่ยอม ออกมาสักที แถมยังไม่มีข่าวคราวอะไรอีกด้วย และต่อให้จะเกิด เรื่องอะไรขึ้นด้านในนั้นกับพวกคุณสองคน ก็ขออย่าได้พา นายท่านของเราติดร่างแหไปด้วย เพราะเมื่อถึงเวลานั้นแล้วเกิด ข้อผิดพลาดขึ้นมาจริงๆ พวกคุณคิดว่าจะรับผิดชอบไหวหรือ เปล่า”

เฉินเฟิงที่มีความโกรธจากเรื่องของเพิ่งซีอยู่แล้ว ตอนนี้ดันมา ถูกชายหนุ่มคนนี้กระตุ้นเพิ่มเข้าไปอีก จึงทำให้ความอดทนหมด ลงทันทีพร้อมกับเดินเข้าไปกระชากคอของอีกฝ่าย

ทางด้านเชียนชิวที่ตอนแรกไม่ได้มีปฏิกิริยาใดๆ ตอนที่เห็นว่าเฉินเฟิงเริ่มใช้กำลัง เขาก็ห้ามไว้ไม่ทันเสียแล้ว เขาทำได้เพียง จับสหายตระกูลเดียวกันคนนั้นเอาไว้แล้วกล่าวร้องขอชีวิต : “พี่เฉิน ทำไมคุณต้องทำแบบนี้ด้วย ปล่อยสหายของผมคนนี้ไป กว่านะ”

เฉินเฟิงจ้องมองไปที่เขาด้วยสายตาเดือดดาลเช่นเดียวกัน “หลีกไป ไม่อย่างนั้นผมจะสั่งสอนคุณไปพร้อมกันด้วยเลย

และดูเหมือนว่าอีกฝั่งจะได้ยินเสียงดังจากทางนี้ พวกเขาจึงรีบ เดินมาดูทันทีโดยมีเซียนสวนเดินนำหน้า

เมื่อเห็นว่าเฉินเฟิง ใช้กำลัง เขาก็รีบเข้าไปห้ามทันที เมื่อเทียบ กับเซียนชิวแล้ว เซียนสวนนั้นถือว่าสามารถท้าทายกับกับ เฉินเฟิงได้เลย

ซึ่งเมื่อมีคนใช้กำลังด้วย เฉินเฟิงเองจึงปล่อยเด็กหนุ่มตระกูล

เซียนคนนี้ออกจากมือไป ก่อนจะหันไปต่อสู้กับเซียนสวนแทน

เชียนสวนที่ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นจึงกล่าวถามขึ้นมา : “คุณเฉินเฟิง นี่คุณกำลังทำอะไรกัน? ”

เฉินเฟิงตอบกลับอย่างเยือกเย็น : “กอารมณ์เสีย

เขาพูดเพียงเท่านั้น โดยไม่คิดจะอธิบายอะไรเพิ่มเติม ก่อนจะ หันไปเหวี่ยงหมัดต่อสู้กับเชียนสวนอย่างต่อเนื่อง

ในขณะที่ทางด้านเชียนสวนนั้นถูกคั้นเอาไว้ด้วยฐานะของ เฉินเฟิงในตอนนี้ จึงได้แต่เป็นฝ่ายตั้งรับเท่านั้น ทว่าด้วยแดน ของทั้งสองนั้นมีความแตกต่างมากเกินไป การคอยตั้งรับแบบนี้เลยทำให้เกิดความเสียเปรียบได้ง่าย และจากนั้นในบางครั้งเขา ก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะถูกต่อยไปสองสามหมัด และเมื่อไม่สามารถถามเอาความจากเงินเฟิงได้ เขียนสวน จึงรีบหันไปถามเซียนซิวที่อยู่อีกด้านแทน ซึ่งแน่นอนว่าเขียนว

ไม่กล้าที่จะปิดบัง จึงได้ชี้แจงเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างถี่ถ้วน

เมื่อฟังสิ่งที่เขียนชิวพูดจบ เขียนสวนก็หันไปตะคอกใส่ชาย หนุ่มที่ยืนตกใจไม่หายอยู่ด้านข้างคนนั้นทันที “เขียนชิง ยังจะ ไม่รีบกล่าวขอโทษคุณเฉินเฟิงอีก”

เมื่อพูดอย่างนั้นเขาพลันหันกลับมากล่าวขอโทษกับเฉินเฟิง

: “คุณเฉิน เป็นเพราะตระกูลเซียนไร้ความเข้มงวด และ บกพร่องในการอบรมสั่งสอนเอง หวังว่าคุณจะไม่ถือสา ขอเพียง คุณ ให้อภัย ผมจะอบรมสั่งสอนเขาอย่างดี ผมขอให้คำมั่นไว้เลย

เฉินเฟิง ได้ระบายความโกรธ ในร่างกายของตัวเอง หลังจาก ที่ได้ต่อยลงไปโดนตัวของเซียนสวนถึงสองครั้ง เขาเองก็ค่อยๆ สงบอารมณ์ลง

เขาผลักเขียนสวนออกไป เพื่อเว้นระยะห่างระหว่างพวกเขา แต่เขายังคงแสดงสีหน้าเย็นชาดังเดิม : “ครั้งนี้ผมยอมยกโทษ ให้ แต่อย่าให้มีครั้งต่อไปอีก ”

เซียนสวนรีบตอบรับอย่างทันควัน

และเฉินเฟิงก็ไม่ได้หันไปสนใจเด็กหนุ่มตระกูลเซียนที่เอาแต่ พูดขอโทษอยู่ตรงนั้น พลางเดินกลับเข้าไปด้านในห้องผู้ป่วย
เพราะตอนนี้ใกล้ถึงเวลาที่สามารถดึงเข็มออกแล้ว และอีก อย่างคือเขาเป็นห่วงสถานการณ์ของเฟิงซีด้วย แต่โชคดีที่เธอยัง คงหลับอยู่

เหล่าคนตระกูลเซียนพากันยืนอยู่ด้านนอกประตู รอจนกระทั่ง เงินเพิ่งออกมาอีกครั้งพร้อมกับแบกเพิ่งที่หมดสติไปแล้วไว้บน หลัง และพวกเขาได้แต่เฝ้ามองอยู่อย่างนั้นโดยไม่พูดอะไร

เมื่อกลับมาถึงลานเล็ก เสื้อผ้าชุดชั้นในของเพิ่งซีกซุ่มเหงื่อจน หมดแล้ว เฉินเฟิงจึงรีบช่วยเช็ดตัวให้กับเฟิง ก่อนจะป้อนน้ำให้ กับเธอ จากนั้นจึงวางเธอลงกลับไปนอนบนเตียง

หลังจากเสร็จสิ้นทุกอย่างแล้ว เขาก็คอยนั่งเฝ้าดูอาการอยู่

ข้างๆ

จนกระทั่งถึงเวลาอาหารเย็น เซียนสวนจึงกลับมาที่ลานเล็กนี้

อีกครั้ง พร้อมทั้งพาเด็กหนุ่มตระกูลเซียนคนนั้นที่มีเรื่องกับ

เฉินเฟิงมาด้วย

“ยังไม่รีบกล่าวขอโทษคุณเฉินอีก”

ทันทีที่เดินมาถึง เขาก็สั่งให้เด็กหนุ่มคนนั้นกล่าวขอโทษต่อ เฉินเฟิงทันที ส่วนเด็กหนุ่มคนนั้นที่ถูกสั่งสอนให้เชื่อฟัง จึงรีบเข้า มาแสดงความขอโทษด้วยความนอบน้อมทันที

ทว่าเฉินเฟิงกลับแค่จ้องมองเขาโดยไม่พูดให้อภัยใดๆ แล้ว ปล่อยให้เขาโน้มคำนับอยู่อย่างนั้นด้วยความเขินอาย

เชียนสวนที่อยู่ข้างๆ ก็ไม่กล้าที่จะพูดอะไรจึงได้เพียงยืนเงียบๆ อยู่อย่างนั้น

ผ่านไปสักพัก เฉินเฟิงถึงยอมเอ่ยปาก “ไสหัวไปเถอะ อย่า

ให้ผมได้เห็นหน้าอีก

แต่เด็กหนุ่มคนนั้นกลับไม่มีการขยับตัวใดๆ จนเขียนส่วนด่า เขาไปที่หนึ่ง เขาถึงค่อยยืดตัวตรงแล้วเดินออกไป

เซียนสวนพูดขึ้นมาพร้อมรอยยิ้มบนใบหน้า “ต้องขออภัย จริงๆ ช่วงนี้ตระกูลเซียนของเราเกิดเรื่องวุ่นวายมากมาย ซึ่งมัน ทำให้เกิดความรำคาญใจไม่น้อยจริงๆ ”

หลังจากนั้นเขาก็พูดพร่ำอีกมากมาย แต่เงินเฟิงกลับไม่ได้ ตั้งใจฟังเลยสักนิด และเมื่อเห็นว่าเงินเฟิงอารมณ์ไม่ดีมากนัก เชียนสวนจึงขอตัวกลับ

กระทั่งพระอาทิตย์ในวันถัดมาขึ้นมาอีกครั้ง เพิ่งซีก็ตื่นขึ้นมา

ตั้งแต่เช้าตรู่ เธอรู้สึกคอแห้งจนอยากจะดื่มน้ำเป็นอย่างมาก

แต่ทันทีที่เธอขยับตัว เฉินเฟิงที่นอนเฝ้าอยู่ตรงนั้นทั้งคืนก็ตื่น ขึ้นมา

เขาที่เห็นว่าเพิ่งฟื้นแล้ว จึงรีบโน้มตัวเข้าไปทันทีพร้อมกล่าว ถาม : “คุณรู้สึกยังไงบ้าง

“หิวน้ำ”

ตอนนี้แม้ว่าสภาพจิตใจของเพิ่งจะดีขึ้นมามาก แต่ว่าริม ฝีปากที่เคยแดงระเรื่อนั้นกลับกลายเป็นสีขาวซีดเพราะอาการ ขาดน้ำ แม้แต่ผิวก็ดูซีดเผือดไปด้วย
ใบหน้าซีดเซียวนั้นที่เดิมที่น่าหยิกบีบคั้นเอาน้ำออกมา ตอนนี้ กลับดูไร้สีสันไปหมด เฉินเฟิงที่มองดูก็รู้สึกปวดใจขึ้นมา และเมื่อ ได้ยินเพิ่งบอกว่าหิวน้ำ เขาจึงรีบไปเทน้ำที่อยู่บนโต๊ะใส่แก้วใน ปริมาณที่ค่อนข้างเยอะแล้วเดินกลับไปหาเธอ


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ